เอเจนซีส์ – ทั้งผู้ว่าแบงก์ชาติจีนและรัฐมนตรีคลังแดนมังกรต่างบอยคอตต์ไม่เข้าร่วมการประชุมช่วงฤดูใบไม้ร่วงประจำปีของไอเอ็มเอฟ-เวิลด์แบงก์ซึ่งปีนี้จัดที่โตเกียว เจ้าหน้าที่หลายๆ ฝ่ายแถลงยืนยันในวันพุธ(10) เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่า ข้อพิพาทระหว่างจีนกับญี่ปุ่นในการช่วงชิงอธิปไตยเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนตะวันออก เริ่มลุกลามเข้าสู่ความสัมพันธ์ทางการเงิน ความเคลื่อนไหวคราวนี้ยังมีขึ้นขณะที่บรรดาผู้นำทั่วโลกกำลังรอคอยให้พญามังกรออกมาช่วยกอบกู้เศรษฐกิจโลกที่อยู่ในช่วงขาลง
เพอร์ จาค็อบสัน โฆษกกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แถลงว่าได้รับแจ้งเมื่อ 2 วันที่แล้วว่า โจว เสี่ยวชวน ผู้ว่าการธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (แบงก์ชาติจีน) มีตารางงานแน่นมาก จึงอาจต้องยกเลิกกำหนดการขึ้นเวทีแสดงปาฐกถาในวันอาทิตย์ (14) อันถือเป็นช่วงไฮไลต์สำคัญที่สุดของวันปิดประชุมประจำปีไอเอ็มเอฟ-ธนาคารโลกคราวนี้ และล่าสุดก็ได้รับการยืนยันแล้วว่าโจวจะส่ง อี้ว์ กัง รองผู้ว่าการแบงก์ชาติมาทำหน้าที่แทน
ทางด้านธนาคารโลกก็ระบุว่า ได้รับแจ้งว่า คณะผู้แทนของจีนที่จะเข้าร่วมการประชุมไอเอ็มเอฟ-เวิลด์แบงก์ที่โตเกียวคราวนี้ จะนำโดย รองรัฐมนตรีคลังของจีน แทนที่จะเป็นตัวรัฐมนตรีคลัง เซี่ย ซูเหริน ข่าวนี้สอดคล้องกับรายงานของสำนักข่าวซินหวา ของทางของการจีนซึ่งกล่าวว่า คณะผู้แทนจีนจะนำโดย อี้ว์ กัง รองผู้ว่าแบงก์ชาติ และรองรัฐมนตรีคลัง จู กวงเย่า
ก่อนหน้านี้ในสัปดาห์นี้ ซินหวายังรายงานว่า พวกผู้บริหารธนาคารยักษ์ใหญ่ของจีนที่ล้วนแต่มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นต้นว่า ธนาคารอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งประเทศจีน (ไอซีบีซี), ธนาคารประเทศจีน (แบงก์ออฟไชน่า), ธนาคารการก่อสร้างประเทศจีน, และธนาคารเกษตรกรรมประเทศจีน จะไม่เข้าร่วมการประชุมอันสำคัญที่เมืองหลวงของญี่ปุ่นคราวนี้ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันอังคาร(9) และสิ้นสุดลงในวันอาทิตย์(14)
ทางด้าน โคอิชิโร เกมบะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น แสดงความผิดหวังอย่างมากต่อข่าวนี้ เช่นเดียวกับ รัฐมนตรีคลัง โคริกิ โจจิมะ ซึ่งบอกว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจ แต่เขาก็มองแง่ดีว่ายังคงมีคณะผู้แทนจีนเข้าร่วมการประชุม พร้อมกันนั้นเขาย้ำว่า เนื่องจากสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างญี่ปุ่นกับจีนเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง ดังนั้นญี่ปุ่นจะลงแรงใช้ความพยายามเพื่อติดต่อสื่อสารกับจีนต่อไป โดยอิงอยู่กับทัศนะอันกว้างไกลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง
ทั้งนี้ โตเกียวได้เป็นเจ้าภาพการประชุมช่วงฤดูใบไม้ร่วงประจำปีของไอเอ็มเอฟ-เวิลด์แบงก์อีกครั้งในปีนี้ ภายหลังเคยเป็นเจ้าภาพเมื่อเกือบครึ่งศตวรรษก่อน โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานราว 20,000 คน และนับเป็นหนึ่งในงานประชุมระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของโลก
โตเกียวและปักกิ่งนั้นมีข้อพิพาทรุนแรงกรณีหมู่เกาะเซงกากุที่ญี่ปุ่นปกครองอยู่ แต่จีนอ้างสิทธิ์เช่นกันและเรียกว่าหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์
ข้อพิพาทดังกล่าวซึ่งยืดเยื้อมาหลายทศวรรษ ปะทุขึ้นในเดือนสิงหาคมและกันยายนจากกรณีที่นักเคลื่อนไหวชาตินิยมของทั้งสองฝ่ายบุกขึ้นไปบนเกาะ และในภายหลังรัฐบาลญี่ปุ่นได้ซื้อหมู่เกาะเหล่านี้จากเอกชนชาวญี่ปุ่น อันนำไปสู่การประท้วงรุนแรงรวมถึงต่อต้านสินค้าญี่ปุ่นในจีน หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักคือรถยนต์ที่มียอดขายทรุดลงอย่างชัดเจน
เฟรเซอร์ โฮวี ที่เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับระบบการเงินของจีน ได้กล่าววิจารณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ความเคลื่อนไหวบอยคอตต์เช่นนี้ของปักกิ่ง จะบ่อนทำลายเป้าหมายของพญามังกรในการขยายอิทธิพลบนเวทีโลก รวมถึงแวดวงการเงิน โดยจีนจะถูกมองว่าเป็นหุ้นส่วนที่ไม่มีความมั่นคงและเชื่อถือไม่ได้
ทว่า ฮิเดโอะ โอเฮชิ ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการเศรษฐกิจเอเชียจากมหาวิทยาลัยเซนสึในโตเกียว มองว่า นี่เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากอย่างไรเสียพวกเจ้าหน้าที่การเงินจีนก็ไม่อาจตัดสินใจเองได้อยู่แล้ว แต่ต้องรอผลการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์ที่จะเริ่มต้นในวันที่ 8 เดือนหน้า และแม้ประเทศอื่นๆ อาจมองความเคลื่อนไหวนี้ว่าเป็นการกระทำแปลกประหลาด แต่ด้วยความที่เป็นผู้เล่นสำคัญของโลกจึงไม่มีใครสามารถปฏิเสธการมีอยู่ของจีนได้ และคงจะยกโทษให้ในบางระดับสำหรับการกระทำนี้
เพอร์ จาค็อบสัน โฆษกกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แถลงว่าได้รับแจ้งเมื่อ 2 วันที่แล้วว่า โจว เสี่ยวชวน ผู้ว่าการธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (แบงก์ชาติจีน) มีตารางงานแน่นมาก จึงอาจต้องยกเลิกกำหนดการขึ้นเวทีแสดงปาฐกถาในวันอาทิตย์ (14) อันถือเป็นช่วงไฮไลต์สำคัญที่สุดของวันปิดประชุมประจำปีไอเอ็มเอฟ-ธนาคารโลกคราวนี้ และล่าสุดก็ได้รับการยืนยันแล้วว่าโจวจะส่ง อี้ว์ กัง รองผู้ว่าการแบงก์ชาติมาทำหน้าที่แทน
ทางด้านธนาคารโลกก็ระบุว่า ได้รับแจ้งว่า คณะผู้แทนของจีนที่จะเข้าร่วมการประชุมไอเอ็มเอฟ-เวิลด์แบงก์ที่โตเกียวคราวนี้ จะนำโดย รองรัฐมนตรีคลังของจีน แทนที่จะเป็นตัวรัฐมนตรีคลัง เซี่ย ซูเหริน ข่าวนี้สอดคล้องกับรายงานของสำนักข่าวซินหวา ของทางของการจีนซึ่งกล่าวว่า คณะผู้แทนจีนจะนำโดย อี้ว์ กัง รองผู้ว่าแบงก์ชาติ และรองรัฐมนตรีคลัง จู กวงเย่า
ก่อนหน้านี้ในสัปดาห์นี้ ซินหวายังรายงานว่า พวกผู้บริหารธนาคารยักษ์ใหญ่ของจีนที่ล้วนแต่มีฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจ เป็นต้นว่า ธนาคารอุตสาหกรรมและพาณิชย์แห่งประเทศจีน (ไอซีบีซี), ธนาคารประเทศจีน (แบงก์ออฟไชน่า), ธนาคารการก่อสร้างประเทศจีน, และธนาคารเกษตรกรรมประเทศจีน จะไม่เข้าร่วมการประชุมอันสำคัญที่เมืองหลวงของญี่ปุ่นคราวนี้ ซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันอังคาร(9) และสิ้นสุดลงในวันอาทิตย์(14)
ทางด้าน โคอิชิโร เกมบะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น แสดงความผิดหวังอย่างมากต่อข่าวนี้ เช่นเดียวกับ รัฐมนตรีคลัง โคริกิ โจจิมะ ซึ่งบอกว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจ แต่เขาก็มองแง่ดีว่ายังคงมีคณะผู้แทนจีนเข้าร่วมการประชุม พร้อมกันนั้นเขาย้ำว่า เนื่องจากสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างญี่ปุ่นกับจีนเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง ดังนั้นญี่ปุ่นจะลงแรงใช้ความพยายามเพื่อติดต่อสื่อสารกับจีนต่อไป โดยอิงอยู่กับทัศนะอันกว้างไกลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสอง
ทั้งนี้ โตเกียวได้เป็นเจ้าภาพการประชุมช่วงฤดูใบไม้ร่วงประจำปีของไอเอ็มเอฟ-เวิลด์แบงก์อีกครั้งในปีนี้ ภายหลังเคยเป็นเจ้าภาพเมื่อเกือบครึ่งศตวรรษก่อน โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานราว 20,000 คน และนับเป็นหนึ่งในงานประชุมระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของโลก
โตเกียวและปักกิ่งนั้นมีข้อพิพาทรุนแรงกรณีหมู่เกาะเซงกากุที่ญี่ปุ่นปกครองอยู่ แต่จีนอ้างสิทธิ์เช่นกันและเรียกว่าหมู่เกาะเตี้ยวอี๋ว์
ข้อพิพาทดังกล่าวซึ่งยืดเยื้อมาหลายทศวรรษ ปะทุขึ้นในเดือนสิงหาคมและกันยายนจากกรณีที่นักเคลื่อนไหวชาตินิยมของทั้งสองฝ่ายบุกขึ้นไปบนเกาะ และในภายหลังรัฐบาลญี่ปุ่นได้ซื้อหมู่เกาะเหล่านี้จากเอกชนชาวญี่ปุ่น อันนำไปสู่การประท้วงรุนแรงรวมถึงต่อต้านสินค้าญี่ปุ่นในจีน หนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักคือรถยนต์ที่มียอดขายทรุดลงอย่างชัดเจน
เฟรเซอร์ โฮวี ที่เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับระบบการเงินของจีน ได้กล่าววิจารณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ความเคลื่อนไหวบอยคอตต์เช่นนี้ของปักกิ่ง จะบ่อนทำลายเป้าหมายของพญามังกรในการขยายอิทธิพลบนเวทีโลก รวมถึงแวดวงการเงิน โดยจีนจะถูกมองว่าเป็นหุ้นส่วนที่ไม่มีความมั่นคงและเชื่อถือไม่ได้
ทว่า ฮิเดโอะ โอเฮชิ ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการเศรษฐกิจเอเชียจากมหาวิทยาลัยเซนสึในโตเกียว มองว่า นี่เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากอย่างไรเสียพวกเจ้าหน้าที่การเงินจีนก็ไม่อาจตัดสินใจเองได้อยู่แล้ว แต่ต้องรอผลการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์ที่จะเริ่มต้นในวันที่ 8 เดือนหน้า และแม้ประเทศอื่นๆ อาจมองความเคลื่อนไหวนี้ว่าเป็นการกระทำแปลกประหลาด แต่ด้วยความที่เป็นผู้เล่นสำคัญของโลกจึงไม่มีใครสามารถปฏิเสธการมีอยู่ของจีนได้ และคงจะยกโทษให้ในบางระดับสำหรับการกระทำนี้