วานนี้ (30 ก.ย.55) ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เตรียมจะขอกู้เงินอีก 2 ล้านล้านบาทว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลเตรียมที่จะก่อหนี้สินเพิ่มจำนวนมากถึง 2 ล้านล้านบาท เพราะแม้แต่เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท ก็ยังไม่เห็นถึงการลงทุนอย่างคุ้มค่า ในขณะที่มีการใช้จ่ายงบประมาณไปแล้ว 1.2 แสนล้านบาท หรืออาจจะเป็น 1.5 แสนล้านบาท ก็ยังไม่เห็นว่าการบริหารจัดการน้ำจะดีขึ้นอย่างไร ดังนั้นการที่จะบริหารเงิน 3.5 แสนล้านบาท จึงมีความเป็นห่วงว่ารัฐบาลยกเว้นกฏระเบียบ ทั้งที่มีความสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตมาก เพราะแค่งบ 1.2 แสนล้านบาทก็สามารถตรวจสอบพบว่า มีการทุจริตผิดปกติ เมื่อจะใช้เงิน 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเงินนอกงบประมาณและยังมีการยกเว้นกฏ ระเบียบว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆอีกด้วย จึงน่าเป็นห่วงมาก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีข่าวระบุว่า จะนำงบประมาณดังกล่าวไปสร้างเขื่อนนั้น เรื่องตัวโครงการต้องปฏิบัติตามกฏหมายและรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นสิ่งที่เราท้วงติงว่าแผนที่จะใช้เงินยังไม่มีการดำเนินการตามกฏหมายให้เรียบร้อย หากเอกชนเสนอตัวมาทำ สุดท้ายถ้าโครงการเหล่านี้มีปัญหาในทางกฏหมายก็จะย้อนกลับมาเป็นปัญหาโต้แย้งระหว่างรัฐกับเอกชน ยิ่งจะเพิ่มปัญหาการเผชิญหน้าระหว่างประชาชนกับรัฐอีก เพราะขณะนี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนแล้ว ดังนั้นรัฐบาลควรดำเนินการให้เรียบร้อยถูกต้องตามขั้นตอนของกฏหมาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีข่าวระบุว่า จะนำงบประมาณดังกล่าวไปสร้างเขื่อนนั้น เรื่องตัวโครงการต้องปฏิบัติตามกฏหมายและรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นสิ่งที่เราท้วงติงว่าแผนที่จะใช้เงินยังไม่มีการดำเนินการตามกฏหมายให้เรียบร้อย หากเอกชนเสนอตัวมาทำ สุดท้ายถ้าโครงการเหล่านี้มีปัญหาในทางกฏหมายก็จะย้อนกลับมาเป็นปัญหาโต้แย้งระหว่างรัฐกับเอกชน ยิ่งจะเพิ่มปัญหาการเผชิญหน้าระหว่างประชาชนกับรัฐอีก เพราะขณะนี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนแล้ว ดังนั้นรัฐบาลควรดำเนินการให้เรียบร้อยถูกต้องตามขั้นตอนของกฏหมาย