ASTVผู้จัดการรายวัน - ญาติเผยอาการล่าสุด ด.ญ.วัย 12 ปี ที่ถูกบันไดเลื่อนหนีบศีรษะ ยังสาหัสไม่ได้สติ ตำรวจประสานตรวจสอบที่เกิดเหตุละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะพิจารณาว่าจะตั้งข้อหาหรือไม่อย่างไร ด้านห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต พร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกกรณี พร้อมติดตั้งป้ายการใช้บันไดเลื่อนทุกจุด พร้อมรอผลตรวจสอบจากวิศวกรการก่อสร้างได้มาตรฐานหรือไม่
วานนี้ (10 ก.ย.) ความคืบหน้าเหตุการณ์สะเทือนขวัญ กรณี ด.ญ.นวลแพร วสุทพิชัยกุล อายุ 12 ปี ถูกคานและบันไดเลื่อนของศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คหนีบศีรษะอาการสาหัสว่า อาการทั่วไปของ ด.ญ.นวลแพร ยังทรงตัว ไม่รู้สึกตัว ทางแม่และญาติๆของเด็กยังช็อกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่พร้อมที่จะให้ข่าว และแพทย์จากโรงพยาบาลกรุงเทพ แจ้งว่าต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดอีกระยะหนึ่ง
พ.ต.ท.จำนงค์ กองตาพันธ์ พนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า คดีนี้ ทาง พงส.จะเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยละเอียดอีกครั้ง ว่าทางห้างฯ ได้ติดป้ายเตือนไว้หรือไม่ และทางวิชาการ บันไดเลื่อนกับคานที่หนีบศีรษะเด็กนั้น สร้างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ก่อนที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน และพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหากับทางห้างฯ หรือไม่อย่างไร.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศที่บริเวณบันไดเลื่อนจุด ที่เกิดเหตุยังคงมีประชาชนมายืนดูจุดเกิดเหตุหลังจากที่เป็นข่าวออกไปและได้วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ ในส่วนของห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ได้มีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นวิศวกรของทางห้างได้ออกมาตรวจสอบบันไดเลื่อนตัวที่เกิดเหตุ และได้ชี้แจงระบบการทำงานของบันไดดังกล่าวให้กับสื่อมวลชนได้รับทราบโดยมีการสาธิตปิดเปิดบันไดให้ดู และได้เปิดเผยถึงสาเหตุกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันวาน โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้เปิดเผยว่า ปกติบันไดเลื่อนนั้นขณะที่กำลังทำงานก็จะหมุนเลื่อนไปตามปกติ แต่ถ้าหากมีสิ่งกีดขวางตรงจุดที่เซนเซอร์ติดตั้งอยู่บันไดก็จะหยุดทำงานแต่กรณี เมื่อวานในขณะที่เด็กได้ก้มศรีษะออกไปแล้วไปกระทบกับคานซึ่งอยู่ช่วงบนซึ่งเซนเซอร์จะไม่ทำงาน เนื่องจากจุดที่ติดตั้งนั้นอยู่ที่หลักราวบันไดตรงพื้น และหลังจากเกิดเหตุบังเอิญมีแม่บ้านของห้างอยู่บริเวณนั้นพอดี จึงได้รีบปิดสวิททำให้บันไดเลื่อนหยุดทำงาน และต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้าง จึงได้รีบเข้าไปช่วยเหลือในทันที่
ทางด้านนางรัตนา อนันทนุพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดได้เปิดเผยว่า ทางห้างฯและผู้บริหารทุกคนต่างก็มีความห่วงใยเด็กเป็นอย่างมาก และจะรับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งขณะนี้เด็กได้ย้ายไปอยู่ รพ.กรุงเทพ เราได้ส่งเจ้าหน้าที่ของเราไปดูแลอยู่ตลอดเวลา ส่วนด้านการป้องกันดูแลเรื่องของความปลอดภัยนั้นทางห้างนั้น คงต้องเพิ่มมาตรการในการดูแลขึ้นไปอีก คือต่อไปเราจะเพิ่มเจ้าหน้าที่คอยดูแลตามบันไดเลื่อนทุกๆจุด และจะต้องเพิ่มป้ายเตือนในการใช้บันไดเลื่อนให้มากขึ้น และในด้านการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องทราบว่าทางวิศวกรของเทศบาลนครรังสิตจะเข้าไปตรวจสอบในเรื่องนี้ เพราะห้างอยู่ในเขตรับผิดชอบของเทศบาลนครรังสิต ซึ่งคงต้องรอผลของการตรวจสอบว่าการก่อสร้างนั้นได้มาตรฐานตามแบบหรือไม่ และในส่วนทางแม่ของเด็กหญิงนวลแพร ก็ได้เดินทางเข้าไปลงบันทึกไว้ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์แล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเรียกทั้งสองฝ่ายเข้ามาให้ปากคำ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนำตัวส่งโรงพยาบาลเด็กได้มีอารการช็อกและหยุดหายใจเป็นเวลา 15 นาที ทำให้ล่าสุดยังไม่รู้สึกตัว โดยคณะแพทย์อยู่ระหว่างติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และยังไม่สามารถให้การรักษาด้วยการผ่าตัดได้
วานนี้ (10 ก.ย.) ความคืบหน้าเหตุการณ์สะเทือนขวัญ กรณี ด.ญ.นวลแพร วสุทพิชัยกุล อายุ 12 ปี ถูกคานและบันไดเลื่อนของศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คหนีบศีรษะอาการสาหัสว่า อาการทั่วไปของ ด.ญ.นวลแพร ยังทรงตัว ไม่รู้สึกตัว ทางแม่และญาติๆของเด็กยังช็อกต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่พร้อมที่จะให้ข่าว และแพทย์จากโรงพยาบาลกรุงเทพ แจ้งว่าต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดอีกระยะหนึ่ง
พ.ต.ท.จำนงค์ กองตาพันธ์ พนักงานสอบสวน สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ จ.ปทุมธานี เปิดเผยเพิ่มเติมว่า คดีนี้ ทาง พงส.จะเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุโดยละเอียดอีกครั้ง ว่าทางห้างฯ ได้ติดป้ายเตือนไว้หรือไม่ และทางวิชาการ บันไดเลื่อนกับคานที่หนีบศีรษะเด็กนั้น สร้างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ก่อนที่จะรวบรวมพยานหลักฐาน และพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหากับทางห้างฯ หรือไม่อย่างไร.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศที่บริเวณบันไดเลื่อนจุด ที่เกิดเหตุยังคงมีประชาชนมายืนดูจุดเกิดเหตุหลังจากที่เป็นข่าวออกไปและได้วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ ในส่วนของห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต ได้มีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นวิศวกรของทางห้างได้ออกมาตรวจสอบบันไดเลื่อนตัวที่เกิดเหตุ และได้ชี้แจงระบบการทำงานของบันไดดังกล่าวให้กับสื่อมวลชนได้รับทราบโดยมีการสาธิตปิดเปิดบันไดให้ดู และได้เปิดเผยถึงสาเหตุกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันวาน โดยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งได้เปิดเผยว่า ปกติบันไดเลื่อนนั้นขณะที่กำลังทำงานก็จะหมุนเลื่อนไปตามปกติ แต่ถ้าหากมีสิ่งกีดขวางตรงจุดที่เซนเซอร์ติดตั้งอยู่บันไดก็จะหยุดทำงานแต่กรณี เมื่อวานในขณะที่เด็กได้ก้มศรีษะออกไปแล้วไปกระทบกับคานซึ่งอยู่ช่วงบนซึ่งเซนเซอร์จะไม่ทำงาน เนื่องจากจุดที่ติดตั้งนั้นอยู่ที่หลักราวบันไดตรงพื้น และหลังจากเกิดเหตุบังเอิญมีแม่บ้านของห้างอยู่บริเวณนั้นพอดี จึงได้รีบปิดสวิททำให้บันไดเลื่อนหยุดทำงาน และต่อจากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้าง จึงได้รีบเข้าไปช่วยเหลือในทันที่
ทางด้านนางรัตนา อนันทนุพงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดได้เปิดเผยว่า ทางห้างฯและผู้บริหารทุกคนต่างก็มีความห่วงใยเด็กเป็นอย่างมาก และจะรับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งขณะนี้เด็กได้ย้ายไปอยู่ รพ.กรุงเทพ เราได้ส่งเจ้าหน้าที่ของเราไปดูแลอยู่ตลอดเวลา ส่วนด้านการป้องกันดูแลเรื่องของความปลอดภัยนั้นทางห้างนั้น คงต้องเพิ่มมาตรการในการดูแลขึ้นไปอีก คือต่อไปเราจะเพิ่มเจ้าหน้าที่คอยดูแลตามบันไดเลื่อนทุกๆจุด และจะต้องเพิ่มป้ายเตือนในการใช้บันไดเลื่อนให้มากขึ้น และในด้านการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องทราบว่าทางวิศวกรของเทศบาลนครรังสิตจะเข้าไปตรวจสอบในเรื่องนี้ เพราะห้างอยู่ในเขตรับผิดชอบของเทศบาลนครรังสิต ซึ่งคงต้องรอผลของการตรวจสอบว่าการก่อสร้างนั้นได้มาตรฐานตามแบบหรือไม่ และในส่วนทางแม่ของเด็กหญิงนวลแพร ก็ได้เดินทางเข้าไปลงบันทึกไว้ที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์แล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะเรียกทั้งสองฝ่ายเข้ามาให้ปากคำ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนำตัวส่งโรงพยาบาลเด็กได้มีอารการช็อกและหยุดหายใจเป็นเวลา 15 นาที ทำให้ล่าสุดยังไม่รู้สึกตัว โดยคณะแพทย์อยู่ระหว่างติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และยังไม่สามารถให้การรักษาด้วยการผ่าตัดได้