เกิดเหตุกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุยิงกันภายในซอยรัชดาภิเษก 3 หลังผับเลิก โดยกลุ่มผู้เสียหาย 4 คนได้พากันเดินข้ามฝั่งเพื่อมามานั่งกินข้าวมันไก่ต่อ แต่กลับถูกคนร้ายขี่ จยย.ตามประกบแล้วชักอาวุธยิงเข้าใส่ 2 นัด ถูกหน้าผากนายวุฒิชัยจนเสียชีวิตก่อนขับรถหลบหนีไป
วานนี้ (5 ส.ค.) ร.ต.อ.พงศธร วงศ์ธรรมนันท์ พงส.สน.ห้วยขวาง รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้บาดเจ็บในซอยรัชดาภิเษก3 หรือซอยสถานเอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง จึงไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.พจน์ บุญมาภาคย์ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.บก.น.1 พ.ต.ท.จารุภัชร ทองโกมล รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง ฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
เข้าไปในซอย 100 เมตร บนถนนใกล้กำแพงสถานทูตฯ พบกองเลือดจำนวนมาก ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.พระรามเก้าไปก่อนแล้วและเสียชีวิตขณะนำส่ง รพ. ทราบชื่อนายวุฒิชัย หรือเอก แคโอชา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 156 ซอยสุขุมวิท 36 หรือซอยพร้อมพงษ์ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา ถูกยิงที่หน้าผากซ้าย 1 นัด กระสุนฝังใน สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเหลือง กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบ
สอบสวนนายยุทธพร บรรจงชีพ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 206 ซอยสุขุมวิท36 ให้การว่า ผู้ตายเป็นรุ่นพี่แถวบ้านที่รู้จักกันมานานแล้วและไม่ได้ทำงานเป็นหลักแหล่ง ก่อนเกิดเหตุตน ผู้ตายและเพื่อนๆ ราว 20 คนมากินเลี้ยงวันเกิดรุ่นพี่ชื่อต้น ที่ร้านเพียวบาร์ ซอยรัชดาภิเษก4 พอผับเลิกในเวลา 02.00 น.ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน โดยตนพร้อมผู้ตายและเพื่อนอีก 4 คนพากันเดินข้ามถนนเข้าซอยรัชดาภิเษก 3 ฝั่งตรงข้ามเพื่อไปกินข้าวมันไก่ในซอยตามปกติเหมือนทุกครั้งที่มาเที่ยวย่านนี้ พอเดินเข้าไปในซอยได้เพียง 100 เมตร คนร้ายขี่จักรยานยนต์แบบผู้หญิงมา 2 คัน นั่งช้อนกันมาคันละ 2 คนเป็นผู้ชายทั้งหมดและไม่สวมหมวกกันน็อก จำรถได้ 1 คันคล้ายรถฮอนด้าคลิก ส่วนสีและทะเบียนจำไม่ได้ พอคนร้ายขี่รถผ่านกลุ่มตนไปได้ 2 เมตร หนึ่งในคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายสวมเสื้อสีขาว ทรงผมคล้ายสกินเฮด ชักปืนออกมายิงใส่กลุ่มตน 2 นัด กระสุนถูกหน้าผากนายวุฒิชัยล้มลงจมกองเลือด แล้วคนร้ายรีบขี่รถหนีเข้าไปในซอยทันที พวกตนจึงรีบพานายวุฒิชัยขึ้นรถแท็กซี่ส่ง รพ.พระรามเก้า แต่นายวุฒิชัยเสียเลือดมากทำให้เสียชีวิตระหว่างทาง จึงรีบแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ ยืนยันว่าพวกตนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร ขณะเข้าไปเที่ยวก็ไม่ได้มีเรื่องกับใครด้วย จึงไม่รู้สาเหตุว่าทำไมคนร้ายต้องยิงใส่
พ.ต.ท.จารุภัชร กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายเป็นชายทั้งหมด 4 ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะก่อเหตุยิงใส่กลุ่มผู้ตาย ก่อนหลบหนีเข้าซอยซึ่งมีทางลัดออกได้หลายเส้นทาง ส่วนอาวุธปืนยังไม่ทราบขนาด จะนำศพส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อผ่าเอาหัวกระสุนที่หน้าผากออกมาตรวจสอบว่าเป็นกระสุนขนาดใด เพราะที่เกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุนและหัวกระสุน แต่ลักษณะบาดแผลที่หน้าผากผู้ตายเป็นรูเล็กคล้ายอาวุธปืนขนาด .22 มม. ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบเพราะจากการสอบปากคำเพื่อนผู้ตายต่างระบุว่าไม่ได้มีเรื่องทะเลาะกับใคร อาจเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจเป็นพวกวัยรุ่นที่เกิดความคึกคะนองขี่รถผ่านแล้วก่อเหตุขึ้น จะสอบปากคำเพื่อนผู้ตายอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบหาพยานหลักฐานเพิ่ม พร้อมทำเรื่องขอภาพวงจรปิดจากสถานเอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งหากล้องวงจรปิดภายในซอยที่คนร้ายหลบหนีเพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.จารุภัชร ทองโกมล รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยความคืบหน้าว่า เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำพยานไปแล้วจำนวน 5 ปาก โดยทั้งหมดให้การว่าได้เดินทางมาเที่ยวที่ร้านเพียวบาร์ ซอยรัชดาภิเษก 4 จนถึงเวลาร้านเลิก เพื่อนบางส่วนได้แยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ผู้ตายพร้อมเพื่อนอีก 5 คน ได้เดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามเพื่อไปกินข้าวมันไก่ ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น มีรถจักรยานยนต์ขับขี่ผ่านมา ก่อนยิงเข้าใส่กลุ่มของผู้ตาย ซึ่งตำรวจกำลังประสานขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากทางสถานทูตจีน นอกจากนี้พบว่าผู้ตายเคยทำงานเป็นพนักงานเสริฟอยู่ที่ร้านอาหารย่านนวมินทร์ แต่ไม่มีประวัติพัวพันกับยาเสพติดแต่อย่างใด เบื้องต้นตั้งประเด็นการเสียชีวิตไว้ 2 เรื่อง ในส่วนของวัยรุ่นที่เกิดความคึกคะนองหรืออาจจะสังหารผิดตัว
ด้านพ.ต.ท.รณกร วงศ์ภู่มณี สว.สส.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า ได้โทรศัพท์ติดต่อแฟนสาวของผู้ตายทราบว่า อยู่ระหว่างเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวที่ต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดยาว คาดว่าจะเดินทางกลับมาให้ปากคำได้ในวันพรุ่งนี้ (6 ส.ค.) เบื้องต้นแฟนสาวให้การว่าผู้ตายไม่ได้ทำงานประจำมา 3-4 ปีแล้ว โดยตนเองมีอาชีพเป็นสาวเชียร์เบียร์อยู่ย่านลาดพร้าว และได้เช่าห้องพักอาศัยอยู่ด้วยกันกับผู้ตายที่ซอยลาดพร้าว 112 สำหรับภาพกล้องวงจรปิดนั้นเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปทางสถานทูตจีนแล้ว แต่เนื่องจากยังเป็นวันหยุดราชการไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่จึงคาดว่าน่าจะได้ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดอาจเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ เนื่งอจากสอบปากคำเพื่อนผู้ตายทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสที่เป็นประเด็นการสังหาร.
วานนี้ (5 ส.ค.) ร.ต.อ.พงศธร วงศ์ธรรมนันท์ พงส.สน.ห้วยขวาง รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้บาดเจ็บในซอยรัชดาภิเษก3 หรือซอยสถานเอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง จึงไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.พจน์ บุญมาภาคย์ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.คณิศร์ชัย มหินทรเทพ ผกก.สส.บก.น.1 พ.ต.ท.จารุภัชร ทองโกมล รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง ฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวาง เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
เข้าไปในซอย 100 เมตร บนถนนใกล้กำแพงสถานทูตฯ พบกองเลือดจำนวนมาก ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.พระรามเก้าไปก่อนแล้วและเสียชีวิตขณะนำส่ง รพ. ทราบชื่อนายวุฒิชัย หรือเอก แคโอชา อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 156 ซอยสุขุมวิท 36 หรือซอยพร้อมพงษ์ แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา ถูกยิงที่หน้าผากซ้าย 1 นัด กระสุนฝังใน สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเหลือง กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบ
สอบสวนนายยุทธพร บรรจงชีพ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 206 ซอยสุขุมวิท36 ให้การว่า ผู้ตายเป็นรุ่นพี่แถวบ้านที่รู้จักกันมานานแล้วและไม่ได้ทำงานเป็นหลักแหล่ง ก่อนเกิดเหตุตน ผู้ตายและเพื่อนๆ ราว 20 คนมากินเลี้ยงวันเกิดรุ่นพี่ชื่อต้น ที่ร้านเพียวบาร์ ซอยรัชดาภิเษก4 พอผับเลิกในเวลา 02.00 น.ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน โดยตนพร้อมผู้ตายและเพื่อนอีก 4 คนพากันเดินข้ามถนนเข้าซอยรัชดาภิเษก 3 ฝั่งตรงข้ามเพื่อไปกินข้าวมันไก่ในซอยตามปกติเหมือนทุกครั้งที่มาเที่ยวย่านนี้ พอเดินเข้าไปในซอยได้เพียง 100 เมตร คนร้ายขี่จักรยานยนต์แบบผู้หญิงมา 2 คัน นั่งช้อนกันมาคันละ 2 คนเป็นผู้ชายทั้งหมดและไม่สวมหมวกกันน็อก จำรถได้ 1 คันคล้ายรถฮอนด้าคลิก ส่วนสีและทะเบียนจำไม่ได้ พอคนร้ายขี่รถผ่านกลุ่มตนไปได้ 2 เมตร หนึ่งในคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายสวมเสื้อสีขาว ทรงผมคล้ายสกินเฮด ชักปืนออกมายิงใส่กลุ่มตน 2 นัด กระสุนถูกหน้าผากนายวุฒิชัยล้มลงจมกองเลือด แล้วคนร้ายรีบขี่รถหนีเข้าไปในซอยทันที พวกตนจึงรีบพานายวุฒิชัยขึ้นรถแท็กซี่ส่ง รพ.พระรามเก้า แต่นายวุฒิชัยเสียเลือดมากทำให้เสียชีวิตระหว่างทาง จึงรีบแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ ยืนยันว่าพวกตนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร ขณะเข้าไปเที่ยวก็ไม่ได้มีเรื่องกับใครด้วย จึงไม่รู้สาเหตุว่าทำไมคนร้ายต้องยิงใส่
พ.ต.ท.จารุภัชร กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าคนร้ายเป็นชายทั้งหมด 4 ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะก่อเหตุยิงใส่กลุ่มผู้ตาย ก่อนหลบหนีเข้าซอยซึ่งมีทางลัดออกได้หลายเส้นทาง ส่วนอาวุธปืนยังไม่ทราบขนาด จะนำศพส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อผ่าเอาหัวกระสุนที่หน้าผากออกมาตรวจสอบว่าเป็นกระสุนขนาดใด เพราะที่เกิดเหตุไม่พบปลอกกระสุนและหัวกระสุน แต่ลักษณะบาดแผลที่หน้าผากผู้ตายเป็นรูเล็กคล้ายอาวุธปืนขนาด .22 มม. ส่วนสาเหตุยังไม่ทราบเพราะจากการสอบปากคำเพื่อนผู้ตายต่างระบุว่าไม่ได้มีเรื่องทะเลาะกับใคร อาจเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจเป็นพวกวัยรุ่นที่เกิดความคึกคะนองขี่รถผ่านแล้วก่อเหตุขึ้น จะสอบปากคำเพื่อนผู้ตายอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมทั้งให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบหาพยานหลักฐานเพิ่ม พร้อมทำเรื่องขอภาพวงจรปิดจากสถานเอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมทั้งหากล้องวงจรปิดภายในซอยที่คนร้ายหลบหนีเพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.จารุภัชร ทองโกมล รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยความคืบหน้าว่า เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำพยานไปแล้วจำนวน 5 ปาก โดยทั้งหมดให้การว่าได้เดินทางมาเที่ยวที่ร้านเพียวบาร์ ซอยรัชดาภิเษก 4 จนถึงเวลาร้านเลิก เพื่อนบางส่วนได้แยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ผู้ตายพร้อมเพื่อนอีก 5 คน ได้เดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามเพื่อไปกินข้าวมันไก่ ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น มีรถจักรยานยนต์ขับขี่ผ่านมา ก่อนยิงเข้าใส่กลุ่มของผู้ตาย ซึ่งตำรวจกำลังประสานขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดจากทางสถานทูตจีน นอกจากนี้พบว่าผู้ตายเคยทำงานเป็นพนักงานเสริฟอยู่ที่ร้านอาหารย่านนวมินทร์ แต่ไม่มีประวัติพัวพันกับยาเสพติดแต่อย่างใด เบื้องต้นตั้งประเด็นการเสียชีวิตไว้ 2 เรื่อง ในส่วนของวัยรุ่นที่เกิดความคึกคะนองหรืออาจจะสังหารผิดตัว
ด้านพ.ต.ท.รณกร วงศ์ภู่มณี สว.สส.สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า ได้โทรศัพท์ติดต่อแฟนสาวของผู้ตายทราบว่า อยู่ระหว่างเดินทางไปเยี่ยมครอบครัวที่ต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดยาว คาดว่าจะเดินทางกลับมาให้ปากคำได้ในวันพรุ่งนี้ (6 ส.ค.) เบื้องต้นแฟนสาวให้การว่าผู้ตายไม่ได้ทำงานประจำมา 3-4 ปีแล้ว โดยตนเองมีอาชีพเป็นสาวเชียร์เบียร์อยู่ย่านลาดพร้าว และได้เช่าห้องพักอาศัยอยู่ด้วยกันกับผู้ตายที่ซอยลาดพร้าว 112 สำหรับภาพกล้องวงจรปิดนั้นเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปทางสถานทูตจีนแล้ว แต่เนื่องจากยังเป็นวันหยุดราชการไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่จึงคาดว่าน่าจะได้ในวันพรุ่งนี้ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดอาจเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ เนื่งอจากสอบปากคำเพื่อนผู้ตายทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสที่เป็นประเด็นการสังหาร.
