วานนี้ (5ก.ย.) นายอภินันท์ อิศรางกูร ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช. กล่าวว่า ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องการชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง กรณี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในขณะดำรงตำแหน่ง รองปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้ามิชอบ ในเรื่องที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ไปให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณาสั่งลงโทษตามฐานความผิด คือ ปลดออก หรือให้ออก ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงฐานความผิดจากที่ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้วไม่ได้ โดยได้ส่งเรื่องไปยังกระทรวงมหาดไทยกว่า 2 สัปดาห์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ กระทรวงมหาดไทย จะต้องดำเนินการสั่งการภายใน 30 วัน นับจากที่ได้รับหนังสือจาก ป.ป.ช. ซึ่งตามกฎหมายคนที่จะพิจารณาโทษของคนทำหน้าที่ปลัด คือรัฐมนตรี
ส่วนจะมีปัญหาว่า รัฐมนตรี คือผู้กระทำความผิดเอง จะมีปัญหาในเรื่องการชี้มูลความผิดตัวเองหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยต้องไปตีดความในข้อกฎหมาย โดยเชื่อว่า ทุกอย่างมีทางออก เพราะรัฐมนตรีสามารถมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยเป็นผู้ดำเนินการได้ โดยขณะนี้ ถือว่าพ้นอำนาจของ ป.ป.ช.แล้ว ทาง ป.ป.ช.เพียงแต่ติดตามให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายภายใน 30 วันเท่านั้น หากพบว่าเลยกรอบเวลาแล้วยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ก็ต้องพิจารณาว่า มีเจตนาที่จะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
ส่วนกรณีที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 102(6) ระบุ คุณสมบัติต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่ง ส.ส. และรัฐมนตรีไว้ว่า ต้องไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ จะทำให้ นายยงยุทธ ขาดคุณสมบัติความเป็น ส.ส. และรัฐมนตรีทันที ที่มีการพิจารณาโทษตามการชี้มูลของป.ป.ช.หรือไม่นั้น นายอภินันท์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่สภาจะเป็นผู้พิจารณาในเรื่องนี้
สำหรับคดีนี้ ป.ป.ช. มีมติด้วยคะแนนเสียง 6 ต่อ 3 ชี้มูล “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” มีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ให้ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญา และส่งเรื่งให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการสั่งโทษตามบานความผิด ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2555 จนถึงเวลานี้ก็ผ่านมาแล้วกว่าสองเดือน และยังไม่มีความชัดเจนจากกระทรวงมหาดไทย ว่าจะมีคำสั่งโทษการกระทำผิดวินัยร้ายแรงของนายยงยุทธอย่างไร
ส่วนจะมีปัญหาว่า รัฐมนตรี คือผู้กระทำความผิดเอง จะมีปัญหาในเรื่องการชี้มูลความผิดตัวเองหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องที่กระทรวงมหาดไทยต้องไปตีดความในข้อกฎหมาย โดยเชื่อว่า ทุกอย่างมีทางออก เพราะรัฐมนตรีสามารถมอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยเป็นผู้ดำเนินการได้ โดยขณะนี้ ถือว่าพ้นอำนาจของ ป.ป.ช.แล้ว ทาง ป.ป.ช.เพียงแต่ติดตามให้มีการปฏิบัติตามกฎหมายภายใน 30 วันเท่านั้น หากพบว่าเลยกรอบเวลาแล้วยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ก็ต้องพิจารณาว่า มีเจตนาที่จะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
ส่วนกรณีที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 102(6) ระบุ คุณสมบัติต้องห้ามของผู้ดำรงตำแหน่ง ส.ส. และรัฐมนตรีไว้ว่า ต้องไม่เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ จะทำให้ นายยงยุทธ ขาดคุณสมบัติความเป็น ส.ส. และรัฐมนตรีทันที ที่มีการพิจารณาโทษตามการชี้มูลของป.ป.ช.หรือไม่นั้น นายอภินันท์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่สภาจะเป็นผู้พิจารณาในเรื่องนี้
สำหรับคดีนี้ ป.ป.ช. มีมติด้วยคะแนนเสียง 6 ต่อ 3 ชี้มูล “ยงยุทธ วิชัยดิษฐ” มีความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ให้ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญา และส่งเรื่งให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการสั่งโทษตามบานความผิด ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2555 จนถึงเวลานี้ก็ผ่านมาแล้วกว่าสองเดือน และยังไม่มีความชัดเจนจากกระทรวงมหาดไทย ว่าจะมีคำสั่งโทษการกระทำผิดวินัยร้ายแรงของนายยงยุทธอย่างไร
