ASTVผู้จัดการรายวัน- เอกชนวิตกส่งออกปี 2556 หลังออร์เดอร์ล่วงหน้าไตรมาสแรกส่งสัญญาณติดลบ แนะภาครัฐเร่งวางมาตรการขับเคลื่อนด่วนหวั่นที่เหลือของปีลำบากเหตุมองเศรษฐกิจยุโรป สหรัฐอเมริกาไม่กระเตื้องง่าย ส่วนส่งออกปีนี้เลิกพูดได้แล้วโตสุด 5-6% ขณะที่ผู้ส่งออกข้าวอัดยับหลังข้ามหอมมะลิกัมพูชาส่อแซงหน้าไทย
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)ส่งออกของไทยที่จะต้องเจรจาเพื่อส่งมอบในไตรมาสแรกของปี 2556 มีแนวโน้มชะลอตัวอย่างมากเนื่องจากแรงซื้อในสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกายังคงซบเซา ดังนั้นรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะกำหนดแนวทางเพื่อผลักดันการส่งออกของปี 2556 ล่วงหน้าโดยเร็วหากต้องการให้ภาวะการส่งออกปีหน้ามีการเติบโตมากกว่าปีนี้
“ผมคิดว่าควรจะเลิกพูดเรื่องการส่งออกในปีนี้ได้แล้วเพราะคำสั่งซื้อปกติเขาล่วงหน้ากันไป 3 เดือนสินค้าต่างๆเตรียมตัวทยอยส่งมอบเท่านั้นที่เหลือว่าด้วยออร์เดอร์ล่วงหน้าไปไตรมาสแรกปีหน้าแล้ว ดังนั้นส่งออกปีนี้ผมมองดีสุดคงโต 5-6 % “นายธนิตกล่าว
สำหรับการส่งออกปี 2556 หน่วยงานที่เกียวข้องโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ควรจะเร่งหามาตรการส่งเสริมสนับสนุนโดยเร็วเพื่อให้การส่งออกไตรมาสที่ 2 ปีหน้ามีการขยายตัวกลับมาโดยเร็วทั้งการออกงานแฟร์ในต่างประเทศ รัฐบาลควรสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ผู้ส่งออกผ่านสื่อต่างๆ ในต่างประเทศ ฑูตพาณิชย์ประเทศต่างๆ จะต้องมองหาที่จัดงานเพื่อจับคู่ธุรกิจเพื่อให้เกิดการสั่งสินค้าโดยตรงเพราะสิ่งนี้จะเกิดเร็วสุด ส่วนเรื่องการเพิ่มขีดแข่งขัน มาตรฐานต่างๆเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาดำเนินการ
นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการส.อ.ท.กล่าวว่า ส่งออกปีนี้คิดว่าจบแล้วไม่ควรจะพูดอะไรกันอีกแต่จะต้องมองถึงปี 2556 ซึ่งเวลานี้ไตรมาสแรกปีหน้าออร์เดอร์ไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ด้วยซ้ำซึ่งก็พบว่าตัวเลขยังไม่น่าจะเป็นบวก ดังนั้นที่เหลือรัฐบาลเองหากต้องการให้ส่งออกเติบโตต่อเนื่องต้องเร่งมาตรการต่างๆ ออกมาทั้งการส่งเสริมตลาดใหม่ให้เกิดรูปธรรมทั้งอินเดีย อาเซียน จีน
“เวลานี้ปัญหาของสินค้าไทยคือมีแนวโน้มราคาแพงขึ้นหากเทียบกับคู่แข่งและปีหน้าค่าแรง 300 บาทต่อวันทั่วประเทศจะเป็นแรงกดดันอีกระดับหนึ่งซึ่งจะทำให้ภาพรวมขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยจะลำบากกว่าเดิม ขณะที่ตลาดโลกกลับแข่งขันรุนแรง”นายสมมาตกล่าว
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)ส่งออกของไทยที่จะต้องเจรจาเพื่อส่งมอบในไตรมาสแรกของปี 2556 มีแนวโน้มชะลอตัวอย่างมากเนื่องจากแรงซื้อในสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกายังคงซบเซา ดังนั้นรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะกำหนดแนวทางเพื่อผลักดันการส่งออกของปี 2556 ล่วงหน้าโดยเร็วหากต้องการให้ภาวะการส่งออกปีหน้ามีการเติบโตมากกว่าปีนี้
“ผมคิดว่าควรจะเลิกพูดเรื่องการส่งออกในปีนี้ได้แล้วเพราะคำสั่งซื้อปกติเขาล่วงหน้ากันไป 3 เดือนสินค้าต่างๆเตรียมตัวทยอยส่งมอบเท่านั้นที่เหลือว่าด้วยออร์เดอร์ล่วงหน้าไปไตรมาสแรกปีหน้าแล้ว ดังนั้นส่งออกปีนี้ผมมองดีสุดคงโต 5-6 % “นายธนิตกล่าว
สำหรับการส่งออกปี 2556 หน่วยงานที่เกียวข้องโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ควรจะเร่งหามาตรการส่งเสริมสนับสนุนโดยเร็วเพื่อให้การส่งออกไตรมาสที่ 2 ปีหน้ามีการขยายตัวกลับมาโดยเร็วทั้งการออกงานแฟร์ในต่างประเทศ รัฐบาลควรสนับสนุนการประชาสัมพันธ์ผู้ส่งออกผ่านสื่อต่างๆ ในต่างประเทศ ฑูตพาณิชย์ประเทศต่างๆ จะต้องมองหาที่จัดงานเพื่อจับคู่ธุรกิจเพื่อให้เกิดการสั่งสินค้าโดยตรงเพราะสิ่งนี้จะเกิดเร็วสุด ส่วนเรื่องการเพิ่มขีดแข่งขัน มาตรฐานต่างๆเหล่านี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาดำเนินการ
นายสมมาต ขุนเศษฐ เลขาธิการส.อ.ท.กล่าวว่า ส่งออกปีนี้คิดว่าจบแล้วไม่ควรจะพูดอะไรกันอีกแต่จะต้องมองถึงปี 2556 ซึ่งเวลานี้ไตรมาสแรกปีหน้าออร์เดอร์ไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ด้วยซ้ำซึ่งก็พบว่าตัวเลขยังไม่น่าจะเป็นบวก ดังนั้นที่เหลือรัฐบาลเองหากต้องการให้ส่งออกเติบโตต่อเนื่องต้องเร่งมาตรการต่างๆ ออกมาทั้งการส่งเสริมตลาดใหม่ให้เกิดรูปธรรมทั้งอินเดีย อาเซียน จีน
“เวลานี้ปัญหาของสินค้าไทยคือมีแนวโน้มราคาแพงขึ้นหากเทียบกับคู่แข่งและปีหน้าค่าแรง 300 บาทต่อวันทั่วประเทศจะเป็นแรงกดดันอีกระดับหนึ่งซึ่งจะทำให้ภาพรวมขีดความสามารถทางการแข่งขันของไทยจะลำบากกว่าเดิม ขณะที่ตลาดโลกกลับแข่งขันรุนแรง”นายสมมาตกล่าว
