xs
xsm
sm
md
lg

คอนติเนนทอลลั่นติดท็อปทรี ภูมิภาคเอเชีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใหญ่ของโลก “คอนติเนนทอล” หวังผงาดติดท็อปทรีในภูมิภาคอาเซียนและแปซิฟิก กำหนด 7 ยุทธศาสตร์สำคัญ ผลักดันสู่ผู้นำ 1 ใน 3 ภายในระยะเวลาเบื้องต้น 5 ปี พร้อมกับเสนอแนะแนวทางรัฐบาลไทย รับมือเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หรือเออีซี

นายโธมัส แชมเบอร์ส กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอนติเนนทอล ออโตโมทีฟ (ประเทศไทย) จำกัด และหัวหน้ากลุ่มประเทศอาเซียนและแปซิฟิก คอนติเนนทอล เอจี ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ 1 ใน 5 ของโลก เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานช่วงครึ่งแรกของปีนี้ คอนติเนนทอล เอจี หรือจากทั่วโลก มีรายได้รวมกว่า 1.65 หมื่นล้านยูโร ซึ่งมากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่าน ที่ทำได้ประมาณ 1.48 หมื่นล้านยูโร โดยไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจยุโรปแต่อย่างใด

ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้คอนติเนนทอลมีการดำเนินงานที่เติบโต มาจากการลงทุนในตลาดต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงอย่างเอเชีย-แปซิฟิก ไม่ได้มุ่งเฉพาะยุโรปและสหรัฐอเมริกาเหมือนในอดีต และที่สำคัญได้ผลิตชิ้นส่วนที่เติบโตสูงและเป็นที่นิยม อย่างชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์และอุปกรณ์ภายใน รวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี

“เราต้องการมุ่งสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน จึงได้กำหนด 7 ยุทธศาสตร์สำคัญ เพื่อบรรลุเป้าหมายเติบโตมากกว่าภาพรวมอุตสาหกรรมในทุกๆ ปี โดยมีตลาดเอเชีย-แปซิฟิกเป็นฐาน ซึ่งไทยและอาเซียนเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ซึ่งหนึ่งในนั้นจะมุ่งสู่การเป็น 1 ใน 3 ผู้นำส่วนแบ่งตลาดผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยและอาเซียน รวมถึงออสเตรเลียด้วย จากเป้าหมายเบื้องต้นใน 5 ปี หรือปี 2017 หลังจากเพิ่งเข้ามาในไทยเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา” นายแชมเบอร์สกล่าวและว่า

ในส่วนของยุทธศาสตร์อื่นๆ คอนติเนนทอลจะมุ่งสู่ตลาดในภูมิภาคต่างๆอย่างสมดุล ซึ่งเอเชีย-แปซิฟิกที่กำลังเติบโต โดยประเทศไทยและกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน รวมถึงออสเตรเลีย จะมียอดขายที่สำคัญในเอเชีย ซึ่งไทยถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะเป็นฐานผลิตของ 9 บริษัทรถรายใหญ่ระดับโลก ที่คอนติเนนทอลต้องการกระจายการขายไปให้กับหลายยี่ห้อ จะเห็นว่าปัจจุบันนอกจากฟอร์ดและมาสด้าแล้ว ยังส่งชิ้นส่วนให้กับฮอนด้า มิตซูบิชิ และเชฟโรเลต รวมถึงอีกหลายยี่ห้อ โดยเฉพาะโมเดลใหม่ๆ ที่เปิดตัวสู่ตลาดภายในปี 2014

นายแชมเบอร์สเปิดเผยว่า นอกจากนี้จะนำเสนอเทคโนโลยีทันสมัย ไม่เพียงในรถราคาแพง แต่ยังรวมถึงรถราคาประหยัด พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต อย่างปีนี้ได้ลงทุนกว่า 400 ล้านบาท เพื่อรองรับการเพิ่มมูลค่าให้กับชิ้นส่วน ด้วยการเพิ่มชิ้นส่วนภายในประเทศ จากปัจจุบันมีอยู่ 47% จะเพิ่มเป็น 60% ภายในปี 2014 และส่งผลให้มีการเพิ่มบุคลากรที่โรงงานอีกกว่า 100 คน ขณะที่สำนักงานในกรุงเทพฯ อีกกว่า 30% รวมถึงดึงดูดบุคลากรมาร่วมทีม ตามยุทธศาสตร์ทีมงานที่ดีที่สุด เพื่อเติบโตไปกับคอนติเนนทอล ที่มียุทธศาสตร์เติบโตมากกว่าตลาดและมีกำไรที่สูงกว่าอัตราเฉลี่ย

“จากยุทศาสตร์ดังกล่าว ในปีนี้คอนติเนนทอลตั้งเป้าผลประกอบการทั่วโลก มากกว่า 3.2 หมื่นล้านยูโร หรือเติบโต 7% และจะผลักดันให้เติบโตมากกว่าภาพรวมตลาดในทุกๆ ปี โดยเฉพาะการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน หรือเออีซี(AEC) ตรงนี้จะมีผลต่อยอดขายอย่างสำคัญ ซึ่งปัจจุบันคอนติเนนทอลมีโรงงานในไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์”

สำหรับการเตรียมพร้อมรับเออีซี คอนติเนนทอลมองว่าประเทศไทย ควรมีข้อกำหนดสำหรับยานยนต์ เช่นเดียวกับตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย หรือการมีรถราคาประหยัด และระบบภาษีสรรพสามิตรถยนต์ของไทยต้องเป็นกลาง ไม่อิงเรื่องของระบบเชื้อเพลิงอย่างหนึ่งอย่างใด แต่ควรยึดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) เป็นเกณฑ์มาตรฐาน และรัฐบาลควรส่งเสริมอุตสาหกรรมชิ่นส่วนรถยนต์เทคโนโลยีสูง ด้วยการให้สิทธิประโยชน์พิเศษ และต้องเตรียมเรื่องฝีมือแรงงานซึ่งจะช่วยดึงผู้ผลิตชิ้นส่วนต่างประเทศมาลงทุนในไทย

ส่วนความน่าสนใจลงทุนในอินโดนีเซีย คอนติเนนทอลมองว่ามีจุดเด่นเรื่องของจำนวนประชากร แต่ในเรื่องของแหล่งป้อนชิ้นส่วนโออีเอ็ม(OEM) หรือเข้าสู่โรงงานประกอบรถยนต์ ไทยยังมีความได้เปรียบจากการเป็นฐานผลิตของ 9 บริษัทรถรายใหญ่ เช่นเดียวกับเรื่องของระบบซัพพลาย หรือระยะทางไม่ได้เสียเปรียบประเทศอื่นๆ และการสนับสนุนจากรัฐบาล ประเทศไทยถือว่าคอนข้างดีมากอยู่แล้ว ตรงนี้คงพอแสดงทิศทางของคอนติเนนทอลในภูมิภาคนี้ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น