วานนี้ ( 4 ต.ค.)นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการสภาผู้แทนราษฎร แถลงหลังการประชุมพิจารณา กรณี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา พาคณะสื่อมวลชนไปศึกษาดูงานที่ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 20-28 ก.ย. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กมธ.เชิญนายสมพล วณิคพันธุ์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มาชี้แจง แต่เนื่องจากนายสมพล ไปปฏิบัติราชการที่ประเทศลาว จึงได้มอบหมายให้น.ส.ศิรวศา เทศถมทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเลขานุการคณะ มาชี้แจง
นายบุญยอด กล่าวว่า น.ส.ศิรวศา ชี้แจงว่า โครงการดังกล่าวเป็นดำริของประธานสภาฯ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ที่จะใช้งบประจำปีในส่วนของประธานสภาฯ ซึ่งมีเหลือยู่ประมาณ 7 ล้านบาทโดยสรุปแล้วมีผู้เดินทางไปในครั้งนี้ 25 คน ประกอบด้วยประธานสภาฯ และข้าราชการสภาฯ 9 คน สื่อมวลชน 13 คน ทั้งนี้ในส่วนของน.ส.พลอยไพลิน เกียรติสุรนนท์ บุตรสาว นายสมศักดิ์, น.ส.นิชาภา ศิริวัฒน์ และน.ส.ณัทธกาภา ศิริวัฒน์ ผู้ติดตามของ น.ส.ภูวนิดา คุนผลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ออกค่าใช้จ่ายเอง
ดังนั้นทำให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณจริง เพียง 22 คน และจะได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงวันละ 2,100 บาท โดยยอดรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด คิดเป็นเงิน 7,423,108 บาท เฉลี่ยคนละ 330,000 บาท แต่ไม่รวมค่าตั๋วชมฟุตบอล ใบละกว่า 15,000 บาท ซึ่งบริษัท สยามสปอร์ต เป็นผู้ออกค่าตั๋วชมฟุตบอลให้สื่อมวลชน จำนวน 13 คน ส่วนข้าราชการ และประธานสภาฯ มีการตั้งเบิกในงบประมาณ ซึ่งต่อมาประธานสภาฯ ระบุว่าจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายส่วนนี้เอง
นายบุญยอด ตั้งข้อสังเกตว่า การเดินทางดังกล่าว แยกการเดินทางเป็น 2 คณะ ระหว่างกลุ่มประธานสภาฯ และกลุ่มสื่อมวลชน มีการพบกันในการดูงานที่สำนักข่าวบีบีซี และทานอาหารอีก 2 มื้อ เท่านั้น ทั้งนี้เมื่อประธานระบุว่า การไปดูงานที่สำนักข่าวบีบีซี เพื่อไปดูระบบทีวีดิจิตอล ตนเห็นว่าก็ไม่น่าเกี่ยวอะไรกับสื่อมวลชนที่เดินทางร่วมไปด้วย รวมทั้งการเดินทางไปรัฐสภาอังกฤษ ที่ปิดสมัยประชุมอยู่ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งต่อประธานสภาฯแล้ว ว่าเป็นช่วงปิดสมัยการประชุม แต่ประธานสภาฯ ก็ยังจะเดินทางไป ต้องมีคำอธิบายในเรื่องนี้
นายบุญยอด กล่าวอีกว่า การใช้งบประมาณครั้งนี้ ถือว่าได้ทำตามระเบียบ มีใบเสร็จถูกต้อง เป็นอำนาจของประธานสภาฯ ที่จะใช้ได้ ก็ต้องดูเรื่องของความเหมาะสม ว่าเลือกเฉพาะสื่อที่มีความใกล้ชิดกับฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ เพราะมีสื่อหลายคนที่มาจากวอยซ์ ทีวี ที่มีนายพานทองแท้ ชินวัตร เป็นผู้บริหาร ดังนั้นแม้จะไม่สามารถเอาผิดในทางกฎหมายได้ แต่กมธ.ก็ควรทำเป็นรายงาน และตั้งข้อสังเกตให้ชัด ถึงความไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้น สำหรับตนจะหาช่องทางว่าาจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้พิจารณาในกรณีนี้ได้หรือไม่
อย่างไรก็ตามในการประชุมครั้งหน้า จะเชิญ นายคัมภร์ ดิษฐากรณ์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มาชี้แจงเรื่องการคัดเลือกสื่อว่า มีหลักการอย่างไร ส่วนเรื่องที่ประธานสภาฯเดินทางไปร่วมพิธีเปิดงาน เวส ไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนลแฟร์ ที่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ตามคำเชิญของนายอู๋ปังกั๋ว ประธานสภาประชาชนของจีนไม่ทันนั้น ทางน.ส.ศิรวศา จะได้ยื่นเอกสารชี้แจงมาเพิ่มเติม
นายบุญยอด กล่าวต่อว่า ในความเห็นส่วนตัว อยากเรียกร้องให้คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรวจสอบในประเด็นที่ นายพิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรณีที่ไปรับงานอื่น และมีปัญหากับการสอน เบื้องต้นทราบว่านายพิชญ์ ได้รับงานเป็นนักวิชาการประจำสถานีโทรทัศน์ วอยซ์ทีวี ซึ่งเป็นของนายพานทองแท้ ชินวัตร และได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 1แสนบาท อีกทั้งมีปัญหากับตารางสอน เพราะนายพิชญ์ ไม่รับงานสอนในตอนเช้า
ทั้งนี้ กมธ.เชิญนายสมพล วณิคพันธุ์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มาชี้แจง แต่เนื่องจากนายสมพล ไปปฏิบัติราชการที่ประเทศลาว จึงได้มอบหมายให้น.ส.ศิรวศา เทศถมทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเลขานุการคณะ มาชี้แจง
นายบุญยอด กล่าวว่า น.ส.ศิรวศา ชี้แจงว่า โครงการดังกล่าวเป็นดำริของประธานสภาฯ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม ที่จะใช้งบประจำปีในส่วนของประธานสภาฯ ซึ่งมีเหลือยู่ประมาณ 7 ล้านบาทโดยสรุปแล้วมีผู้เดินทางไปในครั้งนี้ 25 คน ประกอบด้วยประธานสภาฯ และข้าราชการสภาฯ 9 คน สื่อมวลชน 13 คน ทั้งนี้ในส่วนของน.ส.พลอยไพลิน เกียรติสุรนนท์ บุตรสาว นายสมศักดิ์, น.ส.นิชาภา ศิริวัฒน์ และน.ส.ณัทธกาภา ศิริวัฒน์ ผู้ติดตามของ น.ส.ภูวนิดา คุนผลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ออกค่าใช้จ่ายเอง
ดังนั้นทำให้มีการเบิกจ่ายงบประมาณจริง เพียง 22 คน และจะได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงวันละ 2,100 บาท โดยยอดรวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด คิดเป็นเงิน 7,423,108 บาท เฉลี่ยคนละ 330,000 บาท แต่ไม่รวมค่าตั๋วชมฟุตบอล ใบละกว่า 15,000 บาท ซึ่งบริษัท สยามสปอร์ต เป็นผู้ออกค่าตั๋วชมฟุตบอลให้สื่อมวลชน จำนวน 13 คน ส่วนข้าราชการ และประธานสภาฯ มีการตั้งเบิกในงบประมาณ ซึ่งต่อมาประธานสภาฯ ระบุว่าจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายส่วนนี้เอง
นายบุญยอด ตั้งข้อสังเกตว่า การเดินทางดังกล่าว แยกการเดินทางเป็น 2 คณะ ระหว่างกลุ่มประธานสภาฯ และกลุ่มสื่อมวลชน มีการพบกันในการดูงานที่สำนักข่าวบีบีซี และทานอาหารอีก 2 มื้อ เท่านั้น ทั้งนี้เมื่อประธานระบุว่า การไปดูงานที่สำนักข่าวบีบีซี เพื่อไปดูระบบทีวีดิจิตอล ตนเห็นว่าก็ไม่น่าเกี่ยวอะไรกับสื่อมวลชนที่เดินทางร่วมไปด้วย รวมทั้งการเดินทางไปรัฐสภาอังกฤษ ที่ปิดสมัยประชุมอยู่ ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งต่อประธานสภาฯแล้ว ว่าเป็นช่วงปิดสมัยการประชุม แต่ประธานสภาฯ ก็ยังจะเดินทางไป ต้องมีคำอธิบายในเรื่องนี้
นายบุญยอด กล่าวอีกว่า การใช้งบประมาณครั้งนี้ ถือว่าได้ทำตามระเบียบ มีใบเสร็จถูกต้อง เป็นอำนาจของประธานสภาฯ ที่จะใช้ได้ ก็ต้องดูเรื่องของความเหมาะสม ว่าเลือกเฉพาะสื่อที่มีความใกล้ชิดกับฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ เพราะมีสื่อหลายคนที่มาจากวอยซ์ ทีวี ที่มีนายพานทองแท้ ชินวัตร เป็นผู้บริหาร ดังนั้นแม้จะไม่สามารถเอาผิดในทางกฎหมายได้ แต่กมธ.ก็ควรทำเป็นรายงาน และตั้งข้อสังเกตให้ชัด ถึงความไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้น สำหรับตนจะหาช่องทางว่าาจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้พิจารณาในกรณีนี้ได้หรือไม่
อย่างไรก็ตามในการประชุมครั้งหน้า จะเชิญ นายคัมภร์ ดิษฐากรณ์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร มาชี้แจงเรื่องการคัดเลือกสื่อว่า มีหลักการอย่างไร ส่วนเรื่องที่ประธานสภาฯเดินทางไปร่วมพิธีเปิดงาน เวส ไชน่า อินเตอร์เนชั่นแนลแฟร์ ที่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน ตามคำเชิญของนายอู๋ปังกั๋ว ประธานสภาประชาชนของจีนไม่ทันนั้น ทางน.ส.ศิรวศา จะได้ยื่นเอกสารชี้แจงมาเพิ่มเติม
นายบุญยอด กล่าวต่อว่า ในความเห็นส่วนตัว อยากเรียกร้องให้คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรวจสอบในประเด็นที่ นายพิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรณีที่ไปรับงานอื่น และมีปัญหากับการสอน เบื้องต้นทราบว่านายพิชญ์ ได้รับงานเป็นนักวิชาการประจำสถานีโทรทัศน์ วอยซ์ทีวี ซึ่งเป็นของนายพานทองแท้ ชินวัตร และได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 1แสนบาท อีกทั้งมีปัญหากับตารางสอน เพราะนายพิชญ์ ไม่รับงานสอนในตอนเช้า