**กลายเป็นเรื่องน่าสงสัย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่ กับกรณีกระสุนปืนอาร์พีจี ที่อยู่ในคลังอาวุธของกองกำกับการตำรวจตระเวนชานแดน 24 ค่ายเสนีย์รณยุทธ์ จ.อุดรธานี สังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชานแดน(ตชด.)หายไป
จนพ.ต.ท.(หญิง)พรเฉลิม เสนาสุ สว.กบ.กก.ตชด.24 ต้องเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ตามคำสั่งพ.ต.อ.อรินทร เดชาธรอมร ผกก.กก.ตชด.24 หลังการเข้าตรวจสอบของคณะกรรมการ บก.ตชด. ภาค2 เมื่อวันที่ 21 พ.ย.55 พบว่า กระสุนปืนอาร์พีจี 2 LOT 316/28 1-897 รุ่น 2,7 จำนวน 2 ลูก และดินส่ง 7 กระบอก หายไปจากคลังอาวุธใน กก.ตชด. 24
เพราะผ่านมาจนถึงขณะนี้เกือบจะครึ่งเดือนในอีกไม่กี่วัน คดีความก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร มิหนำซ้ำท่าทีของผู้บริหารสำนักงานตำรวจตำรวจแห่งชาติ ก็ดูจะไม่มีใครสนใจใยดีต่อเรื่องที่เกิดขึ้น
ทั้งๆที่ของที่หายไม่ใช่แค่กระบอง หรือกระบอกไฟฉาย แต่สิ่งที่หายเป็นถึงกระสุนปืนอาร์พีจี อาวุธสงครามยุทโธปกรณ์ทางการรบ ซึ่งต้องใช้งบประมาณแผ่นดินในการจัดซื้อมา เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่
พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่า
**“ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนที่รับแจ้งความยังไม่ได้ดำเนินการอะไร เนื่องจากตำรวจที่มาแจ้งความ มาลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานว่า มีเครื่องกระสุนและอาวุธปืนหายไปเท่านั้น ซึ่งต้องรอให้ทาง ตชด.24 นำหลักฐานเอกสารต่างๆในการตรวจสอบอาวุธมาให้ หรือมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี ทางเราจึงจะสามารถเข้าไปดำเนินการได้ ขณะนี้ทำได้แต่รอว่า ทางตชด.24 จะดำเนินการอย่างไร”
**”งงพะยะค่ะ” ตำรวจเล่นตลกอะไรกัน !!!
กระสุนปืนสงครามระดับ”อาร์พีจี”หายไปจากคลังอาวุธ ซึ่งอยู่ภายในกองกำกับการตชด. เปรียบเหมือน ล้วงคองูเห่า ไม่ว่าจะเป็นคนใน หรือคนนอกมาขโมย ก็ต้องแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดทางกฎหมายให้ถึงที่สุด คนในก็ต้องหาตัวมาดำเนินการทางวินัยและอาญา คนนอกก็ต้องดำเนินคดีอาญา และขยายผลมีใครร่วมขบวนการบ้าง
แต่ทาง ตชด.24 กลับแค่มาลงบันทึกประจำวันที่โรงพักเท่านั้น ไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี เพื่อให้มีการสืบสวนขยายผลหาคนขโมยมาลงโทษ
หากจะมองว่าการที่ทาง ตชด.24 เลือกลงบันทึกประจำวัน ไม่ถึงขั้นแจ้งความดำเนินคดี เป็นเพราะยังไม่มั่นใจว่าอาวุธถูกขโมยหรือเพียงแค่ยักย้ายถ่ายโอนไปเก็บไว้ที่อื่น ผ่านมาเกือบครึ่งเดือน ทุกอย่างก็น่าจะกระจ่างชัดแล้ว แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร
และถ้าเป็นความไม่แน่ใจว่ากระสุนปืนอาร์พีจี หายจริงหรือไม่ ก็ไม่น่าถึงขั้นที่นายตำรวจระดับผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่าง พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ต้องออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะด้วยตัวเอง ทั้งที่เรื่องยังไม่มีความชัดเจนใดๆ
ยิ่งการออกมาเปิดเผยกระสุนปืนอาร์พีจีหายไปจากค่ายตชด. ของพล.ต.อ.วรพงษ์ ครั้งนั้นออกมาในระหว่างการแถลงข่าวช่วงการเตรียมความพร้อมมาตรการดูแลการชุมนุมกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ที่มี "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นแกนนำ ที่จะมาชุมนุมในอีก 2 วัน คือวันที่ 24 พ.ย. นับจากวันที่กระสุนปืนอาร์พีจีหายเมื่อวันที่ 21 พ.ย. ก็ดูจะมองเป็นอื่นไม่ได้ ถ้าไม่มองว่ากระสุนปืนอาร์พีจีที่หาย อาจจะเชื่อมโยงกับการชุมนุม ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง
แม้พล.ต.อ.วรพงษ์ จะไม่ได้บอกตรงๆ ชัดๆ ชนิดฟันธง ว่าเชื่อมโยงเกี่ยวพันกัน แต่ผู้ที่ฟังก็ต่างอนุมานกันไปแล้วว่าอาจจะเกี่ยวกัน เนื่องจากช่วงนั้นตำรวจพยายามจะส่งสัญญาณว่า การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรง จนพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ต้องขอให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ
มิหนำซ้ำยังสอดรับกับข้อมูลจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ออกมาบอกทางด้านการข่าวในการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม มีมือที่ 3 เตรียมเข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย ด้วยการใช้ระเบิด หรือ ยิงอาร์พีจี เพื่อให้มีภาพความรุนแรง จะได้มีผู้ที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์การบ้านเมือง
การบรรเลงท่วงทำนองที่สอดรับกันระหว่างฝ่าย”ตำรวจ”กับฝ่าย”การเมือง”ลักษณะนี้ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นแรก แต่เกิดขึ้นมาหลายครั้งในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว กุมบังเหียนเก้าอี้ ผบ.ตร. และมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ดูแลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งมีมหกรรมสอดรับกัน ชนิดสังคมตั้งข้อสงสัยถึง”ศักดิ์ศรี”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีท่าทีเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ชนิดไร้จุดยืนในการทำหน้าที่ ต่อเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.พม่า จับกุมผู้ต้องหาชาวพม่า 1 ราย พร้อมอาวุธสงคราม จรวดอาร์พีจี กระสุนปืนเอ็ม 16 บริเวณใกล้โรงแรมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดจะเข้าพักและเข้าสักการะพระธาตุชเวดากองจำลอง ใน อ.ท่าขี้เหล็ก ฝั่งประเทศพม่า และมีกระแสข่าวคนร้ายเตรียมการที่จะนำอาวุธดังกล่าวไว้ลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาแถลงทันที
“เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่พบด้านการข่าวว่า การจับอาวุธดังกล่าว จะมีความเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่”
แต่พอ ”พานทองแท้ ชินวัตร” ลูกชายพ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาตอกย้ำเรื่องการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องจริง และร.ต.อ.เฉลิม ตามสมทบรับลูก”พานทองแท้” ยืนยันข้อมูลการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมกับเล่าแผนการเป็นฉากๆ อ้างคนร้ายชาวพม่าสารภาพมีเป้าหมายสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ระหว่างเดินทางไปทำบุญพระธาตุชเวดากอง
สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ พล.ต.ต.ปิยะ คนเดิมออกมาบอกมีข้อมูลการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ
“จากการตรวจสอบด้านการข่าวของตำรวจสันติบาล และตำรวจภูธรภาค 5 มีการเชื่อมโยงอาวุธที่จับกุมได้จะนำไปลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะเดินทางมาทำบุญ เบื้องต้นข้อมูลด้านการข่าวสอดคล้องกับร.ต.อ.เฉลิม ที่ออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า มีการเตรียมลอบสังหารจริง”
อย่างไรก็ตาม ผ่านมาจนถึงวันนี้ คดีการลอบสังหาร พ.ต.ท.ททักษิณ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันนักยืนยันหนาก็ยังไม่มีข้อมูลหลักฐานอะไรที่ชัดเจน ว่ามีแผนการลอบสังหารจริงมาแสดงให้สังคมรับรู้รับทราบ นอกจากเพียงแค่คำพูดที่ออกมมา และเงียบหายไปตามกาลเวลา แต่กระนั้นช่วงที่ตำรวจออกมายืนยันข่าวลอบสังหาร ก็สร้างกระแสสังคมให้กระเพื่อมขึ้นไปแล้ว
เฉกเช่นเดียวกับกรณีกระสุนปืนอาร์พีจีหายจากค่าย ตชด. ที่คำยืนยันจาก พล.ต.อ.วรพงษ์ ครั้งนั้น ก็ทำให้การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เกิดแรงกระเพื่อม หวั่นเกรงอาจมีใครนำกระสุนดังกล่าวเข้ามาใช้ก่อเหตุในช่วงชุมนุม แต่แล้วพอทุกอย่างเสร็จสิ้น กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ยุติการชุมนุม ก็ดูท่าเรื่องกระสุนปืนสงคราม “อาร์พีจี” ที่หายไปจากค่ายตชด.24 จ.อุดรธานี จะเงียบหายแบบที่ไม่มีใครติดใจตามหาอาวุธที่ซื้อมาจากเงินภาษีของประชานไปด้วย
”กระสุนอาร์พีจี” หาย! จากค่าย ตชด. จึงยังเป็นปมปริศนาข้อสงสัยว่า “หายจริง”หรือ”หายการเมือง”กันแน่
**พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว แม่ทัพใหญ่สีกากี ต้องมีคำตอบให้สังคม.
-----------------
จนพ.ต.ท.(หญิง)พรเฉลิม เสนาสุ สว.กบ.กก.ตชด.24 ต้องเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ตามคำสั่งพ.ต.อ.อรินทร เดชาธรอมร ผกก.กก.ตชด.24 หลังการเข้าตรวจสอบของคณะกรรมการ บก.ตชด. ภาค2 เมื่อวันที่ 21 พ.ย.55 พบว่า กระสุนปืนอาร์พีจี 2 LOT 316/28 1-897 รุ่น 2,7 จำนวน 2 ลูก และดินส่ง 7 กระบอก หายไปจากคลังอาวุธใน กก.ตชด. 24
เพราะผ่านมาจนถึงขณะนี้เกือบจะครึ่งเดือนในอีกไม่กี่วัน คดีความก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร มิหนำซ้ำท่าทีของผู้บริหารสำนักงานตำรวจตำรวจแห่งชาติ ก็ดูจะไม่มีใครสนใจใยดีต่อเรื่องที่เกิดขึ้น
ทั้งๆที่ของที่หายไม่ใช่แค่กระบอง หรือกระบอกไฟฉาย แต่สิ่งที่หายเป็นถึงกระสุนปืนอาร์พีจี อาวุธสงครามยุทโธปกรณ์ทางการรบ ซึ่งต้องใช้งบประมาณแผ่นดินในการจัดซื้อมา เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่
พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ระบุว่า
**“ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนที่รับแจ้งความยังไม่ได้ดำเนินการอะไร เนื่องจากตำรวจที่มาแจ้งความ มาลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานว่า มีเครื่องกระสุนและอาวุธปืนหายไปเท่านั้น ซึ่งต้องรอให้ทาง ตชด.24 นำหลักฐานเอกสารต่างๆในการตรวจสอบอาวุธมาให้ หรือมีผู้มาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี ทางเราจึงจะสามารถเข้าไปดำเนินการได้ ขณะนี้ทำได้แต่รอว่า ทางตชด.24 จะดำเนินการอย่างไร”
**”งงพะยะค่ะ” ตำรวจเล่นตลกอะไรกัน !!!
กระสุนปืนสงครามระดับ”อาร์พีจี”หายไปจากคลังอาวุธ ซึ่งอยู่ภายในกองกำกับการตชด. เปรียบเหมือน ล้วงคองูเห่า ไม่ว่าจะเป็นคนใน หรือคนนอกมาขโมย ก็ต้องแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดทางกฎหมายให้ถึงที่สุด คนในก็ต้องหาตัวมาดำเนินการทางวินัยและอาญา คนนอกก็ต้องดำเนินคดีอาญา และขยายผลมีใครร่วมขบวนการบ้าง
แต่ทาง ตชด.24 กลับแค่มาลงบันทึกประจำวันที่โรงพักเท่านั้น ไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี เพื่อให้มีการสืบสวนขยายผลหาคนขโมยมาลงโทษ
หากจะมองว่าการที่ทาง ตชด.24 เลือกลงบันทึกประจำวัน ไม่ถึงขั้นแจ้งความดำเนินคดี เป็นเพราะยังไม่มั่นใจว่าอาวุธถูกขโมยหรือเพียงแค่ยักย้ายถ่ายโอนไปเก็บไว้ที่อื่น ผ่านมาเกือบครึ่งเดือน ทุกอย่างก็น่าจะกระจ่างชัดแล้ว แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าอะไร
และถ้าเป็นความไม่แน่ใจว่ากระสุนปืนอาร์พีจี หายจริงหรือไม่ ก็ไม่น่าถึงขั้นที่นายตำรวจระดับผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่าง พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ต้องออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะด้วยตัวเอง ทั้งที่เรื่องยังไม่มีความชัดเจนใดๆ
ยิ่งการออกมาเปิดเผยกระสุนปืนอาร์พีจีหายไปจากค่ายตชด. ของพล.ต.อ.วรพงษ์ ครั้งนั้นออกมาในระหว่างการแถลงข่าวช่วงการเตรียมความพร้อมมาตรการดูแลการชุมนุมกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ที่มี "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นแกนนำ ที่จะมาชุมนุมในอีก 2 วัน คือวันที่ 24 พ.ย. นับจากวันที่กระสุนปืนอาร์พีจีหายเมื่อวันที่ 21 พ.ย. ก็ดูจะมองเป็นอื่นไม่ได้ ถ้าไม่มองว่ากระสุนปืนอาร์พีจีที่หาย อาจจะเชื่อมโยงกับการชุมนุม ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง
แม้พล.ต.อ.วรพงษ์ จะไม่ได้บอกตรงๆ ชัดๆ ชนิดฟันธง ว่าเชื่อมโยงเกี่ยวพันกัน แต่ผู้ที่ฟังก็ต่างอนุมานกันไปแล้วว่าอาจจะเกี่ยวกัน เนื่องจากช่วงนั้นตำรวจพยายามจะส่งสัญญาณว่า การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม มีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรง จนพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ต้องขอให้รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ
มิหนำซ้ำยังสอดรับกับข้อมูลจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ออกมาบอกทางด้านการข่าวในการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม มีมือที่ 3 เตรียมเข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย ด้วยการใช้ระเบิด หรือ ยิงอาร์พีจี เพื่อให้มีภาพความรุนแรง จะได้มีผู้ที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์การบ้านเมือง
การบรรเลงท่วงทำนองที่สอดรับกันระหว่างฝ่าย”ตำรวจ”กับฝ่าย”การเมือง”ลักษณะนี้ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งนี้เป็นแรก แต่เกิดขึ้นมาหลายครั้งในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว กุมบังเหียนเก้าอี้ ผบ.ตร. และมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ดูแลงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งมีมหกรรมสอดรับกัน ชนิดสังคมตั้งข้อสงสัยถึง”ศักดิ์ศรี”สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีท่าทีเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ชนิดไร้จุดยืนในการทำหน้าที่ ต่อเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.พม่า จับกุมผู้ต้องหาชาวพม่า 1 ราย พร้อมอาวุธสงคราม จรวดอาร์พีจี กระสุนปืนเอ็ม 16 บริเวณใกล้โรงแรมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดจะเข้าพักและเข้าสักการะพระธาตุชเวดากองจำลอง ใน อ.ท่าขี้เหล็ก ฝั่งประเทศพม่า และมีกระแสข่าวคนร้ายเตรียมการที่จะนำอาวุธดังกล่าวไว้ลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาแถลงทันที
“เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่พบด้านการข่าวว่า การจับอาวุธดังกล่าว จะมีความเกี่ยวข้องกับการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่”
แต่พอ ”พานทองแท้ ชินวัตร” ลูกชายพ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาตอกย้ำเรื่องการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเรื่องจริง และร.ต.อ.เฉลิม ตามสมทบรับลูก”พานทองแท้” ยืนยันข้อมูลการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ พร้อมกับเล่าแผนการเป็นฉากๆ อ้างคนร้ายชาวพม่าสารภาพมีเป้าหมายสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ระหว่างเดินทางไปทำบุญพระธาตุชเวดากอง
สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ พล.ต.ต.ปิยะ คนเดิมออกมาบอกมีข้อมูลการลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ
“จากการตรวจสอบด้านการข่าวของตำรวจสันติบาล และตำรวจภูธรภาค 5 มีการเชื่อมโยงอาวุธที่จับกุมได้จะนำไปลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะเดินทางมาทำบุญ เบื้องต้นข้อมูลด้านการข่าวสอดคล้องกับร.ต.อ.เฉลิม ที่ออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า มีการเตรียมลอบสังหารจริง”
อย่างไรก็ตาม ผ่านมาจนถึงวันนี้ คดีการลอบสังหาร พ.ต.ท.ททักษิณ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันนักยืนยันหนาก็ยังไม่มีข้อมูลหลักฐานอะไรที่ชัดเจน ว่ามีแผนการลอบสังหารจริงมาแสดงให้สังคมรับรู้รับทราบ นอกจากเพียงแค่คำพูดที่ออกมมา และเงียบหายไปตามกาลเวลา แต่กระนั้นช่วงที่ตำรวจออกมายืนยันข่าวลอบสังหาร ก็สร้างกระแสสังคมให้กระเพื่อมขึ้นไปแล้ว
เฉกเช่นเดียวกับกรณีกระสุนปืนอาร์พีจีหายจากค่าย ตชด. ที่คำยืนยันจาก พล.ต.อ.วรพงษ์ ครั้งนั้น ก็ทำให้การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม เกิดแรงกระเพื่อม หวั่นเกรงอาจมีใครนำกระสุนดังกล่าวเข้ามาใช้ก่อเหตุในช่วงชุมนุม แต่แล้วพอทุกอย่างเสร็จสิ้น กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ยุติการชุมนุม ก็ดูท่าเรื่องกระสุนปืนสงคราม “อาร์พีจี” ที่หายไปจากค่ายตชด.24 จ.อุดรธานี จะเงียบหายแบบที่ไม่มีใครติดใจตามหาอาวุธที่ซื้อมาจากเงินภาษีของประชานไปด้วย
”กระสุนอาร์พีจี” หาย! จากค่าย ตชด. จึงยังเป็นปมปริศนาข้อสงสัยว่า “หายจริง”หรือ”หายการเมือง”กันแน่
**พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว แม่ทัพใหญ่สีกากี ต้องมีคำตอบให้สังคม.
-----------------