ASTVผู้จัดการรายวัน-พระเมืองเชียงใหม่บุกดีเอสไอ ยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบชื่อดัง “ อ.หนู กันภัย” อ้างเบี้ยวเงินบริจาคสร้าง'หลวงปู่ทวด'กว่า 300 ล้านบาท เจ้าสำนักสักยันต์ แจงบริสุทธิ์ใจสร้างหลวงปู่ทวด ตั้งทนาย 10 ทีมสู้
วานนี้(18 ต.ค.55) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เวลา 09.00 น. พระใบฎีกาเทียนชัย สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ ต.ทาเหนือ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ พร้อมคณะศิษยานุศิษย์จำนวนหนึ่ง ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบเงินบริจาคทำบุญสร้างองค์หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มียอดเงินทำบุญของประชาชนกว่า 300 ล้านบาท แต่เงินจำนวนดังกล่าวทางวัดที่เป็นผู้ดำเนินการสร้างไม่เคยได้รับเงินจำนวนดังกล่าวแต่อย่างใด จนทางเจ้าอาวาสวัดถูกร้องเรียน
ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ามาคลี่คลายคดีเกี่ยวกับการยักยอกเงินบริจาคของวัดแม่ตะไคร้ ซึ่งเงินบริจาคที่ว่ามานี้รวมกันประมาณ 300 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันบริจาคเช่าบูชาวัตถุมงคลต่างๆ ของ อ.หนู กันภัย ที่จัดสร้างขึ้นและโฆษณาประชาสัมพันธ์ว่าเงินที่จำหน่ายวัตถุมงคลทั้งหมดจะนำไปสร้างองค์หลวงปู่ทวดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่อุทยานที่วัดแม่ตะไคร้ จ.เชียงใหม่ ซึ่งวัตถุมงคลนั้นก็มี อาทิ เหรียญ 5 แถว-ฉัตรเพชร เหรียญดวงประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน เหรียญพระพุทธเจ้าชนะมาร ทั้งนี้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมาร่วมกันเช่าบูชาและบริจาคเงินผ่านตามสื่อต่างๆตลอดมาเป็นระยะเวลายาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 เป็นต้นมา
ที่ผ่านมาเงินบริจาคและเช่าบูชาวัตถุมงคลทั้งหมดนั้นทางวัดไม่ได้เป็นผู้รับเงินหรือเก็บเงินแต่อย่างใด แต่เงินทั้งหมดนั้นอยู่กับอาจารย์หนู กันภัย เพียงผู้เดียว โดยทางวัดไม่มีโอกาสรับรู้เรื่องเงินดังกล่าวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2551 เมื่อทางวัดเริ่มมีดการก่อสร้างอุทยานองค์หลวงปู่ทวด มาจนถึงปัจจุบันนี้ อาจารย์หนู กันภัย ได้เอาเงินมาส่งมอบให้กับทางวัดแม่ตะไคร้เป็นเงินทั้งสิ้นจำนวนประมาณ 15 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งทำให้การก่อสร้างอุทยานหลวงปู่ทวดไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามที่ควรจะเป็น ส่วนเงินรายได้จำนวนมหาศาลที่ได้มาจากศรัทธาของสาธุชนนั้น เมื่อทางวัดไปทวงถามกับทางอาจารย์หนู ก็บอกแต่ว่ายังไม่มี โดยอาจารย์หนูจะอ้างว่า นายภุชงค์ สิริธัญผล ซึ่งเป็นประธานบริษัทโอมมหารวย จำกัด และเป็นผู้ที่ดำเนินรายการโฆษณาให้เช่าบูชาวัตถุมงคลทางสถานีเคเบิ้ลทีวี ยังไม่ได้ให้เงินมา แต่เมื่อ อาตมาสอบถามไปยังนายภุชงค์ ก็ได้คำตอบว่า ทางบริษัทโอมมหารวย จำกัด ได้โอนเงินเพื่อนำไปสร้างองค์หลวงปู่ทวดให้กับอาจารย์หนู ทุกเดือนตลอดมา เป็นจำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาท และมีหลักฐานการโอนเงินพร้อมที่จะยืนยันและพร้อมให้ตรวจสอบได้
ในขณะเดียวกันนั้นอาตมา ก็ทราบมาโดยตลอดว่าเงินที่สาธุชนได้ร่วมกันบริจาคบูชาวัตถุมงคลทั้งจากสำนักสักยันต์อาจารย์หนู และจากทางรายการทีวีของนายภุชงค์ มีจำนวนเงินเข้ามารวมกันกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งอาตมาก็ได้ทวงถามตลอดแม่แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะอาจารย์หนู บ่ายเบี่ยง
จนล่าสุดนี้ทราบว่า สรรพากรจังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีการเรียกเก็บเงินภาษีจากนายสมพงษ์ เป็นเงินจำนวน 13,861,847.39 บาท แต่มีการเจรจากัน และสุดท้ายได้รับการลดหน่อย เหลือเพียง 4,401,075,41 บาท เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมานั้นอาจารย์หนูได้รับเงินบริจาคมา แต่ไม่มีการนำส่งเงินเพื่อหักภาษี ทำให้ทางวัดแม่ตะไคร้ไม่สามารถที่จะตรวจสอบเงินบริจาคได้เช่นกัน เพราะอาจารย์หนู เป็นผู้ถือเงินทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว
ต่อมาอาตมาได้ร้องขอให้คนสนิทใกล้ชิดกับอาจารย์หนู ดำเนินการตรวจสอบและหาหลักฐานที่มาที่ไปของเงินจำนวนมากดังกล่าวนั้น ก็ทำให้ทราบว่าเงินจำนวนกว่า 300 ล้านบาทนั้น มีการนำไปซื้อสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ต่างๆเป็นจำนวนมาก และอีกหลายหลังโดยจะใช้ชื่อคนใกล้ชิดทั้งน้องชาย และลูกชายของอาจารย์เป็นผู้ถือครอง และยังมีรถยนต์ จำนวน 18 คัน ที่อาจารย์หนูซื้อมาด้วยเงินทั้งหมดและใช้ชื่อภรรยา น้องชายและลูกชายเป็นผู้ถือครอง
เชื่อว่าอาจารย์หนู เจตนาซ่อนเร้นเงินรายได้ที่จะต้องนำส่งวัดแม่ตะไคร้เพื่อสร้างอุทยานหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้นอาตมาจึงใคร่ขอให้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมด ของอาจารย์หนู กันภัย และคนใกล้ชิดทั้งหมด คือ นส.อรวรรณ วิลาทอง นายสมฤกษ์ กันภัย นายเชาวลิต กันภัย นายเกรียงไกร กันภัย
"อาตมาถูกตรวจสอบทั้งจากสำนักพุทธศาสนา และประชาชนทั่วไป เพราะทุกคนรู้ว่าเงินรายได้จากการให้เช่าวัตถุมงคลมีจำนวนกว่า 300 ล้านบาท แต่ทางวัดได้รับมาเพียง 10 กว่าล้านบาท ทำให้การก่อสร้างต้องหยุดชะงัก ด้านนายธาริต ที่มารับหนังสือร้องเรียน กล่าวว่า ในเบื้องต้นนั้นได้รับหนังสือไว้แล้ว และจะได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว ซึ่งจะต้องให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่และประสานข้อมูลกับทางเจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ และเร่งตรวจสอบโดยเร็ว
ส่วนที่สำนักสักยันต์อาจารย์หนูกันภัย ซึ่งตั้งอยู่บ้านเลขที่ 95/5 หมู่บ้านพูลศรี ตำบลบางขะแยง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี นายสมพงษ์ กันภัย หรืออาจารย์หนูกันภัย เปิดเผยว่าจากกรณีที่มีเรื่องกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่มุ่งหวังทำลายชื่อเสียงของอาจารย์ ในการจัดสร้างองค์หลวงปู่ทวดที่วัดแม่ตะไคร้ จังหวัดเชียงใหม่ไม่เสร็จนั้น จริงๆ แล้วอาจารย์ได้ชำระเงินค่าหล่อไปหมดแล้วตามสัญญาว่าจ้างกับโรงหล่อ (ช่างกิตติ ฤทธิ์สมบูรณ์) เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 18,500,000 บาท ซึ่งทางเจ้าของโรงหล่อได้ออกใบเสร็จรับเงินไว้ให้โดยถูกต้อง ทุกรายการก่อนหน้านั้นทางอาจารย์ได้ส่งเงินค่าหล่อไป 10 กว่าล้านบาท โดยผ่านพระเทียนชัยไปเป็นเวลากว่า 1 ปี และได้ซื้อที่ดินถวายวัดเพื่อตั้งฐานหลวงปู่ทวดอีกต่างหาก
ทั้งนี้แต่พระเทียนชัย มิได้ส่งเงินให้กับทางโรงหล่อเลย จึงทำให้ทางโรงหล่อไม่สามารถกระทำการหล่อได้ อาจารย์จึงได้ส่งเงินค่าหล่อครบถ้วนตามสัญญาว่าจ้างแล้ว เงินรายได้ของอาจารย์ได้จากการสักยันต์มาเนิ่นนานเป็น 10 ปีและการจัดจำหน่ายวัตถุมงคล โดยอาจารย์ก็เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายจะมาตรวจสอบอะไร ขณะเดียวกันอาจารย์ได้เดินหน้าทำบุญก่อสร้างถาวรวัตุถุเพื่อบำรุงพระศาสนาและก็ยังจัดสร้างสาธารณะประโยชน์ต่างๆอื่นๆอีกมากมาย เช่น สร้างป้อมจราจรและปรับปรุง สถานีตำรวจ สร้างศาลาอเนกประสงค์ที่วัดมงคลสนวนาราม จังหวัดสุรินทร์ จัดสร้างศาลาโรงครัว วัดคลองชวาง จังหวัดอุทัยธานี และอีกหลายที่ในอนาคต สำหรับที่มีการไปร้องเรียนเพราะถูกสำนักสงฆ์ตรวจสอบก็เป็นการตรวจสอบการใช้เงินของวัดไม่เกี่ยวกับตนเอง การกระทำดังกล่าวทำให้ตนเองเสียหายแก่ตนเองที่ผ่านมาตนเองโดนกลั่นแกล้งทำลายชื่อเสียงมาโดยตลอด ด้วยข้อมูลไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ตนได้ตั้งทนายไว้ 10 ทีมเพื่อดำเนินกับทางคดีกับผู้เกี่ยวข้องแล้ว
วานนี้(18 ต.ค.55) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ เวลา 09.00 น. พระใบฎีกาเทียนชัย สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ ต.ทาเหนือ อ.แม่ออน จ.เชียงใหม่ พร้อมคณะศิษยานุศิษย์จำนวนหนึ่ง ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ดำเนินการตรวจสอบเงินบริจาคทำบุญสร้างองค์หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มียอดเงินทำบุญของประชาชนกว่า 300 ล้านบาท แต่เงินจำนวนดังกล่าวทางวัดที่เป็นผู้ดำเนินการสร้างไม่เคยได้รับเงินจำนวนดังกล่าวแต่อย่างใด จนทางเจ้าอาวาสวัดถูกร้องเรียน
ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ เข้ามาคลี่คลายคดีเกี่ยวกับการยักยอกเงินบริจาคของวัดแม่ตะไคร้ ซึ่งเงินบริจาคที่ว่ามานี้รวมกันประมาณ 300 ล้านบาท โดยเป็นเงินที่พุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันบริจาคเช่าบูชาวัตถุมงคลต่างๆ ของ อ.หนู กันภัย ที่จัดสร้างขึ้นและโฆษณาประชาสัมพันธ์ว่าเงินที่จำหน่ายวัตถุมงคลทั้งหมดจะนำไปสร้างองค์หลวงปู่ทวดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่อุทยานที่วัดแม่ตะไคร้ จ.เชียงใหม่ ซึ่งวัตถุมงคลนั้นก็มี อาทิ เหรียญ 5 แถว-ฉัตรเพชร เหรียญดวงประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน เหรียญพระพุทธเจ้าชนะมาร ทั้งนี้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมาร่วมกันเช่าบูชาและบริจาคเงินผ่านตามสื่อต่างๆตลอดมาเป็นระยะเวลายาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 เป็นต้นมา
ที่ผ่านมาเงินบริจาคและเช่าบูชาวัตถุมงคลทั้งหมดนั้นทางวัดไม่ได้เป็นผู้รับเงินหรือเก็บเงินแต่อย่างใด แต่เงินทั้งหมดนั้นอยู่กับอาจารย์หนู กันภัย เพียงผู้เดียว โดยทางวัดไม่มีโอกาสรับรู้เรื่องเงินดังกล่าวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2551 เมื่อทางวัดเริ่มมีดการก่อสร้างอุทยานองค์หลวงปู่ทวด มาจนถึงปัจจุบันนี้ อาจารย์หนู กันภัย ได้เอาเงินมาส่งมอบให้กับทางวัดแม่ตะไคร้เป็นเงินทั้งสิ้นจำนวนประมาณ 15 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งทำให้การก่อสร้างอุทยานหลวงปู่ทวดไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามที่ควรจะเป็น ส่วนเงินรายได้จำนวนมหาศาลที่ได้มาจากศรัทธาของสาธุชนนั้น เมื่อทางวัดไปทวงถามกับทางอาจารย์หนู ก็บอกแต่ว่ายังไม่มี โดยอาจารย์หนูจะอ้างว่า นายภุชงค์ สิริธัญผล ซึ่งเป็นประธานบริษัทโอมมหารวย จำกัด และเป็นผู้ที่ดำเนินรายการโฆษณาให้เช่าบูชาวัตถุมงคลทางสถานีเคเบิ้ลทีวี ยังไม่ได้ให้เงินมา แต่เมื่อ อาตมาสอบถามไปยังนายภุชงค์ ก็ได้คำตอบว่า ทางบริษัทโอมมหารวย จำกัด ได้โอนเงินเพื่อนำไปสร้างองค์หลวงปู่ทวดให้กับอาจารย์หนู ทุกเดือนตลอดมา เป็นจำนวนเงินกว่า 100 ล้านบาท และมีหลักฐานการโอนเงินพร้อมที่จะยืนยันและพร้อมให้ตรวจสอบได้
ในขณะเดียวกันนั้นอาตมา ก็ทราบมาโดยตลอดว่าเงินที่สาธุชนได้ร่วมกันบริจาคบูชาวัตถุมงคลทั้งจากสำนักสักยันต์อาจารย์หนู และจากทางรายการทีวีของนายภุชงค์ มีจำนวนเงินเข้ามารวมกันกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งอาตมาก็ได้ทวงถามตลอดแม่แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะอาจารย์หนู บ่ายเบี่ยง
จนล่าสุดนี้ทราบว่า สรรพากรจังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีการเรียกเก็บเงินภาษีจากนายสมพงษ์ เป็นเงินจำนวน 13,861,847.39 บาท แต่มีการเจรจากัน และสุดท้ายได้รับการลดหน่อย เหลือเพียง 4,401,075,41 บาท เท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมานั้นอาจารย์หนูได้รับเงินบริจาคมา แต่ไม่มีการนำส่งเงินเพื่อหักภาษี ทำให้ทางวัดแม่ตะไคร้ไม่สามารถที่จะตรวจสอบเงินบริจาคได้เช่นกัน เพราะอาจารย์หนู เป็นผู้ถือเงินทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว
ต่อมาอาตมาได้ร้องขอให้คนสนิทใกล้ชิดกับอาจารย์หนู ดำเนินการตรวจสอบและหาหลักฐานที่มาที่ไปของเงินจำนวนมากดังกล่าวนั้น ก็ทำให้ทราบว่าเงินจำนวนกว่า 300 ล้านบาทนั้น มีการนำไปซื้อสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์ต่างๆเป็นจำนวนมาก และอีกหลายหลังโดยจะใช้ชื่อคนใกล้ชิดทั้งน้องชาย และลูกชายของอาจารย์เป็นผู้ถือครอง และยังมีรถยนต์ จำนวน 18 คัน ที่อาจารย์หนูซื้อมาด้วยเงินทั้งหมดและใช้ชื่อภรรยา น้องชายและลูกชายเป็นผู้ถือครอง
เชื่อว่าอาจารย์หนู เจตนาซ่อนเร้นเงินรายได้ที่จะต้องนำส่งวัดแม่ตะไคร้เพื่อสร้างอุทยานหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้นอาตมาจึงใคร่ขอให้เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมด ของอาจารย์หนู กันภัย และคนใกล้ชิดทั้งหมด คือ นส.อรวรรณ วิลาทอง นายสมฤกษ์ กันภัย นายเชาวลิต กันภัย นายเกรียงไกร กันภัย
"อาตมาถูกตรวจสอบทั้งจากสำนักพุทธศาสนา และประชาชนทั่วไป เพราะทุกคนรู้ว่าเงินรายได้จากการให้เช่าวัตถุมงคลมีจำนวนกว่า 300 ล้านบาท แต่ทางวัดได้รับมาเพียง 10 กว่าล้านบาท ทำให้การก่อสร้างต้องหยุดชะงัก ด้านนายธาริต ที่มารับหนังสือร้องเรียน กล่าวว่า ในเบื้องต้นนั้นได้รับหนังสือไว้แล้ว และจะได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว ซึ่งจะต้องให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่และประสานข้อมูลกับทางเจ้าอาวาสวัดแม่ตะไคร้ และเร่งตรวจสอบโดยเร็ว
ส่วนที่สำนักสักยันต์อาจารย์หนูกันภัย ซึ่งตั้งอยู่บ้านเลขที่ 95/5 หมู่บ้านพูลศรี ตำบลบางขะแยง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี นายสมพงษ์ กันภัย หรืออาจารย์หนูกันภัย เปิดเผยว่าจากกรณีที่มีเรื่องกลุ่มผู้ไม่หวังดี ที่มุ่งหวังทำลายชื่อเสียงของอาจารย์ ในการจัดสร้างองค์หลวงปู่ทวดที่วัดแม่ตะไคร้ จังหวัดเชียงใหม่ไม่เสร็จนั้น จริงๆ แล้วอาจารย์ได้ชำระเงินค่าหล่อไปหมดแล้วตามสัญญาว่าจ้างกับโรงหล่อ (ช่างกิตติ ฤทธิ์สมบูรณ์) เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 18,500,000 บาท ซึ่งทางเจ้าของโรงหล่อได้ออกใบเสร็จรับเงินไว้ให้โดยถูกต้อง ทุกรายการก่อนหน้านั้นทางอาจารย์ได้ส่งเงินค่าหล่อไป 10 กว่าล้านบาท โดยผ่านพระเทียนชัยไปเป็นเวลากว่า 1 ปี และได้ซื้อที่ดินถวายวัดเพื่อตั้งฐานหลวงปู่ทวดอีกต่างหาก
ทั้งนี้แต่พระเทียนชัย มิได้ส่งเงินให้กับทางโรงหล่อเลย จึงทำให้ทางโรงหล่อไม่สามารถกระทำการหล่อได้ อาจารย์จึงได้ส่งเงินค่าหล่อครบถ้วนตามสัญญาว่าจ้างแล้ว เงินรายได้ของอาจารย์ได้จากการสักยันต์มาเนิ่นนานเป็น 10 ปีและการจัดจำหน่ายวัตถุมงคล โดยอาจารย์ก็เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายจะมาตรวจสอบอะไร ขณะเดียวกันอาจารย์ได้เดินหน้าทำบุญก่อสร้างถาวรวัตุถุเพื่อบำรุงพระศาสนาและก็ยังจัดสร้างสาธารณะประโยชน์ต่างๆอื่นๆอีกมากมาย เช่น สร้างป้อมจราจรและปรับปรุง สถานีตำรวจ สร้างศาลาอเนกประสงค์ที่วัดมงคลสนวนาราม จังหวัดสุรินทร์ จัดสร้างศาลาโรงครัว วัดคลองชวาง จังหวัดอุทัยธานี และอีกหลายที่ในอนาคต สำหรับที่มีการไปร้องเรียนเพราะถูกสำนักสงฆ์ตรวจสอบก็เป็นการตรวจสอบการใช้เงินของวัดไม่เกี่ยวกับตนเอง การกระทำดังกล่าวทำให้ตนเองเสียหายแก่ตนเองที่ผ่านมาตนเองโดนกลั่นแกล้งทำลายชื่อเสียงมาโดยตลอด ด้วยข้อมูลไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ตนได้ตั้งทนายไว้ 10 ทีมเพื่อดำเนินกับทางคดีกับผู้เกี่ยวข้องแล้ว