xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นปลื้มกองทุน-บจ.แห่ร่วมงานไทยแลนด์โฟกัส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ตลาดหลักทรัพย์ฯชี้ นักลงทุนสถาบันต่างประเทศให้ความสนใจร่วมงานไทยแลนด์โฟกัสปีนี้สูง 1 เท่าตัวจากปีก่อน เหตุ ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนสูงอยู่อันดับต้นๆของโลก เศรษฐกิจโต ขณะที่เศรษฐกิจยุโรป สหรัฐฯ อินเดีย จีนทรุด ขณะกองทุนต่างชาติสนใจเข้าฟังข้อมูลจากลุ่มอสังหาริมทรัพย์มากที่สุด
วานนี้ (29ส.ค.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) และธนาคารแห่งสหรัฐอเมริกาเมอริลล์ลินช์ (Bank of America Merrill Lynch) จัดงาน "ไทยแลนด์โฟกัส 2012 ในหัวข้อ “ประเทศไทยกับการเตรียมตัวสู่การเติบโตครั้งใหม่” ระหว่างวันที่ 29-31 สิงหาคม 2555 เพื่อให้ผู้ลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศได้มีโอกาสรับฟังข้อมูลทางเศรษฐกิจ การเงิน และยุทธศาสตร์การบริหารประเทศจากผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า นักลงทุนสถาบันต่างประเทศให้ความสนใจเข้าร่วมงานไทยแลนด์โฟกัสฯครั้งนี้จำนวน 122 ราย ที่มีการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการจัดงานไทยแลนด์ โดยปีก่อนมีนักลงทุนสถาบันเข้าร่วมงานจำนวน 67 ราย และผู้ลงทุนสถาบันในประเทศอีก 109 ราย มารับฟังข้อมูลศักยภาพและความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและบริษัทจดทะเบียนไทย โดยมีบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในความสนใจของผู้ลงทุนร่วมให้ข้อมูล 89 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) จำนวน 7.5 ล้านล้านบาท หรือ คิดเป็นกว่า 70% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด นับเป็นการสานโอกาสให้ผู้ลงทุนต่างประเทศ ได้รับข้อมูลผลการดำเนินงานและทิศทางการดำเนินธุรกิจโดยตรงจากบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการจัดงาน
สำหรับตลาดทุนไทยขณะนี้นั้นได้มีพัฒนาการที่โดดเด่นขึ้น เนื่องจาก ในไตรมาส2/55 นี้ ตลาดหุ้นไทยนั้นมีสภาพคล่องที่สูงสุดในภูมิภาคเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และการได้รับการยกระดับจาก FTSE Group เป็น Advanced Emerging Market ในปีนี้ เป็นการพัฒนาอย่างรวดเร็วมาอยู่ในอันดับต้นของภูมิภาค และ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังวางกลยุทธ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนทุกประเภท ผ่านพัฒนาสินค้าและบริการ การพัฒนาระบบการซื้อขายใหม่ และการเชื่อมโยงการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์อาเซียน (ASEAN Link) ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ได้เชิญตัวแทนจากตลาดหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนจากประเทศในอินโดจีน 3 ประเทศ คือ กัมพูชา ลาว และเวียดนาม รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการเดินหน้าส่งเสริมความร่วมมือและพัฒนาการตลาดทุนอินโดจีนซึ่งเป็นภูมิภาคที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในระยะต่อไป จึงเชื่อว่าจะสร้างความสนใจแก่ผู้ลงทุนสถาบันจากต่างประเทศ
นางเกศรา มัญชุศรี ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การที่นักลงทุนสถาบันต่างประเทศให้ความสนใจเข้าร่วมงานไทยแลนด์โฟกัสครั้งนี้สูงสุดตั้งแต่มีการจัดงานมา เนื่องจาก ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงถึง 20% ซึ่งถือว่าให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีอยู่ในอันดับต้นๆของโลก ขณะที่ยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน และอินเดียนั้นไม่ดี จากเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัว ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับที่สูง 4%
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์ฯกล่าวว่า กลุ่มธุรกิจที่นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจที่จะเข้ารับฟังข้อมูล มากที่สุดอับดับหนึ่ง คือ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ มีจำนวน 16 บริษัท คิดเป็นมูลค่าตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป)ราว 72% ของกลุ่มธุรกิจ รองลงมา คือ กลุ่มพลังงาน จำนวน 14 บริษัท คิดเป็น98%ของทั้งกลุ่มธุรกิจ อันดับสาม คือ กลุ่มพาณิชย์ จำนวน 8 บริษัท คิดเป็น 84% ของทั้งกลุ่มธุรกิจ โดยปีนี้นักลงทุนให้ความสนใจสอบถามถึงพื้นฐานของธุรกิจ การเติบโตของเศรษฐกิจไทย และพัฒนาการเติบโตหลังจากสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งต่างจากปีก่อนที่นักลงทุนเน้นสอบถามเรื่องปัญหาทางการเมือง ดังนั้นจึงชี้ให้เห็นว่า นักลงทุนเริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับการลงทุนโดยเน้นที่ปัจจัยพื้นฐานอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้การจัดงานในช่วงนี้เป็นจังหวะที่ดีเพราะ งบการเงินของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส2/55 ได้มีการประกาศออกมาครบแล้ว ทำให้นักลงทุนสามารถรับทราบข้อมูลและชี้แจงผลประกอบการได้
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ใหญ่ที่สุดของปี โดยมีผู้ลงทุนจาก 8 กลุ่มประเทศ โดยเฉพาะผู้ลงทุนจากยุโรปที่เข้าร่วมงานในปีนี้จำนวนมาก และคาดว่าจะมีการประชุมเกิดขึ้นทั้งหมดกว่า 1,000 ครั้ง ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสม จากที่ปัจจัยทางการเมืองมีเสถียรภาพ รัฐบาลมีการประกาศนโยบายที่ชัดเจน และได้รับข้อมูลโดยตรงจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อใช้ในการตัดสินใจในการลงทุน โดยจะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยหรือไม่ จากที่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนการลงทุนสูงกว่าประเทศอื่น ทำให้ราคาหุ้นจะมีการสูงเกินไปหรือไม่ โดยหากรับฟังข้อมูลแล้วพบว่าปัจจัยพื้นฐานยังรองรับทำให้ราคาหุ้นยังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้
นายอัสสเดช คงศิริ Head of Thailand Investment Banking, Bank of America Merrill Lynch กล่าวว่าผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศให้ความสนใจในการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง โดยงาน Thailand Focus ครั้งนี้นับเป็นเวทีสำคัญที่รัฐบาลและบริษัทชั้นนำของไทยได้แสดงถึงเศรษฐกิจของไทย ที่มีการเติบโตจากหลายภาคอุตสาหกรรม และจากปัจจัยภายในประเทศที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ส่งผลถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน
กำลังโหลดความคิดเห็น