พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะตุลาการศาลทหาร และคณะอัยการ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท และพระราชทานพระบรมราโชวาท เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความยุติธรรม สร้างความสงบสุขแก่ประเทศชาติ
วานนี้ (12 ธ.ค.) เวลา 17.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุม สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทตามลำดับ ดังนี้ พลเอกทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม นำตุลาการศาลทหารสูงสุด ตุลาการศาลทหารกลาง และตุลาการพระธรรมนูญศาลทหารชั้นต้น เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
โอกาสนี้ นายทหารสัญญาบัตร ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย ในการนี้ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติหน้าที่
" การเป็นทหารผู้ใหญ่ ซึ่งจะต้องแสดงตนว่า เป็นผู้ใหญ่ เพื่อที่จะให้เห็นว่า ในประเทศมีความเรียบร้อย มีความยุติธรรม และต้องรักษาหน้าที่นี้ให้เคร่งครัด และถ้าปฏิบัติด้วยความเคร่งครัด จะทำให้บ้านเมืองมีความเรียบร้อย ทำให้ประชาชนมีความไว้วางใจในราชการ ก่อนที่จะให้ประเทศชาติมีความเรียบร้อย ท่านจึงมีหน้าที่สำคัญ และขอให้ท่านรักษาหน้าที่ที่มีความสำคัญนี้ตลอดเวลาที่รับหน้าที่อยู่ "
นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด นำอัยการประจำกองสำนักงานอัยการสูงสุด เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ โอกาสนี้รองอัยการสูงสุด อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ และเลขานุการอัยการสูงสุด ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย ในการนี้ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทว่า "ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โดยปราศจากอคติทั้งปวง"
" เป็นคำปฏิญาณเพื่อให้งานในหน้าที่สำคัญนี้บรรลุผลอย่างแน่นอน การที่ท่านปฏิญาณมานี้ถือว่า เป็นสิ่งที่สำคัญ และจะต้องรักษาคำพูดนี้ให้เป็นแน่นอน และให้ท่านมีความสามารถรักษาไว้ตลอดไป ถือว่าการรักษาคำพูดนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง เพราะว่าจะทำให้ความยุติธรรมเกิดขึ้น และมวลชนคนจะไว้วางใจในการปกครอง ที่เรียบร้อยของประเทศ และขอให้ท่านรักษาความยุติธรรมของหน้าที่ จะทำให้ประเทศชาติอยู่เย็นเป็นสุขได้ ประชาชนได้มีความไว้วางใจในการปกครองของประเทศ ขอให้ท่านมีส่วนในการที่สำคัญในการปกครองของประเทศนี้ โดยรักษาคำปฏิญาณนี้อย่างเคร่งครัด ".
วานนี้ (12 ธ.ค.) เวลา 17.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ ห้องประชุม สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ชั้น 14 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทตามลำดับ ดังนี้ พลเอกทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม นำตุลาการศาลทหารสูงสุด ตุลาการศาลทหารกลาง และตุลาการพระธรรมนูญศาลทหารชั้นต้น เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
โอกาสนี้ นายทหารสัญญาบัตร ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย ในการนี้ได้พระราชทานพระบรมราโชวาท เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติหน้าที่
" การเป็นทหารผู้ใหญ่ ซึ่งจะต้องแสดงตนว่า เป็นผู้ใหญ่ เพื่อที่จะให้เห็นว่า ในประเทศมีความเรียบร้อย มีความยุติธรรม และต้องรักษาหน้าที่นี้ให้เคร่งครัด และถ้าปฏิบัติด้วยความเคร่งครัด จะทำให้บ้านเมืองมีความเรียบร้อย ทำให้ประชาชนมีความไว้วางใจในราชการ ก่อนที่จะให้ประเทศชาติมีความเรียบร้อย ท่านจึงมีหน้าที่สำคัญ และขอให้ท่านรักษาหน้าที่ที่มีความสำคัญนี้ตลอดเวลาที่รับหน้าที่อยู่ "
นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด นำอัยการประจำกองสำนักงานอัยการสูงสุด เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ โอกาสนี้รองอัยการสูงสุด อธิบดีอัยการ สำนักงานคณะกรรมการอัยการ และเลขานุการอัยการสูงสุด ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย ในการนี้ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทว่า "ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โดยปราศจากอคติทั้งปวง"
" เป็นคำปฏิญาณเพื่อให้งานในหน้าที่สำคัญนี้บรรลุผลอย่างแน่นอน การที่ท่านปฏิญาณมานี้ถือว่า เป็นสิ่งที่สำคัญ และจะต้องรักษาคำพูดนี้ให้เป็นแน่นอน และให้ท่านมีความสามารถรักษาไว้ตลอดไป ถือว่าการรักษาคำพูดนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง เพราะว่าจะทำให้ความยุติธรรมเกิดขึ้น และมวลชนคนจะไว้วางใจในการปกครอง ที่เรียบร้อยของประเทศ และขอให้ท่านรักษาความยุติธรรมของหน้าที่ จะทำให้ประเทศชาติอยู่เย็นเป็นสุขได้ ประชาชนได้มีความไว้วางใจในการปกครองของประเทศ ขอให้ท่านมีส่วนในการที่สำคัญในการปกครองของประเทศนี้ โดยรักษาคำปฏิญาณนี้อย่างเคร่งครัด ".