เอเจนซีส์ – ผู้เชี่ยวชาญชี้ปัญหาสุขภาพน่าจะเป็นคำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุด สำหรับการหายหน้าหายตาไปของรองประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้ได้รับการวางตัวให้เป็นหัวหน้าคณะผู้นำรุ่นต่อไปของจีน ถึงแม้การที่เขาไม่ออกมาปรากฏตัวตามกำหนดการที่เตรียมเอาไว้ในระยะนี้ อันเป็นช่วงสุกดิบก่อนจะถึงการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศพรรคคอมมิวนิสต์ในเดือนหน้า ซึ่งจะมีการยืนยันรับรองการก้าวผงาดขึ้นมาของเขานั้น จะจุดชนวนให้มีการคาดเดากันไปต่างๆ นานา
จากการจัดเตรียมของคณะผู้นำจีนในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้เป็นที่คาดหมายกันอย่างกว้างขวางว่า สี จะได้เป็นเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนคนใหม่ สืบแทน หู จิ่น เทา ในการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศครั้งที่ 18 ของพรรคในเดือนหน้า แล้วจากนั้นก็จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีของประเทศสืบแทน หู ในการประชุมรัฐสภาเดือนมีนาคมปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว สี ได้ยกเลิกกำหนดนัดหมายพบปะกับอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติ เป็นต้นว่า ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงของสิงคโปร์ แล้วในวันจันทร์(10) เขาก็ไม่ได้ออกมาพบหารือตามนัดกับ เฮลล์ ธอร์นิง-ชมิดต์ นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก
บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของจีนต่างพากันปิดปากสนิทในเรื่องที่ว่ารองประธานาธิบดีผู้นี้กำลังอยู่ที่ไหน ตลอดจนปฏิเสธไม่ยอมตอบคำถามที่ว่าทำไมเขาจึงยกเลิกนัดหมายสำคัญๆ เหล่านี้
ความล้มเหลวในการอธิบายเหตุผลที่สีเงียบหายไปนับจากวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้โลกออนไลน์รวมทั้งสื่อภาษาจีนในต่างแดนลือกันไปต่างๆ นานา เป็นต้นว่า สีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
บ้างคาดเดาว่า เหตุการณ์นี้บ่งชี้ความไร้เสถียรภาพรุนแรงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เพิ่งเผชิญเรื่องอื้อฉาวทางการเมืองใหญ่มา 2 ครั้งในปีนี้ ได้แก่ กรณีการตกจากอำนาจของป๋อ ซีไหล และการลดตำแหน่งพันธมิตรอาวุโสคนหนึ่งของประธานาธิบดีหู เนื่องจากบุตรชายของเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุจากรถเฟอร์รารี่ที่มีผู้เสียชีวิต
อย่างไรก็ดี พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า สาเหตุที่แท้จริงน่าจะมาจากการที่ สี ล้มป่วยหรือได้รับบาดเจ็บที่ไม่ใช่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงขั้นคุกคามชีวิต ทว่า พรรคคอมมิวนิสต์ไม่ยินดีเปิดเผยความอ่อนแอของว่าที่ผู้นำ
วิลลี ลัม ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองของมหาวิทยาลัยจีนในฮ่องกง เผยว่าได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือว่า สีประสบอุบัติเหตุจากการเล่นกีฬารุนแรงถึงขั้นที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ไม่ร้ายแรงถึงชีวิต ลัมสำทับว่า ปัญหาสุขภาพของเจ้าหน้าที่ระดับสูงยังคงถือเป็นความลับระดับชาติในจีน
“เพียงแต่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างน้อยก็นับจากการปฏิวัติวัฒนธรรม ที่ผู้นำระดับสูงไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนก่อนถึงการประชุมสมัชชาพรรคเพียงเดือนเดียว”
การคาดการณ์ของลัม สอดคล้องกับรายงานของรอยเตอร์ที่อ้างแหล่งข่าวในแวดวงผู้นำในปักกิ่งที่บอกว่า สีบาดเจ็บที่หลังจากการว่ายน้ำออกกำลังกายประจำวัน แต่ไม่บอกรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บ สถานที่และเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ ขณะที่แหล่งข่าวอีกคนที่ไม่ประสงค์เผยชื่อเช่นกันแต่อ้างคนใกล้ชิดสี ระบุว่าสีป่วยแต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ในวันอังคาร(11) กระทรวงการต่างประเทศจีนยังคงปฏิเสธเป็นวันที่ 2 ในการตอบคำถามเกี่ยวกับสีระหว่างการแถลงข่าวประจำวัน
ขณะเดียวกัน การค้นหาชื่อสี หรือคำว่า “ปวดหลัง” ในภาษาจีนทางอินเทอร์เน็ต ถูกบล็อกตั้งแต่วันอังคาร ผู้ใช้ซิน่า เว่ยโป อันเป็นไมโครบล็อกจีนที่ได้รับความนิยมเทียบเท่าทวิตเตอร์ จึงต้องเลี่ยงไปใช้คำอื่น เช่น “มกุฎราชกุมาร” ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าหมายถึงสี
ขณะที่สื่อของทางการจีนงดแตะต้องประเด็นนี้โดยสิ้นเชิง และช่องข่าวต่างประเทศของบีบีซี ก็รับภาพกันไม่ได้อยู่ชั่วระยะหนึ่งหลังเอ่ยชื่อสี
สก็อต เคนเนดี้ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยจีนศึกษาของมหาวิทยาลัยอินดีแอนา ซึ่งตั้งอยู่ในปักกิ่ง กล่าวว่า สาเหตุที่คนคาดเดากันไปต่างๆ นานาเป็นเพราะปักกิ่งเองไม่โปร่งใส
สำหรับตัวเขาเองนั้นคิดว่า สีน่าจะมีปัญหาสุขภาพมากกว่ามีอันตรายถึงแก่ชีวิต เนื่องจากผู้นำจีนคนอื่นๆ ยังปฏิบัติภารกิจกันตามปกติ รวมถึงเดินทางไปต่างประเทศ
“ผมเดาว่า เร็วๆ นี้เราจะเห็นภาพ สี เป็นเจ้าภาพงานอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็ไปเยี่ยมชมโรงงานหรือโรงพยาบาล เพราะธรรมเนียมปฏิบัติของจีนเป็นแบบนี้ มากกว่าจะออกมาแถลงข่าวเป็นเรื่องเป็นราว”
จากการจัดเตรียมของคณะผู้นำจีนในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้เป็นที่คาดหมายกันอย่างกว้างขวางว่า สี จะได้เป็นเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนคนใหม่ สืบแทน หู จิ่น เทา ในการประชุมสมัชชาผู้แทนทั่วประเทศครั้งที่ 18 ของพรรคในเดือนหน้า แล้วจากนั้นก็จะขึ้นเป็นประธานาธิบดีของประเทศสืบแทน หู ในการประชุมรัฐสภาเดือนมีนาคมปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่แล้ว สี ได้ยกเลิกกำหนดนัดหมายพบปะกับอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติ เป็นต้นว่า ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีลีเซียนลุงของสิงคโปร์ แล้วในวันจันทร์(10) เขาก็ไม่ได้ออกมาพบหารือตามนัดกับ เฮลล์ ธอร์นิง-ชมิดต์ นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก
บรรดาเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบของจีนต่างพากันปิดปากสนิทในเรื่องที่ว่ารองประธานาธิบดีผู้นี้กำลังอยู่ที่ไหน ตลอดจนปฏิเสธไม่ยอมตอบคำถามที่ว่าทำไมเขาจึงยกเลิกนัดหมายสำคัญๆ เหล่านี้
ความล้มเหลวในการอธิบายเหตุผลที่สีเงียบหายไปนับจากวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้โลกออนไลน์รวมทั้งสื่อภาษาจีนในต่างแดนลือกันไปต่างๆ นานา เป็นต้นว่า สีประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
บ้างคาดเดาว่า เหตุการณ์นี้บ่งชี้ความไร้เสถียรภาพรุนแรงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เพิ่งเผชิญเรื่องอื้อฉาวทางการเมืองใหญ่มา 2 ครั้งในปีนี้ ได้แก่ กรณีการตกจากอำนาจของป๋อ ซีไหล และการลดตำแหน่งพันธมิตรอาวุโสคนหนึ่งของประธานาธิบดีหู เนื่องจากบุตรชายของเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุจากรถเฟอร์รารี่ที่มีผู้เสียชีวิต
อย่างไรก็ดี พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า สาเหตุที่แท้จริงน่าจะมาจากการที่ สี ล้มป่วยหรือได้รับบาดเจ็บที่ไม่ใช่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงขั้นคุกคามชีวิต ทว่า พรรคคอมมิวนิสต์ไม่ยินดีเปิดเผยความอ่อนแอของว่าที่ผู้นำ
วิลลี ลัม ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองของมหาวิทยาลัยจีนในฮ่องกง เผยว่าได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือว่า สีประสบอุบัติเหตุจากการเล่นกีฬารุนแรงถึงขั้นที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล แต่ไม่ร้ายแรงถึงชีวิต ลัมสำทับว่า ปัญหาสุขภาพของเจ้าหน้าที่ระดับสูงยังคงถือเป็นความลับระดับชาติในจีน
“เพียงแต่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนอย่างน้อยก็นับจากการปฏิวัติวัฒนธรรม ที่ผู้นำระดับสูงไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนก่อนถึงการประชุมสมัชชาพรรคเพียงเดือนเดียว”
การคาดการณ์ของลัม สอดคล้องกับรายงานของรอยเตอร์ที่อ้างแหล่งข่าวในแวดวงผู้นำในปักกิ่งที่บอกว่า สีบาดเจ็บที่หลังจากการว่ายน้ำออกกำลังกายประจำวัน แต่ไม่บอกรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บ สถานที่และเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ ขณะที่แหล่งข่าวอีกคนที่ไม่ประสงค์เผยชื่อเช่นกันแต่อ้างคนใกล้ชิดสี ระบุว่าสีป่วยแต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ในวันอังคาร(11) กระทรวงการต่างประเทศจีนยังคงปฏิเสธเป็นวันที่ 2 ในการตอบคำถามเกี่ยวกับสีระหว่างการแถลงข่าวประจำวัน
ขณะเดียวกัน การค้นหาชื่อสี หรือคำว่า “ปวดหลัง” ในภาษาจีนทางอินเทอร์เน็ต ถูกบล็อกตั้งแต่วันอังคาร ผู้ใช้ซิน่า เว่ยโป อันเป็นไมโครบล็อกจีนที่ได้รับความนิยมเทียบเท่าทวิตเตอร์ จึงต้องเลี่ยงไปใช้คำอื่น เช่น “มกุฎราชกุมาร” ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าหมายถึงสี
ขณะที่สื่อของทางการจีนงดแตะต้องประเด็นนี้โดยสิ้นเชิง และช่องข่าวต่างประเทศของบีบีซี ก็รับภาพกันไม่ได้อยู่ชั่วระยะหนึ่งหลังเอ่ยชื่อสี
สก็อต เคนเนดี้ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยจีนศึกษาของมหาวิทยาลัยอินดีแอนา ซึ่งตั้งอยู่ในปักกิ่ง กล่าวว่า สาเหตุที่คนคาดเดากันไปต่างๆ นานาเป็นเพราะปักกิ่งเองไม่โปร่งใส
สำหรับตัวเขาเองนั้นคิดว่า สีน่าจะมีปัญหาสุขภาพมากกว่ามีอันตรายถึงแก่ชีวิต เนื่องจากผู้นำจีนคนอื่นๆ ยังปฏิบัติภารกิจกันตามปกติ รวมถึงเดินทางไปต่างประเทศ
“ผมเดาว่า เร็วๆ นี้เราจะเห็นภาพ สี เป็นเจ้าภาพงานอะไรสักอย่าง หรือไม่ก็ไปเยี่ยมชมโรงงานหรือโรงพยาบาล เพราะธรรมเนียมปฏิบัติของจีนเป็นแบบนี้ มากกว่าจะออกมาแถลงข่าวเป็นเรื่องเป็นราว”