ASTV ผู้จัดการรายวัน ผบช.น.สั่งเด้งฟ้าผ่า ผกก.ห้วยขวางหลังเกิดคดีสังหารหนุ่มคาวีโก้ ส่วนความคืบหน้านั้นตำรวจตั้ง 3 ประเด็นนำสืบล่ามืดปืนสังหารโหด เผยปมชนวนเลือดโยงหักยาเสพติด ตร.แกะรอยกล้องวงจรปิด ชี้มือปืนชำนาญการ ใช้ปืนมีระดับราคาแพง ขับหลบหนีขึ้นสะพานข้ามแยกลาดพร้าว ก่อนมุ่งหน้าหน้าหลบหนีไปทางสะพานพระราม 7 นนทบุรี
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิศิฏฐ์ พิสุทธศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และชุดสืบสวน ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ประกบยิงนายวิรัตน์ ดิลกศรี เสียชีวิตคารถกระบะ ย่านรัชดาภิเษก เมื่อช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยมุ่งเรื่องปมขัดแย้งทะเลาะวิวาทกันในสถานบันเทิง ซึ่งตำรวจได้นำภาพของนายจ้อน ลาดพร้าว ที่โดนตบหน้าในวันที่เกิดเหตุมาตรวจสอบแล้ว
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ได้ตั้งประเด็นการสังหารไว้ 2 ประเด็น คือ ปมขัดแย้งเรื่องยาเสพติด และเหตุทะเลาะวิวาท นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เข้ามาช่วยราชการในกองบัญชาการตำรวจนครบาล 30 วัน โทษฐานปล่อยปละละเลยให้มีการเปิดสถานบันเทิงเกินเวลา จนทำให้เกิดเหตุดังกล่าวอีกด้วย
สืบเนื่องจากกรณีคนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ สีดำ สวมแจ็กเกตแขนยาวสีดำ หมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาเพียงลำพัง แล้วขับประกบทางด้านซ้ายของรถกระบะโตโยต้า วีโก้ พรีแลนด์เนอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 534 กทม. และใช้อาวุธปืนขนาด 10 มม.ยิงเข้าใส่จำนวนหลายนัด ทำให้นายวิรัส ดิลกศรี อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62/330 ม.8 ต.บึงบอน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ซึ่งนั่งโดยสารเสียชีวิตทันที ส่วนผู้บาดเจ็บ 1 ราย เป็นคนขับ คือ นายวิสันต์ สุริวงศ์ อายุ 37 ปี ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวส่ง รพ.เปาโลเมโมเรียล เหตุเกิดบริเวณเชิงทางขึ้นสะพานข้ามแยกรัชดาตัดถนนลาดพร้าว ขาออกมุ่งหน้าลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร ก่อนหลบหนีไป เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา และจากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน เพราะมีท่าทางในการยิงอย่างเชี่ยวชาญเหมือนกับฝึกมาอย่างดี
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์เปิดเผยความคืบหน้าว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งประเด็นไปไว้หลายประเด็น ทั้งเรื่องยาเสพติด เพราะมีความเกี่ยวข้องกับหลายคน ทั้งตัวผู้ตายและคู่กรณีด้วย เรื่องที่ 2 การขัดแย้งกันที่ผับ ในวันเกิดเหตุ และเรื่องที่ 3 การทะเลาะวิวาทในวันอื่นๆ ซึ่งผู้ตายมีเรื่องทะเลาะกับคนหลายๆกลุ่ม ส่วนประเด็นที่มุ่งเป้าไปเป็นเรื่องยาเสพติดนั้น เพราะในวันเกิดเหตุผู้ตายได้ขอซื้อยาไอซ์เพื่อมาเสพ แต่ว่าบุคคลที่มาพูดคุยกับผู้ตายไม่ได้ให้ของจึงเกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น ซึ่งเป็นคำให้การของญาติผู้ตายเอง ทั้งนี้ คนตายยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอื่นๆ อีกด้วย
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์กล่าวว่า ส่วนรูปพรรณคนร้ายนั้น พบว่า รูปร่างสูงใหญ่ มีผมยาว และมัดผมออกมานอกหมวกกันน็อก ไม่สามารถจะสเก็ตซ์ภาพคนร้ายได้ แต่ทางการสอบสวนสามารถทำได้ ซึ่งรูปพรรณสัณฐานคนร้ายไม่ตรงกับคนที่มีเรื่องกับผู้ตายในห้องน้ำในสถานบันเทิง
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนรถบิ๊กไบค์ที่ก่อเหตุนั้นเป็นรถที่มีกันเฉพาะกลุ่มก็กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ โดยพยานที่เห็นเหตุการณ์บอกว่ารถคันก่อเหตุไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้วย แต่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ว่าขณะเกิดเหตุคนร้ายได้ขับรถขึ้นไปทางสะพานลอยข้ามแยกลาดพร้าวและกำลังมุ่งหน้าไปทางสะพานพระราม 7 จ.นนทบุรี
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์กล่าวว่า สำหรับปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นปืนแมกกาซีนแบบออโตเมติก ขนาด .40 หรือ 10 มม. เป็นปืนที่มีราคาสูง ซึ่งคนร้ายอาจจะมีฐานะด้วย โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อรวบรวมหลักฐานทั้งหมด
พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมด้วย พล.ต.ต.พิศิฏฐ์ พิสุทธศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และชุดสืบสวน ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ประกบยิงนายวิรัตน์ ดิลกศรี เสียชีวิตคารถกระบะ ย่านรัชดาภิเษก เมื่อช่วงเช้าของวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยมุ่งเรื่องปมขัดแย้งทะเลาะวิวาทกันในสถานบันเทิง ซึ่งตำรวจได้นำภาพของนายจ้อน ลาดพร้าว ที่โดนตบหน้าในวันที่เกิดเหตุมาตรวจสอบแล้ว
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ได้ตั้งประเด็นการสังหารไว้ 2 ประเด็น คือ ปมขัดแย้งเรื่องยาเสพติด และเหตุทะเลาะวิวาท นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง เข้ามาช่วยราชการในกองบัญชาการตำรวจนครบาล 30 วัน โทษฐานปล่อยปละละเลยให้มีการเปิดสถานบันเทิงเกินเวลา จนทำให้เกิดเหตุดังกล่าวอีกด้วย
สืบเนื่องจากกรณีคนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ สีดำ สวมแจ็กเกตแขนยาวสีดำ หมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาเพียงลำพัง แล้วขับประกบทางด้านซ้ายของรถกระบะโตโยต้า วีโก้ พรีแลนด์เนอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 534 กทม. และใช้อาวุธปืนขนาด 10 มม.ยิงเข้าใส่จำนวนหลายนัด ทำให้นายวิรัส ดิลกศรี อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62/330 ม.8 ต.บึงบอน อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ซึ่งนั่งโดยสารเสียชีวิตทันที ส่วนผู้บาดเจ็บ 1 ราย เป็นคนขับ คือ นายวิสันต์ สุริวงศ์ อายุ 37 ปี ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวส่ง รพ.เปาโลเมโมเรียล เหตุเกิดบริเวณเชิงทางขึ้นสะพานข้ามแยกรัชดาตัดถนนลาดพร้าว ขาออกมุ่งหน้าลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร ก่อนหลบหนีไป เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา และจากการตรวจสอบพบว่า คนร้ายมีความชำนาญในการใช้อาวุธปืน เพราะมีท่าทางในการยิงอย่างเชี่ยวชาญเหมือนกับฝึกมาอย่างดี
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์เปิดเผยความคืบหน้าว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งประเด็นไปไว้หลายประเด็น ทั้งเรื่องยาเสพติด เพราะมีความเกี่ยวข้องกับหลายคน ทั้งตัวผู้ตายและคู่กรณีด้วย เรื่องที่ 2 การขัดแย้งกันที่ผับ ในวันเกิดเหตุ และเรื่องที่ 3 การทะเลาะวิวาทในวันอื่นๆ ซึ่งผู้ตายมีเรื่องทะเลาะกับคนหลายๆกลุ่ม ส่วนประเด็นที่มุ่งเป้าไปเป็นเรื่องยาเสพติดนั้น เพราะในวันเกิดเหตุผู้ตายได้ขอซื้อยาไอซ์เพื่อมาเสพ แต่ว่าบุคคลที่มาพูดคุยกับผู้ตายไม่ได้ให้ของจึงเกิดการทะเลาะวิวาทกันขึ้น ซึ่งเป็นคำให้การของญาติผู้ตายเอง ทั้งนี้ คนตายยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอื่นๆ อีกด้วย
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์กล่าวว่า ส่วนรูปพรรณคนร้ายนั้น พบว่า รูปร่างสูงใหญ่ มีผมยาว และมัดผมออกมานอกหมวกกันน็อก ไม่สามารถจะสเก็ตซ์ภาพคนร้ายได้ แต่ทางการสอบสวนสามารถทำได้ ซึ่งรูปพรรณสัณฐานคนร้ายไม่ตรงกับคนที่มีเรื่องกับผู้ตายในห้องน้ำในสถานบันเทิง
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ กล่าวอีกว่า ส่วนรถบิ๊กไบค์ที่ก่อเหตุนั้นเป็นรถที่มีกันเฉพาะกลุ่มก็กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ โดยพยานที่เห็นเหตุการณ์บอกว่ารถคันก่อเหตุไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนด้วย แต่กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้ว่าขณะเกิดเหตุคนร้ายได้ขับรถขึ้นไปทางสะพานลอยข้ามแยกลาดพร้าวและกำลังมุ่งหน้าไปทางสะพานพระราม 7 จ.นนทบุรี
พล.ต.ต.พิสิฏฐ์กล่าวว่า สำหรับปืนที่ใช้ก่อเหตุนั้นเป็นปืนแมกกาซีนแบบออโตเมติก ขนาด .40 หรือ 10 มม. เป็นปืนที่มีราคาสูง ซึ่งคนร้ายอาจจะมีฐานะด้วย โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพื่อรวบรวมหลักฐานทั้งหมด