เอเจนซีส์ – ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ลดตัวเลขคาดการณ์อัตราเติบโตของพวกประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยยกปัจจัยภาวะชะลอตัวในจีนและอินเดีย พร้อมเตือนความเสี่ยงสำคัญจากผลพวงวิกฤตหนี้ยุโรปและเศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอของอเมริกา อันเป็น 2 ตลาดส่งออกสำคัญ
ในรายงานฉบับปรับปรุงให้ทันสมัยล่าสุด ของรายงานแนวโน้มพัฒนาการของเอเชียประจำปี 2012 (Asian Development Outlook 2012) ซึ่งนำออกเผยแพร่เมื่อวันพุธ (3) เอดีบีคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนในปีนี้จะขยายตัวในอัตราเพียง 7.7% จากที่เคยคาดไว้ 8.5% ในเดือนเมษายน โดยที่ในปีหน้า จะขยับขึ้นไปที่ 8.1% ซึ่งก็ต่ำกว่าที่คาดไว้เดิมว่าจะทำได้ถึงระดับ 8.7%
รายงานของเอดีบีเตือนว่า จีนซึ่งปัจจุบันเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก มีแนวโน้มที่จะเผชิญความเสี่ยงรุนแรงขึ้นในระยะสั้น จากการที่ภาวะอุปสงค์ทั่วโลกซบเซา ตลอดจนเศรษฐกิจอันไร้ความแน่นอนของพวกประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุด แต่กระนั้น เอดีบีก็เชื่อว่าทางการปักกิ่งยังสามารถหลีกหนีภาวะเศรษฐกิจทรุดตัวลงรุนแรง เนื่องจากยังมีช่องทางมากมายในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
สำหรับอินเดีย เอดีบีคาดการณ์ล่าสุดว่า จีดีพีจะชะลอลงอยู่ที่ 5.6% ในปีปัจจุบัน และกระเตื้องขึ้นเป็น 6.7% ในปี 2013 เทียบกับตัวเลขคาดการณ์เดิม 7.0% และ 7.5% ตามลำดับ เนื่องจากแดนภารตะต้องต่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อพุ่งแรง การขาดดุลการคลังมูลค่ามหาศาล และการบริโภคกลับซบเซา
รายงานระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและอุปสงค์ในประเทศลดต่ำทั้งในจีนและอินเดีย สองชาติเศรษฐกิจกำลังพัฒนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย กำลังจะส่งผลให้การขยายตัวของทั่วทั้งเอเชียแผ่วตามไปด้วย
ทั้งนี้ เอดีบีลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของโลกกำลังพัฒนาในเอเชีย ซึ่งประกอบด้วยชาติต่างๆ รวม 45 ชาติ ลงจากระดับ 6.9% ที่ให้ไว้ในเดือนเมษายน มาอยู่ที่ 6.1% อันนับเป็นสถิติต่ำสุดตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งภูมิภาคนี้ขยายตัว 6% ขณะเดียวกัน รายงานของเอดีบียังปรับตัวเลขคาดการณ์สำหรับปีหน้าจาก 7.3% เหลือ 6.7% เปรียบเทียบกับปี 2011 ที่จีดีพีของพวกชาติกำลังพัฒนาในเอเชียโตได้ 7.2%
ชางยอง รี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอดีบีชี้ว่า เศรษฐกิจของพวกประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย กำลังชะลอตัวเกินคาด และยุคแห่งการเติบโตในอัตราเลขสองหลักกำลังจะสิ้นสุดลง แต่เขาก็สำทับว่า สถานการณ์เช่นนี้เป็นการปรับตัวปกติเพื่อไปสู่อัตราการเติบโตที่ยั่งยืนขึ้น
รียังระบุอีกว่า วิกฤตหนี้ยูโรโซน และแนวโน้มที่อเมริกาจะต้องหั่นยอดขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาล ขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมยังคงชะลอตัว อาจส่งผลร้ายแรงต่อภูมิภาคอื่นๆ และยังถือเป็นปัจจัยเสี่ยงใหญ่ที่สุดสำหรับบรรดาชาติตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย
นอกจากนั้น การไหลออกอย่างรวดเร็วของเงินทุนยังคงเป็นปัจจัยที่น่ากังวลสำหรับเอเชีย แม้ขณะนี้ตลาดทุนในภูมิภาคยังไม่แสดงอาการผันผวนจนน่าเป็นห่วงก็ตาม
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอดีบีแนะนำให้เอเชียที่ถูกมองมานานว่าเป็นความหวังสำคัญของเศรษฐกิจโลก เตรียมพร้อมรับภาวะที่เศรษฐกิจจะขยายตัวได้แค่ระดับพอประมาณเป็นระยะเวลายาวนาน หลังจากที่เคยเติบโตอย่างรวดเร็วมาหลายปี
รายงานเสริมว่า ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียส่วนใหญ่ ยังมีช่องทางเพียงพอที่จะนำเอานโยบายทางการเงินและการคลังมาบังคับใช้หากจำเป็น เพื่อปกป้องการเติบโตภายในประเทศ
รียังกระตุ้นให้ประเทศต่างๆ เหล่านี้หาทางกระจายแหล่งที่มาของรายได้ โดยเฉพาะการให้ความสนใจกับภาคบริการที่ช่วยสร้างงาน และคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งของจีดีพีเอเชียในปี 2010 รวมทั้งทำให้เกิดการจ้างงานถึง 34% ในปี 2009
เมื่อแยกเป็นภูมิภาคย่อยๆ รายงานเอดีบีบอกว่า เอเชียตะวันออกยังคงโตเร็วที่สุด โดยคาดว่าจีดีพีปีนี้จะอยู่ที่ 6.5% และ 7.1% ในปีหน้า
สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอดีบีระบุว่าอัตราการเติบโตจะอยู่ในลักษณะยืดหยุ่น ปัจจัยหลักๆ คือการที่ไทยฟื้นตัวจากมหาอุทกภัยเมื่อปีที่แล้ว และการทุ่มงบใช้จ่ายของรัฐบาลมาเลเซียและฟิลิปปินส์
รีแถลงว่า โดยรวมแล้ว เอดีบีเชื่อมั่นว่า เอเชียจะสามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตไว้ได้ แม้อาจไม่เห็นอัตราขยายตัวเลขสองหลักแบบเมื่อสองทศวรรษที่แล้วก็ตาม
นอกจากนี้ แนวโน้มชะลอตัวนี้ยังอาจช่วยผ่อนคลายความกดดันด้านราคา โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงจาก 5.9% ในปี 2011 อยู่ที่ 4.2% ในปีนี้และปีหน้า ถ้าหากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ไม่ทะยานลิ่ว
ในรายงานฉบับปรับปรุงให้ทันสมัยล่าสุด ของรายงานแนวโน้มพัฒนาการของเอเชียประจำปี 2012 (Asian Development Outlook 2012) ซึ่งนำออกเผยแพร่เมื่อวันพุธ (3) เอดีบีคาดว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนในปีนี้จะขยายตัวในอัตราเพียง 7.7% จากที่เคยคาดไว้ 8.5% ในเดือนเมษายน โดยที่ในปีหน้า จะขยับขึ้นไปที่ 8.1% ซึ่งก็ต่ำกว่าที่คาดไว้เดิมว่าจะทำได้ถึงระดับ 8.7%
รายงานของเอดีบีเตือนว่า จีนซึ่งปัจจุบันเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก มีแนวโน้มที่จะเผชิญความเสี่ยงรุนแรงขึ้นในระยะสั้น จากการที่ภาวะอุปสงค์ทั่วโลกซบเซา ตลอดจนเศรษฐกิจอันไร้ความแน่นอนของพวกประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุด แต่กระนั้น เอดีบีก็เชื่อว่าทางการปักกิ่งยังสามารถหลีกหนีภาวะเศรษฐกิจทรุดตัวลงรุนแรง เนื่องจากยังมีช่องทางมากมายในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
สำหรับอินเดีย เอดีบีคาดการณ์ล่าสุดว่า จีดีพีจะชะลอลงอยู่ที่ 5.6% ในปีปัจจุบัน และกระเตื้องขึ้นเป็น 6.7% ในปี 2013 เทียบกับตัวเลขคาดการณ์เดิม 7.0% และ 7.5% ตามลำดับ เนื่องจากแดนภารตะต้องต่อสู้กับปัญหาเงินเฟ้อพุ่งแรง การขาดดุลการคลังมูลค่ามหาศาล และการบริโภคกลับซบเซา
รายงานระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวและอุปสงค์ในประเทศลดต่ำทั้งในจีนและอินเดีย สองชาติเศรษฐกิจกำลังพัฒนาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย กำลังจะส่งผลให้การขยายตัวของทั่วทั้งเอเชียแผ่วตามไปด้วย
ทั้งนี้ เอดีบีลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของโลกกำลังพัฒนาในเอเชีย ซึ่งประกอบด้วยชาติต่างๆ รวม 45 ชาติ ลงจากระดับ 6.9% ที่ให้ไว้ในเดือนเมษายน มาอยู่ที่ 6.1% อันนับเป็นสถิติต่ำสุดตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งภูมิภาคนี้ขยายตัว 6% ขณะเดียวกัน รายงานของเอดีบียังปรับตัวเลขคาดการณ์สำหรับปีหน้าจาก 7.3% เหลือ 6.7% เปรียบเทียบกับปี 2011 ที่จีดีพีของพวกชาติกำลังพัฒนาในเอเชียโตได้ 7.2%
ชางยอง รี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอดีบีชี้ว่า เศรษฐกิจของพวกประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย กำลังชะลอตัวเกินคาด และยุคแห่งการเติบโตในอัตราเลขสองหลักกำลังจะสิ้นสุดลง แต่เขาก็สำทับว่า สถานการณ์เช่นนี้เป็นการปรับตัวปกติเพื่อไปสู่อัตราการเติบโตที่ยั่งยืนขึ้น
รียังระบุอีกว่า วิกฤตหนี้ยูโรโซน และแนวโน้มที่อเมริกาจะต้องหั่นยอดขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาล ขณะที่เศรษฐกิจโดยรวมยังคงชะลอตัว อาจส่งผลร้ายแรงต่อภูมิภาคอื่นๆ และยังถือเป็นปัจจัยเสี่ยงใหญ่ที่สุดสำหรับบรรดาชาติตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย
นอกจากนั้น การไหลออกอย่างรวดเร็วของเงินทุนยังคงเป็นปัจจัยที่น่ากังวลสำหรับเอเชีย แม้ขณะนี้ตลาดทุนในภูมิภาคยังไม่แสดงอาการผันผวนจนน่าเป็นห่วงก็ตาม
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอดีบีแนะนำให้เอเชียที่ถูกมองมานานว่าเป็นความหวังสำคัญของเศรษฐกิจโลก เตรียมพร้อมรับภาวะที่เศรษฐกิจจะขยายตัวได้แค่ระดับพอประมาณเป็นระยะเวลายาวนาน หลังจากที่เคยเติบโตอย่างรวดเร็วมาหลายปี
รายงานเสริมว่า ประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียส่วนใหญ่ ยังมีช่องทางเพียงพอที่จะนำเอานโยบายทางการเงินและการคลังมาบังคับใช้หากจำเป็น เพื่อปกป้องการเติบโตภายในประเทศ
รียังกระตุ้นให้ประเทศต่างๆ เหล่านี้หาทางกระจายแหล่งที่มาของรายได้ โดยเฉพาะการให้ความสนใจกับภาคบริการที่ช่วยสร้างงาน และคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งของจีดีพีเอเชียในปี 2010 รวมทั้งทำให้เกิดการจ้างงานถึง 34% ในปี 2009
เมื่อแยกเป็นภูมิภาคย่อยๆ รายงานเอดีบีบอกว่า เอเชียตะวันออกยังคงโตเร็วที่สุด โดยคาดว่าจีดีพีปีนี้จะอยู่ที่ 6.5% และ 7.1% ในปีหน้า
สำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอดีบีระบุว่าอัตราการเติบโตจะอยู่ในลักษณะยืดหยุ่น ปัจจัยหลักๆ คือการที่ไทยฟื้นตัวจากมหาอุทกภัยเมื่อปีที่แล้ว และการทุ่มงบใช้จ่ายของรัฐบาลมาเลเซียและฟิลิปปินส์
รีแถลงว่า โดยรวมแล้ว เอดีบีเชื่อมั่นว่า เอเชียจะสามารถรักษาโมเมนตัมการเติบโตไว้ได้ แม้อาจไม่เห็นอัตราขยายตัวเลขสองหลักแบบเมื่อสองทศวรรษที่แล้วก็ตาม
นอกจากนี้ แนวโน้มชะลอตัวนี้ยังอาจช่วยผ่อนคลายความกดดันด้านราคา โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงจาก 5.9% ในปี 2011 อยู่ที่ 4.2% ในปีนี้และปีหน้า ถ้าหากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ไม่ทะยานลิ่ว