วานนี้(7 ต.ค.55) นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวยืนยันว่า ตนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) ตามที่สื่อได้มีการายงานออกไป ทั้งนี้ การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา นางอมรา พงศาพิฃญ์ ประธานกสม. นายปริญญา ศิริสารการ และตน ได้ไปรายงานผลการศึกษาของกสม. เมื่อปี 2551-2552 หลังจากที่ได้ทำงานมาตั้งแต่ช่วงเดือนมิ.ย. 2552
ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวเป็นเพียงวาระแจ้งเพื่อทราบต่อสภา เมื่อเป็นรายงานแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ แต่หากสส.มีความเห็นอะไรก็สามารถเสนอเพิ่มเติมได้ ทำให้เกิดความเห็นจากทั้ง 2 ฝ่าย คือ 1.พรรคเพื่อไทย ที่มองว่ารายงานกสม. 51-52 ทำให้การปฏิบัติของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไม่ดี ไม่เป็นธรรม จนเกิดการประท้วงต่อรายงานฉบับดังกล่าว ทำให้นายเจริญ จรรย์โกมล ประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ต้องสั่งปิดการประชุม
2. กรณีที่นายวัชระ เพชรทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับตนว่าได้ไปพูดคุยกับกลุ่มปฏิญญาหน้าศาลมีความเหมาะสมต่อการทำหน้าที่คณะกรรมการสิทธิ์ฯหรือไม่ ซึ่งการตั้งคำถามดังกล่าวถือว่านอกประเด็นเรื่องรายงานกสม. 51-52 ดังนั้น ตนจึงไม่ตอบ และได้กล่าวกับนายวัชระว่า หากมีอะไรควรมาคุยหลังเลิกประชุมสภาจะดีกว่า
อย่างไรก็ดี ภายหลังเสร็จการประชุม นายวัชระและตนจึงได้คุยกัน ซึ่งนายวัชระระบุว่าการที่ตนไปคุยกับกลุ่มปฏิญญาหน้าศาลถือว่าไม่เหมาะสม รวมถึงที่ระบุว่ามีนักโทษการเมือง ซึ่งนายวัชระยืนว่าไม่มีเรื่องดังกล่าว
นพ.นิรันดร์ กล่าวต่อว่า ตนจึงได้อธิบายว่า 1.การตรวจสอบถือว่าเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิ์ฯ หากมีประชาชนยื่นเรื่องร้องเรียนเข้ามา และ 2.การทำงานของคณะกรรมการสิทธิ์ฯไม่ได้มีการเลือกสีหรือเลือกข้าง ดังนั้น การที่ตนไปคุยกับกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล ก็ถือเป็นหน้าที่ของกรรมการสิทธิ์ฯ และมองว่านักโทษการเมืองมีอยู่จริง ซึ่งประชาชนถูกละเมิดสิทธิ์จากการเมือง
"ยืนยันว่าการทำงานของคณะกรรมการสิทธิ์ฯ ไม่ได้เลือกสี เลือกข้าง หรือฝักใฝ่การเมืองฝ่ายใด และการทำงานต้องร่วมกับภาคประชาชน ดังนั้น เมื่อมีการร้องเรียนเข้ามาก็จำเป็นต้องตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส และมองว่าปัจจุบันเหลือง-แดง ก็ถูกละเมิดสิทธิ์เช่นกัน"นพ.นิรันดร์ กล่าว
ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวเป็นเพียงวาระแจ้งเพื่อทราบต่อสภา เมื่อเป็นรายงานแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ แต่หากสส.มีความเห็นอะไรก็สามารถเสนอเพิ่มเติมได้ ทำให้เกิดความเห็นจากทั้ง 2 ฝ่าย คือ 1.พรรคเพื่อไทย ที่มองว่ารายงานกสม. 51-52 ทำให้การปฏิบัติของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไม่ดี ไม่เป็นธรรม จนเกิดการประท้วงต่อรายงานฉบับดังกล่าว ทำให้นายเจริญ จรรย์โกมล ประธานสภาฯ คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ต้องสั่งปิดการประชุม
2. กรณีที่นายวัชระ เพชรทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับตนว่าได้ไปพูดคุยกับกลุ่มปฏิญญาหน้าศาลมีความเหมาะสมต่อการทำหน้าที่คณะกรรมการสิทธิ์ฯหรือไม่ ซึ่งการตั้งคำถามดังกล่าวถือว่านอกประเด็นเรื่องรายงานกสม. 51-52 ดังนั้น ตนจึงไม่ตอบ และได้กล่าวกับนายวัชระว่า หากมีอะไรควรมาคุยหลังเลิกประชุมสภาจะดีกว่า
อย่างไรก็ดี ภายหลังเสร็จการประชุม นายวัชระและตนจึงได้คุยกัน ซึ่งนายวัชระระบุว่าการที่ตนไปคุยกับกลุ่มปฏิญญาหน้าศาลถือว่าไม่เหมาะสม รวมถึงที่ระบุว่ามีนักโทษการเมือง ซึ่งนายวัชระยืนว่าไม่มีเรื่องดังกล่าว
นพ.นิรันดร์ กล่าวต่อว่า ตนจึงได้อธิบายว่า 1.การตรวจสอบถือว่าเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิ์ฯ หากมีประชาชนยื่นเรื่องร้องเรียนเข้ามา และ 2.การทำงานของคณะกรรมการสิทธิ์ฯไม่ได้มีการเลือกสีหรือเลือกข้าง ดังนั้น การที่ตนไปคุยกับกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล ก็ถือเป็นหน้าที่ของกรรมการสิทธิ์ฯ และมองว่านักโทษการเมืองมีอยู่จริง ซึ่งประชาชนถูกละเมิดสิทธิ์จากการเมือง
"ยืนยันว่าการทำงานของคณะกรรมการสิทธิ์ฯ ไม่ได้เลือกสี เลือกข้าง หรือฝักใฝ่การเมืองฝ่ายใด และการทำงานต้องร่วมกับภาคประชาชน ดังนั้น เมื่อมีการร้องเรียนเข้ามาก็จำเป็นต้องตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส และมองว่าปัจจุบันเหลือง-แดง ก็ถูกละเมิดสิทธิ์เช่นกัน"นพ.นิรันดร์ กล่าว
