ASTVผู้จัดการรายวัน - สื่อต่างประเทศ อ้าง ตร.พม่า ยืนยันไม่มีแผนลอบสังหาร "ทักษิณ" ย้ำ “ท่าขี้เหล็ก”จับอาวุธสงครามเป็นเรื่องปกติ ส่วนบริษัทที่ปรึกษาประเมินความเสี่ยงในเอเชีย เผยแทบไม่มีขอบเขตของความเป็นจริง เชื่อเป็นเพียงละครทางการเมืองให้พวกพ้องของเขาได้เล่นกัน ด้าน “นพดล” โพสต์พม่า เชิญนายใหญ่บรรยายแก้ปัญหาชนบทอีกรอบ
วานนี้ (8 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล เปิดเผยรายงานข่าวจากการสัมภาษณ์ตำรวจพม่านายหนึ่ง ในกรุงเนปิดอว์ เกี่ยวกับแผนการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางไปยัง จ.ท่าขี้เหล็กของพม่าในวันนี้ โดยตำรวจนายนี้ไม่เชื่อว่า จะมีแผนนี้จริง
ส่วนชายที่ถูกจับกุมพร้อมกับอาวุธสงคราม ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าจะเกิดทั่วไปใน จ.ท่าขี้เหล็ก เนื่องจาก จ.ท่าขี้เหล็กนั้นเป็นศูนย์กลางของยาเสพติด และมีอาวุธเถื่อนที่มีการลักลอบนำเข้า และส่งออกในพื้นที่ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ
“พ.ต.อ.มินกอทู ระบุว่าการจับกุมผู้ต้องหาและยึดอาวุธเป็นคดียาเสพติดไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทักษิณไม่มีแผนเตรียมฆ่าทักษิณอย่างแน่นอน”
อย่างไรก็ตาม วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เปลี่ยนแผนที่จะเดินทางไปพบกับนักธุรกิจไทย และกลุ่มคนเสื้อแดงที่ จ.ท่าขี้เหล็ก โดยจะเข้าพบกับประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ของพม่า ที่กรุงเนปิดอว์แทน
ขณะที่บริษัทที่ปรึกษาประเมินความเสี่ยงในเอเชีย เปิดเผยว่า แผนลอบฆ่าทักษิณแทบไม่มีขอบเขตของความเป็นจริงเป็นเพียงละครทางการเมืองให้พวกพ้องของเขาได้เล่นกัน
**แม้ว พบเต็งเส่ง ยันจะไปพบอีกรอบ
ด้านนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กส่วนตัว เฟซบุ๊ก Noppadon Pattamaเกี่ยวกับผลการเยือนพม่าและพบปะกับประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ซึ่งมีทั้งพูดคุยเรื่องอาเซียน การค้าการลงทุน และที่สำคัญ ประธานาธิบดี เต็ง เส่ง ได้เชิญ พ.ต.ท ทักษิณ ไปบรรยายเรื่องการแก้ปัญหาและพัฒนาชนบทด้วย
"เพิ่งได้กราบเรียนสายกับท่านอดีตนายกทักษิณ ที่เพิ่งเดินทางกลับจากการไปเยือนและพบปะกับท่านประธานาธิบดี เต็ง เส่ง โดยเป็นการเยี่ยมคารวะ เพราะเคยรู้จักและทำงานร่วมกันเมื่อครั้งท่านเป็นนายกฯของไทย โดยผู้นำทั้งสองได้สนทนาประเด็นในภูมิภาคหลายเรื่อง รวมทั้งอนาคตของอาเซียนด้วย โดยท่านอดีตนายกฯได้แสดงความดีใจที่พม่าได้มีการพัฒนาประชาธิปไตยและเศรษฐกิจเป็นลำดับ และหลังจากที่ทางยุโรปและสหรัฐฯได้ผ่อนคลายและยกเลิกข้อห้ามในการค้าและการลงทุนในพม่า ทำให้พม่าจะเป็นประเทศที่น่าสนใจของประเทศต่างๆ
นอกจากนั้นท่านประธานาธิบดี เต็ง เส่งได้กล่าวว่า จากการเดินทางมาไทย ได้ทราบถึงนโยบายและผลงานของท่าน พ.ต.ท ทักษิณเมื่อครั้งเป็นนายกฯในการแก้ปัญหาความยากจนและพัฒนาชนบท ทางพม่าจึงจะขอเชิญท่าน พ.ต.ท ทักษิณ ไปบรรยายเรื่องการแก้ปัญหาและพัฒนาชนบทเพื่อให้คุณภาพชีวิตของคนในชนบทดีขึ้น โดยจะตกลงเรื่องวันเวลาอีกครั้งหนึ่ง การเยือนในครั้งนี้เป็นไปด้วยความชื่นมื่น และเต็มไปด้วยไมตรีจิตระหว่างผู้นำทั้งสอง"
**"เสธ.อ้าย" ชี้อาจกระทบสัมพันธ์
พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ กล่าวว่า หากมีการลอบสังหารจริงทำไมต้องขนอาวุธจากฝั่งไทยไป นอกจากนี้เรื่องดังกล่าวยังเป็นการดูถูกประเทศพม่าในเรื่องของการรักษาความปลอดภัย
เมื่อถามว่าข่าวนี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร พล.อ.บุญเลิศ กล่าวว่า ไม่อยากมอง เพราะคนชั่วมันคิดได้สารพัด ซึ่งจะไปเดาความคิดคนพวกนี้ไม่ได้ และเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลอยากจะทำอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะถูกหรือผิด ซึ่งทำผิดเป็นส่วนใหญ่ และเรื่องแบบนี้โดยส่วนตัวคิดว่ากระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
**องคมนตรี บอก'ไม่ยุ่งกับการเมือง'
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของพ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่ามีนายทหารที่มีภาพพจน์ดีอยู่เบื้องแผนลอบสังหารพ.ต.ท.ทักษิณ โดยหลายฝ่ายคนได้พุ่งเป้าไปที่พล.อ.สุรยุทธ์นั้นว่า "ตนไม่มีอะไรจะพูดในเรื่องนี้ และตนก็ไม่ทราบ"
เมื่อถามว่า ทำไมถึงมีการนำเอาท่านมาเกี่ยวข้องทางการเมืองอีก พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่ทราบ ไม่มีอะไรจะพูด แต่ทุกท่านช่วยดูก็แล้วกัน"
เมื่อถามย้ำว่า ตอนนี้ท่านได้ตกเป็นเป้าของฝ่ายการเมือง พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า "ตนไม่มีคำตอบ ตนไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองอยู่แล้ว"
** ร้องกองปราบสอบ"โอ๊ค-เหลิม"ปูด
ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ เข้ายื่นหนังสือต่อ พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. เพื่อขอให้พนักงานสอบสวน บก.ป.ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และนายพานทองแท้ ชินวัตร ออกมาให้ข้อมูลและให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ตามสื่อมวลชนว่ามีข้อเท็จจริงอย่างไรเนื่องจากกระแสข่าวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพพม่า อีกทั้งยังเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาเกี่ยวกับความผิดต่อความมั่นคงภายนอกราชอาณาจักร
นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า นายพานทองแท้ และร.ต.อ.เฉลิม อาจสมคบกันให้ข่าวเกี่ยวกับการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งที่ทางการพม่ายังไม่เคยให้ข่าวใดๆ อีกทั้งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากมากที่จะเกิดขึ้น จึงอยากให้พนักงานสอบสวน บก.ป.ตรวจสอบข้อเท็จจริง และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระแสข่าวดังกล่าวว่า เป็นการกระทำที่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ทั้งประมวลกฎหมายอาญา และพ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือไม่
**เฉลิมโต้จัดฉากลอบสังหารทักษิณ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวขณะมอบนโยบายปฏิบัติการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดอย่างยั่งยืนในปี 2556 ในพื้นที่ 17 จังหวัดในภาคเหนือ ถึงกรณีการจับกุมอาวุธสงครามที่ประเทศพม่า ที่มีกระแสว่าเป็นการจัดฉาก ว่า ข้อเท็จจริง เมื่อพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมายังจังหวัดท่าขี้เหล็ก ทางพม่าจึงได้จัดกำลังทหารกว่า 8 คันรถเดินทางมายัง จ.ท่าขี้เหล็ก เพื่อตรวจสอบความผิดปกติ เนื่องจากได้ข่าวว่าจะมีการลักลอบนำอาวุธสงครามเข้ามาเก็บไว้ในพื้นที่ ซึ่งทางพม่าก็ได้ตรวจพบอาวุธสงครามดังกล่าวจริง โดยสามารถยึดลุกกระสุน อาร์พีจี จำนวน 3 ลูกพร้อมเครื่องยิง และอาวุธปืน เอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน ซึ่งเป็นความจริง ไม่ได้มีการจัดฉากสร้างกระแสแต่อย่างใด การกล่าวหาว่าจัดฉากนั้นเกิดจากพวกที่ว่างงานจัด ไม่ทำงานคอยแต่จ้องจะจับผิดของฝ่ายตรงข้ามซึ่งทำงานอยู่ตลอดเวลา
อีกด้านที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญทั่วไปที่มีนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุม กล่าวต่อที่ประชุมว่า ขอเลื่อนกระทู้ถามสดของ นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เรื่องความน่าเชื่อถือของหน่วยงานความมั่นคงของประเทศ กรณีการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ออกไปเป็นสัปดาห์หน้า เนื่องจาก ร.ต.อ.เฉลิม ติดภารกิจที่ จ.เชียงราย ไม่สามารถมาตอบกระทู้สดในวันนี้ได้ ทำให้ นายวัชระ เจ้าของกระทู้ถามสด ลุกขึ้นกล่าวว่า สัปดาห์หน้าขอเป็นกระทู้แรก เพราะเรื่องนี้ต้องชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ ทั้งนี้ มองว่า ร.ต.อ.เฉลิม มีความพยายามหนีการชี้แจงต่อสภาผู้แทนราษฎร
**ครม.ดูมาบตาพุดสานต่อทวาย
ที่สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อ.เมืองระยอง นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมช.คมนาคม ให้การต้อนรับคณะรัฐมนตรีของสาธารณรัฐสหภาพเมียนมาร์ ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและคณะที่เดินทางมาเยี่ยมชม
นายประเสริฐ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีสาธารณรัฐสหภาพเมียนมาร์ให้ความสำคัญในด้านการศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับด้านการบริหารและจัดการ การวางระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานภายในนิคมอุตสาหกรรม การรักษาความปลอดภัย และการรักษาสิ่งแวดล้อมของนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด การดำเนินงานท่าเรือน้ำลึกและโรงไฟฟ้าเป็นหลัก พื่อจะนำไปเป็นแนวทางการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของสาธารณรัฐสหภาพเมียนมาร์ ซึ่งกำลังจะมีการพัฒนาในอนาคตอันใกล้นี้ โดยเฉพาะกำลังพัฒนาโครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย และเส้นทางคมนาคมเชื่อมระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐสหภาพเมียนมาร์