ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้ค้าน้ำมันกังวลนโยบายสำรองน้ำมัน 6 % อาจผลักดันให้ต้นทุนพุ่ง เหตุต้องเตรียมตัวหาคลังน้ำมัน วอนให้ภาครัฐหาทางช่วยเหลือก่อนส่งผ่านให้ผู้บริโภครับภาระ
นายเอเดรียน เบนเด็ก ประธานกรรมการและผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด หรือคาลเท็กซ์ ในเครือบริษัท เชฟรอน คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงแนวทางที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) มีนายอารักษ์ ชลธารนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้มีมติให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ต้องสำรองน้ำมันตามกฎหมายเพิ่มขึ้นจากเดิม 5 % เป็น 6 % หรือจากปัจจุบันอยู่ที่ 18.5-19 วัน เพิ่มเป็น 22.5 วัน เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยให้มีผลภายใน 90 วันนั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า แต่หากนำนโยบายดังกล่าวมาใช้จริง จะส่งผลให้ต้นทุนของบริษัทน้ำมันเพิ่มขึ้น 6-7 สตางค์ต่อลิตร จากการเช่าคลังน้ำมัน หรือการสร้างคลังน้ำมันใหม่ขึ้นมา รวมถึงค่าบริหารจัดการ โดยเฉพาะบริษัทเองไม่มี ไม่มีคลังเพียงพอต่อการสำรองน้ำมันดังกล่าว จึงต้องเช่าคลังหรือต้องก่อสร้างคลังใหม่
" ที่สำคัญบริษัทมีความกังวลกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพราะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะเป็นภาระกับผู้ค้าน้ำมันหรือไม่ หรือสุดท้ายแล้วจะต้องบวกไปในราคาเนื้อน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้นำมันหรือไม่ โดยหากต้องสำรองน้ำมันตามกฎหมายเพิ่มอีก 4-5 วัน บริษัทคงต้องพิจารณาเพื่อเช่าคลังน้ำมัน เพราะตอนนี้คลังมีไม่เพียงพอ และต้องการทราบระยะเวลาที่ชัดเจนในการเตรียมความพร้อม นอกจากนี้ภาครัฐควรพิจารณาปรับค่าการตลาดน้ำมันขึ้นมาเป็น 1.80 บาทต่อลิตร จากปัจจุบัน 1.50 บาทต่อลิตรด้วย เพราะต้นทุนบริหารจัดการของผู้ค้าน้ำมันเพิ่มขึ้น”
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า มาตรการสำรองน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 1 % เป็นนโยบายที่เร่งด่วนจนเกินไป ทำให้ผู้ค้าน้ำมันไม่สามารถเตรียมตัวในการหาคลังสำรองน้ำมนเพิ่มขึ้นได้ เพราะเวลานี้เองคลังต่างๆ ก็เต็มเกือบหมด เพราะที่ผ่านมาไม่ได้มีการก่อสร้างคลังใหม่ๆ ขึ้นมารองรับ เนื่องจากกำไรที่ได้จากการค้าปลีกน้ำมนอยู่ในระดับต่ำ และยังติดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องเสียเวลาในการทำอีไอเอ
โดยที่ผ่านมาผู้ค้าน้ำมันได้ขอเวลาให้กระทรวงพลังงานเลื่อนการบังคับใช้สำรองน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 1 % ออกไป 3-4 ปี เพื่อที่จะมีเวลาในการเช่าคลัง หรือมีระยะเวลาในการก่อสร้างคลังใหม่ ซึ่งจากการหารือเบื้องต้น คาดว่าทางกระทรวงพลังงานน่าจะผ่อนปรนการใช้บังคับสำรองน้ำมันเพิ่มออกไปประมาณ 2 ปี.
นายเอเดรียน เบนเด็ก ประธานกรรมการและผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอน (ไทย) จำกัด หรือคาลเท็กซ์ ในเครือบริษัท เชฟรอน คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงแนวทางที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) มีนายอารักษ์ ชลธารนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ได้มีมติให้ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ต้องสำรองน้ำมันตามกฎหมายเพิ่มขึ้นจากเดิม 5 % เป็น 6 % หรือจากปัจจุบันอยู่ที่ 18.5-19 วัน เพิ่มเป็น 22.5 วัน เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยให้มีผลภายใน 90 วันนั้น ขณะนี้ยังไม่ทราบว่า แต่หากนำนโยบายดังกล่าวมาใช้จริง จะส่งผลให้ต้นทุนของบริษัทน้ำมันเพิ่มขึ้น 6-7 สตางค์ต่อลิตร จากการเช่าคลังน้ำมัน หรือการสร้างคลังน้ำมันใหม่ขึ้นมา รวมถึงค่าบริหารจัดการ โดยเฉพาะบริษัทเองไม่มี ไม่มีคลังเพียงพอต่อการสำรองน้ำมันดังกล่าว จึงต้องเช่าคลังหรือต้องก่อสร้างคลังใหม่
" ที่สำคัญบริษัทมีความกังวลกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เพราะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะเป็นภาระกับผู้ค้าน้ำมันหรือไม่ หรือสุดท้ายแล้วจะต้องบวกไปในราคาเนื้อน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้นำมันหรือไม่ โดยหากต้องสำรองน้ำมันตามกฎหมายเพิ่มอีก 4-5 วัน บริษัทคงต้องพิจารณาเพื่อเช่าคลังน้ำมัน เพราะตอนนี้คลังมีไม่เพียงพอ และต้องการทราบระยะเวลาที่ชัดเจนในการเตรียมความพร้อม นอกจากนี้ภาครัฐควรพิจารณาปรับค่าการตลาดน้ำมันขึ้นมาเป็น 1.80 บาทต่อลิตร จากปัจจุบัน 1.50 บาทต่อลิตรด้วย เพราะต้นทุนบริหารจัดการของผู้ค้าน้ำมันเพิ่มขึ้น”
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า มาตรการสำรองน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 1 % เป็นนโยบายที่เร่งด่วนจนเกินไป ทำให้ผู้ค้าน้ำมันไม่สามารถเตรียมตัวในการหาคลังสำรองน้ำมนเพิ่มขึ้นได้ เพราะเวลานี้เองคลังต่างๆ ก็เต็มเกือบหมด เพราะที่ผ่านมาไม่ได้มีการก่อสร้างคลังใหม่ๆ ขึ้นมารองรับ เนื่องจากกำไรที่ได้จากการค้าปลีกน้ำมนอยู่ในระดับต่ำ และยังติดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องเสียเวลาในการทำอีไอเอ
โดยที่ผ่านมาผู้ค้าน้ำมันได้ขอเวลาให้กระทรวงพลังงานเลื่อนการบังคับใช้สำรองน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 1 % ออกไป 3-4 ปี เพื่อที่จะมีเวลาในการเช่าคลัง หรือมีระยะเวลาในการก่อสร้างคลังใหม่ ซึ่งจากการหารือเบื้องต้น คาดว่าทางกระทรวงพลังงานน่าจะผ่อนปรนการใช้บังคับสำรองน้ำมันเพิ่มออกไปประมาณ 2 ปี.