สอดแนมการเมือง
โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
15.00 น. ของวันที่ 18 พฤศจิกายน 2555 ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 กองทัพอากาศ
ประธานาธิบประเทศดีสหรัฐอเมริกา มหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก นายบารัค โอบามา เดินทางด้วยเครื่องบินแอร์ ฟอร์ซ วัน แวะมาเยือนประเทศไทย ก่อนจะแฉลบไปยังประเทศพม่า แล้วบินลัดฟ้าเข้าประเทศกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมการประชุมอาเซียน ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายของการมาเยือนภูมิภาคนี้
นายโอบามา มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และได้ทูลเกล้าถวายภาพเขียน-อัลบั้มพระบรมฉายาลักษณ์ เมื่อครั้งเสด็จฯเยือนสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโอบามาได้ชื่นชม"ในหลวง"ของปวงชนชาวไทยว่า
รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้นำด้านภูมิปัญญา และความมีศักดิ์ศรี ที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ และความเป็นเอกภาพของประเทศไทย
อืม..คำพูดของโอบามา บุรุษผิวสี ที่เป็นผู้นำประเทศมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลก มิได้เสแสร้งพูดจาชื่นชมในหลวงในเชิงการทูต หากแต่เพราะในหลวงของปวงชนชาวไทยพระองค์นี้ ทรงมีผลงานอันดีงามมากมายในระดับชาติ และลือเลื่องจนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกมานานแล้ว
โดยเฉพาะทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นปรัชญาหรือแนวทางการดำรงชีวิต ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบัน ทรงมีพระราชดำรัสแก่ชาวไทย นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 และทรงมีพระราชดำรัสอย่างชัดเจน เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 ทรงให้เป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศไทย เพื่อประชาชนคนไทยจะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์ และวิกฤติในมิติต่างๆ ของโลก
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ ได้รับการเชิดชูเป็นอย่างสูงจากองค์การสหประชาชาติ ว่าเป็นปรัชญาที่มีประโยชน์ต่อชาติไทยและนานาประเทศ สหประชาชาติจึงได้สนับสนุนให้ประเทศสมาชิก ยึดเป็นแนวทางสู่การพัฒนาแบบยั่งยืนไงล่ะครับ
น่าแปลก..ที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ฝรั่งผิวสีจากอเมริกาที่มิใช่คนไทย ยังรู้ซึ้งถึงพระปรีชาสามารถของในหลวง ที่พระองค์ทรงปกครองแผ่นดินโดยธรรม ทรงทำเพื่อชาติและประชาชนคนไทยมาโดยตลอด พระองค์จึงทรงเป็นพ่อของแผ่นดินที่คนไทยทั้งชาติรักและเทิดทูนเสมอมา
แต่กลับมีคนไทยจำนวนหนึ่ง เรียกตนเองเป็นพวกแดงล้มเจ้า ได้ปฏิบัติการทำลายสถาบันและพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ทั้งลับและเปิดเผย โดยมีนักการเมืองมหาเศรษฐีบางคน ได้ให้การสนับสนุนหนุนหลังคนชั่วกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง ทั้งด้วยเงินทองและตำแหน่งทางการเมืองตราบจนทุกวันนี้
หลังจากนั้นนายโอบามา ได้พบปะกับนายกฯหญิงของชาติไทย นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนเกิดภาพข่าวฉาวโฉ่ฮือฮาในวงการสื่อของโลก ที่เห็นถึงความไม่เหมาะสมในฐานะผู้นำหญิงของชาติไทยคนนี้
โดยนายกฯยิ่งลักษณ์ในวันต้อนรับขับสู้ ประธานาธิบดีโอบามานั้น เธอสวยเพริศพริ้งหยาดเยิ้มไปทั่วสรรพางค์กาย ยิ่งรอยยิ้มเหนือเรียวปากช่างระริกระรี้ชวนวาบหวาม แววตาที่ทอดปรายไปสบตากับนายโอบามานั้น ฉายประกายแวววับหวานฉ่ำยิ่งกว่าน้ำเชื่อมเสียนี่กระไร
เฮ้อ..ความเซ็กซี่สุดๆ ของนายกฯยิ่งลักษณ์ ที่แสดงออกกับนายโอบามา สื่อเทศเลยมองว่า..สตรีสูงยาวเข่าสวยกลมกลึงวัย 45 ที่เป็นผู้นำของชาติไทย มีทีท่าประหนึ่งเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งคนใหม่ของสหรัฐฯ แทนที่นางมิเชลล์ โอบามาไปเรียบร้อยแล้ว
Gawker บล็อกข่าวออนไลน์ชื่อดังในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา จึงได้เปลี่ยนตำแหน่งของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จากหัวหน้าคณะรัฐบาลไทย ไปเป็นสตรีข้างกายของประธานาธิบดีโอบามา ในห้วงผู้นำผิวสีคนนี้อยู่ในประเทศไทย
โดยคอลัมนิสต์สาวแห่งเว็บ Gawker ระบุว่า ประธานาธิบดีโอบามา วัย 51 ปี ซึ่งมีภรรยาเป็นตัวตนอยู่แล้ว กลับแสดงพฤติกรรมไม่ต่างไปจากหนุ่มโสด ระหว่างช่วงที่ใช้เวลาอยู่ใกล้ชิดกับผู้นำหญิงของไทย ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่อง ที่สาธารณชนชาวอเมริกันจำเป็นต้องหยิบยกขึ้นมาถกกัน
ภาพลักษณ์ของผู้นำสหรัฐฯต้องมัวหมอง เพราะถูกสื่อต่างประเทศหลายสำนัก รุมวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม เช่น เว็บไซต์ดรัดจ์ รีพอร์ต ที่ให้คำอธิบายปรากฏการณ์ ส่งตาหวาน ระหว่าง นายกฯไทยกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยใช้คำว่า Flirtasian
ขณะที่เดลี เมลหนังสือพิมพ์เก่าแก่ของเมืองผู้ดี ใช้คำว่า flirty หรือการมีพฤติกรรม ทำนองเล่นรักหว่านเสน่ห์ระหว่างผู้นำทั้งสอง
บทความชิ้นล่าสุดของบล็อกข่าว Gawker ระบุว่า ภาพความสัมพันธ์ของโอบามาและยิ่งลักษณ์ ที่ปรากฏผ่านสื่อทั่วโลกนั้น ทำให้ยากเหลือเกินที่จะเชื่อได้ว่า ผู้นำทั้งสองเป็นเพียงแค่เพื่อนกันเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ภาพที่ปรากฏสู่สายตาชาวโลก ยังทำให้ชาวอเมริกันจำนวนไม่น้อยคิดว่า
นายกรัฐมนตรีหญิงของไทยเป็นสตรีข้างกายแบบลับๆ ของโอบามา จนทำให้เกิดคำถามตามมาว่าใครคือสตรีคนนั้นที่อยู่กับประธานาธิบดีของฉัน? ขณะเดียวกันภาพการแสดงออกที่หวานเยิ้มดังกล่าว ระหว่างผู้นำสหรัฐฯและไทย ยังถูก เคทีย์ วีเวอร์ คอลัมนิสต์สาว นำมาบรรยายขยายความแบบเจาะลึกออกเป็น 7 ช็อตโดยใช้ถ้อยคำวิเคราะห์วิจารณ์ที่รุนแรงเกินจะเผยแร่ได้
งานต้อนรับนายโอบามานี่แหละ ที่นายกฯยิ่งลักษณ์โชว์ลีลา Woman's Touch ออกมาอย่างเปิดเผย นี่เธอยังไม่ได้แสดง Woman’s Touch ครบตามสูตรนะ แต่แค่นี้สื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศ ก็แลเห็นอย่างชัดแจ้งว่า นายกฯไทยเธอช่างยั่วเย้าเร่าร้อน ปนระริกระรี้ผสมวาบหวิวสยิวเสียว ด้วยจริตจะก้านมายาหญิง ชนิดที่ ตั๊ก บงกช อีโรติกตัวแม่ในหนังจัน ดารา ต้องยกธงขาวให้นายกฯยิ่งลักษณ์เธอเลยครับ
แต่ใครบางคนกลับมองว่า เธอช่างเหมือนหญิงสาวผู้โหยหิว ยามได้ต้อนรับกลุ่มนาวิกโยธินมะกันที่ลงมาจากเรือรบ แล้วยกพลมาขึ้นบกที่ชายหาดพัทยามากกว่า!
ภาพข่าววาบหวิวจากสำนักข่าวต่างประเทศทั้งเอพีและเอเอฟพี เผยแพร่ภาพชุดสีสัน"เสน่ห์ระหว่างผู้นำชายหญิง ที่ชื่อโอบามาและยิ่งลักษณ์ ซึ่งสนทนากันอย่างออกรส ทั้งคู่หัวเราะด้วยกัน แลกเปลี่ยนสาย ตาขี้เล่นตลอดมื้อค่ำ ซึ่งจัดขึ้น ณ ทำเนียบรัฐบาลตึกไทยคู่ฟ้า..
เรื่องราวนายกฯ หญิงของชาติไทย ใช้แววตาหยาดเยิ้มแสดงทีท่ายั่วยวนปนระริกระรี้ ด้วยลีลาปัญญานิ่มจนกระฉ่อนฉาวแบบนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้นำหญิงชาติใดในโลกมาก่อนเลย
ผู้นำหญิงไทยคนนี้ทำเสมือนไร้สมอง จนไม่รู้เลยหรือไงว่า ผู้นำของชาติไม่พึงกระทำเรื่องทำนองนี้ ถึงส่วนตัวเธอจะไม่รู้จักคำว่าขายหน้า แต่เธอและพี่ชายที่ตั้งเธอเป็นนายกฯก็พึงรู้ไว้ด้วยว่า ชาติและคนไทยส่วนใหญ่เจ้าของประเทศนั้น อับอายขายหน้ากับพฤติกรรมต่ำๆ นี้จริงๆ
โชคร้ายทีวันนี้ชาติไทยมีผู้นำชาติ ที่มิใช่แค่ไร้ความรู้ทางการเมืองเท่านั้น หากแต่เธอยังเป็นนายกฯที่ไร้ความรับผิดชอบต่อชาติ ไร้จิตสำนึกที่ดีในความเป็นตัวแทนของคนไทยอีกด้วย
ทักษิณโฟนอินกับคนเสื้อแดงว่า ภูมิใจในน้องสาวคนนี้จนน้ำตาเล็ด แต่คนไทยส่วนใหญ่ในชาติอับอายและโกรธจนน้ำตาไหลทนไม่ไหวแล้วโว้ย..
เพราะสื่อเทศต่างมองนายกฯหญิงของชาติไทยคนนี้ แสดงอาการบางอย่างผ่านภาษาตาและภาษากายอย่างโจ่งครึ่มว่า เธออยากเผด็จศึกประธานาธิบดีสูงดำนามโอบามาคนนี้เสียเหลือเกิน
งานนี้..นายกฯยิ่งลักษณ์ได้ทำลายภาพอันเรียบร้อยของกุลสตรีไทยยับเยินไปแล้ว..เฮ้อ..!