นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมส.ส.ภาคเหนือ ตอนล่างของพรรค ร่วมกันแถลงข่าวถึงโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล โดยนพ.วรงค์ กล่าวว่า จากกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่ ต.ปากแรด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยได้รับปากกับเกษตรกรว่า รัฐบาลจะรีบจ่ายเงินในโครงการรับจำนำข้าวให้กับเกษตรกร และในสัปดาห์ถัดมา มีเงินก้อนเล็กได้โอนไปยังเกษตรกร แต่จะได้เฉพาะแกนนำเกษตรกรที่จะชุมนุมประท้วงรัฐบาลเท่านั้น เกษตรกรส่วนใหญ่ยังไม่ได้เงินค่ารับจำนำข้าว ซึ่งทำให้สงสัยได้ว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังถังแตก แต่ไม่พูดความจริงกับประชาชน ทั้งที่โครงการจำนำข้าวนาปรังรอบพิเศษ ที่มีการขยายยอดรับจำนำสูงกว่า 5.5 ล้านตัน จากเดิมมีข้าวนาปรังแค่ 11.1 ล้านตัน แต่ครั้งนี้เกินกว่า 16.6 ล้านตัน และใช้เงินสูงกว่า 7.9 หมื่นล้านบาท แต่รัฐบาลไม่ยอมพูดความจริง
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลจ่ายเงินล่าช้า มีการประเมินแล้วว่า รัฐบาลกำลังทำอยู่ 2 อย่าง คือ 1.โจมตีฝ่ายค้านว่าตรวจสอบอย่างหนัก จึงจำเป็นต้องจ่ายเงินช้า แต่เมื่อฝ่ายค้านเงียบ รัฐบาลกลับเล่นเกมการเมือง โดยให้แกนนำไปพูดในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลแก้ปัญหาโดยการหากรู้ว่าจะมีการชุมนุม ก็จะโอนเงินให้เฉพาะแกนนำเพื่อปิดปาก จึงเชื่อว่ารัฐบาลถังแตกแน่นอน และขอให้รัฐบาลพูดความจริง เพื่อให้เกษตรกรตัดสินใจได้ว่า จะขายเงินสด หรือจะนำข้าวไปเก็บไว้ที่โรงสี
ด้านนายนราพัฒน์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร กล่าวว่า วันที่ 26 มิ.ย.-31 ส.ค.ที่ผ่านมา มีเกษตรกรได้เก็บเกี่ยวข้าวก่อนวันดังกล่าว ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการรับจำนำได้ จึงมีปัญหาในการฝากข้าวที่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำให้ขณะนี้มีเกษตรกรที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว และรับเงินได้ ส่วนประชาชนที่เก็บเกี่ยวข้าวในเดือนส.ค. ไม่มีปัญหาเรื่องเอกสาร บางรายได้รับเงิน เพราะประท้วง และบางรายไม่ได้รับเงิน ซึ่งเป็นเกษตรกรที่อยู่ในความเรียบร้อยกลับไม่ได้รับการดูแล เรื่องนี้ตนเห็นว่า ถ้าเกษตรกรคนใดเดือดร้อน ก็ให้ออกมาเรียกร้อง เพื่อให้รัฐบาลเร่งโอนเงินในโครงการรับจำนำข้าวด้วย
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลจ่ายเงินล่าช้า มีการประเมินแล้วว่า รัฐบาลกำลังทำอยู่ 2 อย่าง คือ 1.โจมตีฝ่ายค้านว่าตรวจสอบอย่างหนัก จึงจำเป็นต้องจ่ายเงินช้า แต่เมื่อฝ่ายค้านเงียบ รัฐบาลกลับเล่นเกมการเมือง โดยให้แกนนำไปพูดในพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลแก้ปัญหาโดยการหากรู้ว่าจะมีการชุมนุม ก็จะโอนเงินให้เฉพาะแกนนำเพื่อปิดปาก จึงเชื่อว่ารัฐบาลถังแตกแน่นอน และขอให้รัฐบาลพูดความจริง เพื่อให้เกษตรกรตัดสินใจได้ว่า จะขายเงินสด หรือจะนำข้าวไปเก็บไว้ที่โรงสี
ด้านนายนราพัฒน์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร กล่าวว่า วันที่ 26 มิ.ย.-31 ส.ค.ที่ผ่านมา มีเกษตรกรได้เก็บเกี่ยวข้าวก่อนวันดังกล่าว ทำให้ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการรับจำนำได้ จึงมีปัญหาในการฝากข้าวที่ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำให้ขณะนี้มีเกษตรกรที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว และรับเงินได้ ส่วนประชาชนที่เก็บเกี่ยวข้าวในเดือนส.ค. ไม่มีปัญหาเรื่องเอกสาร บางรายได้รับเงิน เพราะประท้วง และบางรายไม่ได้รับเงิน ซึ่งเป็นเกษตรกรที่อยู่ในความเรียบร้อยกลับไม่ได้รับการดูแล เรื่องนี้ตนเห็นว่า ถ้าเกษตรกรคนใดเดือดร้อน ก็ให้ออกมาเรียกร้อง เพื่อให้รัฐบาลเร่งโอนเงินในโครงการรับจำนำข้าวด้วย
