“พาณิชย์”ถกห้างคุมกระเช้าของขวัญปีใหม่ สั่งระบุให้ชัดใส่สินค้าอะไร ราคาเท่าไร ค่ากระเช้ากี่บาท และห้ามใส่สินค้าที่มีอายุต่ำกว่า 3-6 เดือน พร้อมให้รับประกันคืนสินค้าได้หากพบว่ามีปัญหา โดยคืนได้ก่อน 28 ก.พ.ปีหน้า “วิบูลย์ลักษณ์”เล็งชง ครม. ของบทำร้านถูกใจเฟส 2
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และร้านสหกรณ์กรุงเทพ เรื่องการดูแลกระเช้าของขวัญปีใหม่ว่า กรมฯ ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการที่จำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ ให้นำสินค้าที่มีคุณภาพและมีระยะใช้งานก่อนวันหมดอายุไม่ต่ำกว่า 3-6 เดือนมาจัดใส่ลงในกระเช้า และต้องแจกแจงรายละเอียดของสินค้าให้ชัดเจน ทั้งชนิดสินค้า ราคาต่อชิ้น น้ำหนักสินค้า รวมไปถึงต้องระบุราคาค่ากระเช้าและของตกแต่ง โดยให้พิมพ์รายละเอียดต่างๆ ให้ชัดเจนขนาดตัวอักษรไซส์ 16 เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้ราคาของสินค้าและค่ากระเช้าก่อนตัดสินใจซื้อ
ทั้งนี้ ยังได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการมีการรับประกันสินค้า โดยผู้ซื้อสินค้าสามารถนำสินค้าในกระเช้ามาเปลี่ยนได้ในกรณีที่สินค้าในกระเช้าไม่ได้คุณภาพหรือสินค้าหมดอายุ หรือในกรณีที่ผู้ได้รับกระเช้า ก็สามารถนำสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพหรือหมดอายุมาเปลี่ยนคืนได้ โดยมีระยะเวลาจนถึงวันที่ 28 ก.พ. 2556 ซึ่งทางผู้ประกอบการทุกรายได้รับที่จะให้ความร่วมมือตามที่กรมฯ กำหนด
“การดูแลกระเช้าของขวัญปีใหม่ในส่วนของห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ กรมฯ ไม่กังวลว่าจะเกิดปัญหาเอารัดเอาเปรียบกับผู้บริโภค แต่เป็นห่วงผู้ประกอบการรายย่อยมากกว่า โดยได้สั่งการให้ทางค้าภายในจังหวัดออกตรวจสอบร้านค้าให้มีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้ากระเช้าตามที่กรมฯ กำหนดเหมือนกับที่ได้ขอความร่วมมือไปยังห้าง หากฝ่าฝืนไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าจะมีโทษปรับ 1 หมื่นบาท”น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าว
สำหรับการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ กรมฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบราคาสินค้าและทำความเข้าใจกับร้านค้า ไม่ให้ฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควร และต้องปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน รวมถึงตรวจสอบตามสถานีรถโดยสารต่างๆ เพื่อให้ร้านค้าปิดป้ายแสดงราคาสินค้า ไม่ให้เกิดการเอาเปรียบประชาชนในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ที่จะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนา
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการดำเนินโครงการร้านค้าถูกใจ สัปดาห์หน้าจะมีการประชุมเพื่อจัดทำรายละเอียดและแผนการผลักดันร้านถูกใจปี 2556 ซึ่งจะไม่เน้นการเพิ่มจำนวนร้านค้า แต่จะเน้นสร้างความเข้มแข็งให้ร้านค้า และเพิ่มปริมาณสินค้าในร้านถูกใจให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพราะร้านถูกใจถือเป็นทางเลือกในการช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี โดยงบประมาณที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการต่อจะใช้งบประมาณเดิมที่เหลืออยู่ประมาณ 300 ล้านบาท และขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกส่วนหนึ่ง
ทั้งนี้ ในปัจจุบันกรมฯ ได้ถอดร้านถูกใจออกจากโครงการประมาณ 1,500 ราย เนื่องจากไม่สนใจที่จะดำเนินการ ไม่มีการสั่งซื้อสินค้า หรือไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ และได้มีการคัดเลือกร้านค้าที่สมัครขึ้นบัญชีไว้มาเติมให้เต็มจำนวนตามเป้าหมาย 1 หมื่นรายแล้ว
สำหรับสินค้าไฮไลต์ในร้านถูกใจ ขณะนี้องค์การคลังสินค้า (อคส.) รับปากที่จะเร่งจัดทำข้าวสารบรรจุถุงมาจำหน่ายในร้านถูกใจเพิ่มขึ้น เพราะเป็นสินค้ายอดนิยม รวมถึงน้ำมันปาล์มขวดที่นำมาจำหน่ายในร้านถูกใจจะปรับลดราคาลงมาอีกเหลือขวดละ 38 บาท จากราคาปกติขวดละ 42 บาท
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และร้านสหกรณ์กรุงเทพ เรื่องการดูแลกระเช้าของขวัญปีใหม่ว่า กรมฯ ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการที่จำหน่ายกระเช้าของขวัญปีใหม่ ให้นำสินค้าที่มีคุณภาพและมีระยะใช้งานก่อนวันหมดอายุไม่ต่ำกว่า 3-6 เดือนมาจัดใส่ลงในกระเช้า และต้องแจกแจงรายละเอียดของสินค้าให้ชัดเจน ทั้งชนิดสินค้า ราคาต่อชิ้น น้ำหนักสินค้า รวมไปถึงต้องระบุราคาค่ากระเช้าและของตกแต่ง โดยให้พิมพ์รายละเอียดต่างๆ ให้ชัดเจนขนาดตัวอักษรไซส์ 16 เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับรู้ราคาของสินค้าและค่ากระเช้าก่อนตัดสินใจซื้อ
ทั้งนี้ ยังได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการมีการรับประกันสินค้า โดยผู้ซื้อสินค้าสามารถนำสินค้าในกระเช้ามาเปลี่ยนได้ในกรณีที่สินค้าในกระเช้าไม่ได้คุณภาพหรือสินค้าหมดอายุ หรือในกรณีที่ผู้ได้รับกระเช้า ก็สามารถนำสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพหรือหมดอายุมาเปลี่ยนคืนได้ โดยมีระยะเวลาจนถึงวันที่ 28 ก.พ. 2556 ซึ่งทางผู้ประกอบการทุกรายได้รับที่จะให้ความร่วมมือตามที่กรมฯ กำหนด
“การดูแลกระเช้าของขวัญปีใหม่ในส่วนของห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีก ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ กรมฯ ไม่กังวลว่าจะเกิดปัญหาเอารัดเอาเปรียบกับผู้บริโภค แต่เป็นห่วงผู้ประกอบการรายย่อยมากกว่า โดยได้สั่งการให้ทางค้าภายในจังหวัดออกตรวจสอบร้านค้าให้มีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้ากระเช้าตามที่กรมฯ กำหนดเหมือนกับที่ได้ขอความร่วมมือไปยังห้าง หากฝ่าฝืนไม่ปิดป้ายแสดงราคาสินค้าจะมีโทษปรับ 1 หมื่นบาท”น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าว
สำหรับการดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงเทศกาลปีใหม่ กรมฯ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบราคาสินค้าและทำความเข้าใจกับร้านค้า ไม่ให้ฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควร และต้องปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน รวมถึงตรวจสอบตามสถานีรถโดยสารต่างๆ เพื่อให้ร้านค้าปิดป้ายแสดงราคาสินค้า ไม่ให้เกิดการเอาเปรียบประชาชนในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ที่จะมีประชาชนจำนวนมากเดินทางกลับภูมิลำเนา
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าการดำเนินโครงการร้านค้าถูกใจ สัปดาห์หน้าจะมีการประชุมเพื่อจัดทำรายละเอียดและแผนการผลักดันร้านถูกใจปี 2556 ซึ่งจะไม่เน้นการเพิ่มจำนวนร้านค้า แต่จะเน้นสร้างความเข้มแข็งให้ร้านค้า และเพิ่มปริมาณสินค้าในร้านถูกใจให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพราะร้านถูกใจถือเป็นทางเลือกในการช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนได้เป็นอย่างดี โดยงบประมาณที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการต่อจะใช้งบประมาณเดิมที่เหลืออยู่ประมาณ 300 ล้านบาท และขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกส่วนหนึ่ง
ทั้งนี้ ในปัจจุบันกรมฯ ได้ถอดร้านถูกใจออกจากโครงการประมาณ 1,500 ราย เนื่องจากไม่สนใจที่จะดำเนินการ ไม่มีการสั่งซื้อสินค้า หรือไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ และได้มีการคัดเลือกร้านค้าที่สมัครขึ้นบัญชีไว้มาเติมให้เต็มจำนวนตามเป้าหมาย 1 หมื่นรายแล้ว
สำหรับสินค้าไฮไลต์ในร้านถูกใจ ขณะนี้องค์การคลังสินค้า (อคส.) รับปากที่จะเร่งจัดทำข้าวสารบรรจุถุงมาจำหน่ายในร้านถูกใจเพิ่มขึ้น เพราะเป็นสินค้ายอดนิยม รวมถึงน้ำมันปาล์มขวดที่นำมาจำหน่ายในร้านถูกใจจะปรับลดราคาลงมาอีกเหลือขวดละ 38 บาท จากราคาปกติขวดละ 42 บาท