ASTVผู้จัดการรายวัน – “อรรถกฤษณ์” ยัน 6 เดือนแก้ปัญหาขายสลากเกินราคา หากไม่ได้ผลเตรียมงัดยาแรงขายออนไลน์แก้ปัญหาเด็ดขาด เตรียมแตกรางวัลที่ 1 เพิ่มขึ้นเป็น 10 รางวัล หวังดัดหลังเจ้ามือและกระจายรางวัลให้ผู้ซื้อมากขึ้น
พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผู้อำนวยการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเปิดเผยว่า ได้เดินทางมาพบปะตัวแทนจำหน่ายในส่วนภูมิภาคในเขตภาคกลางและตะวันออกรวม 9 จังหวัด ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามโครงการสำรวจตัวแทนจำหน่ายสลากในส่วนภูมิภาค โดยมีตัวแทนจำหน่ายเข้าร่วมรับฟังประมาณ 500 คน โดยได้มอบนโยบายว่า มีความกังวลและห่วงใยตัวแทนจำหน่าย ถึงกรณีการระบาดของสลากปลอม เพื่อนำมาหลอกขอขึ้นเงินรางวัลเลขท้ายจากตัวแทนจำหน่าย ซึ่งกระบวนการดังกล่าวถูกพบและจับกุมแล้วกว่า 100 ฉบับ
“อยากเตือนและให้ข้อมูลตัวแทนว่า สำนักงานสลาก อยู่ระหว่างการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรูปแบบสลาก เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและจะนำไปสู่การพัฒนารูปแบบสลาก เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน(เออีซี)ด้วย โดยจะมีการเพิ่มภาษาอังกฤษลงไปในสาระสำคัญของสลาก รวมถึงปรับใส่รูปแบบการต่อต้านการปลอมแปลงเพิ่มเติมด้วย รวมถึงทำสลากให้สวยงาม เพื่อจะสามารถเก็บเป็นของสะสมได้ เช่น ตามเทศกาลต่างๆ อย่างรูปเทียนพรรษา หรือเทศกาลสงกรานต์” พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์กล่าว
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคาว่า จะมีการพัฒนารูปแบบการออกรางวัลให้มีความเหมาะสม โดยการจะกระจายรางวัลที่ 1 ออกเป็นหลายเลข และลดวงเงินรางวัลแจ็กพ๊อตลง เพื่อมากระจายเพิ่มตามจำนวนชุดของรางวัลที่ 1 ที่เพิ่มขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดการรวมชุด เพื่อหวังรางวัลใหญ่ ซึ่งถือเป็นต้นตุนของสลากเกินราคา ซึ่งสำนักงานสลากยังสามารถดำเนินการได้ทันที เพียงเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการสลาก
นอกจากนี้ยังจะมีการเปิดให้ตัวแทนจำหน่ายสั่งจองสลากล่วงหน้าได้ ตามความต้องการในแต่ละงวด เพื่อไม่ให้เกิดความต้องการที่มากและไปดันราคาสลากขึ้น แต่จะเปิดให้เฉพาะในลักษณะฤดูกาล เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ ซึ่งคนนิยมเสี่ยงโชคมาก ทำให้มีความต้องการซื้อสลากจำนวนมาก จึงก็อาจจะเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า ผ่านตัวแทน เพื่อจะได้รู้ปริมาณความต้องการที่แท้จริงและบริหารจัดการกับจำนวนที่เพิ่มขึ้นเอง โดยจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโควตาเดิม เพราะเป็นการพิมพ์เพิ่มเติมจาก สลากปัจจุบันในแต่ละงวด 72 ล้านฉบับเดิม
“แนวทางที่ 1 และ 2 ที่จะดำเนินการนั้นจะไม่กระทบต่อตัวแทนจำหน่ายที่เป็นผู้ค้าสลาก กระทบเพียงพฤติกรรมผู้บริโภคเท่านั้น โดยจะขอเวลาประเมินผลประมาณ 3-6 เดือน หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ก็จะใช้มาตรการที่รุนแรงขึ้นและกระทบกับผู้ค้าโดยตรง คือ การขายสลากผ่านระบบอัตโนมัติ หรือ หวยออนไลน์ ซึ่งขณะนี้ได้ทำรายละเอียดและหลักการเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการแล้ว”
รายงานข่าวระบุว่า แนวทางในการกระจายรางวัลจะทำ โดยคงอัตราเงินรางวัลที่ 1 ของสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้ง 50 ล้านฉบับไว้ที่ฉบับละ 2 ล้านบาทเท่าเดิม แต่จะกระจายรางวัลแจ๊กพ๊อตที่ปกติจะมี 1 ใบ ที่จะได้เงินรางวัลถึง 30 ล้านบาท ด้วยการเปลี่ยนเป็นรางวัลละ 5 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สลากกินแบ่งรัฐบาลทุกๆ 10 ล้านฉบับ จะมีรางวัลแจ็ตพอต 1 ใบ ได้รางวัลใบละ 5 ล้านบาท
“วิธีการดังกล่าวจะทำให้คนมีโอกาสถูกรางวัลที่ 1 และรางวัลแจ็คพ๊อตมากขึ้น แต่จำนวนเงินก็ลดลง แต่ไม่ได้มาก และยังช่วยแก้ปัญหารวมชุด โดยไม่กระทบผู้บริโภคมากนัก รวมถึงยังเป็นแนวทางที่จะดัดหลังเจ้ามือหวยใต้ดินได้ด้วย เพราะเลขรางวัลที่ 1 จะมีทั้งหมด 10 เลขด้วย จึงขึ้นกับเจ้ามือว่าจะอ้างอิงจากเลขใดบ้าง”.
พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร ผู้อำนวยการ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเปิดเผยว่า ได้เดินทางมาพบปะตัวแทนจำหน่ายในส่วนภูมิภาคในเขตภาคกลางและตะวันออกรวม 9 จังหวัด ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามโครงการสำรวจตัวแทนจำหน่ายสลากในส่วนภูมิภาค โดยมีตัวแทนจำหน่ายเข้าร่วมรับฟังประมาณ 500 คน โดยได้มอบนโยบายว่า มีความกังวลและห่วงใยตัวแทนจำหน่าย ถึงกรณีการระบาดของสลากปลอม เพื่อนำมาหลอกขอขึ้นเงินรางวัลเลขท้ายจากตัวแทนจำหน่าย ซึ่งกระบวนการดังกล่าวถูกพบและจับกุมแล้วกว่า 100 ฉบับ
“อยากเตือนและให้ข้อมูลตัวแทนว่า สำนักงานสลาก อยู่ระหว่างการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรูปแบบสลาก เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและจะนำไปสู่การพัฒนารูปแบบสลาก เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน(เออีซี)ด้วย โดยจะมีการเพิ่มภาษาอังกฤษลงไปในสาระสำคัญของสลาก รวมถึงปรับใส่รูปแบบการต่อต้านการปลอมแปลงเพิ่มเติมด้วย รวมถึงทำสลากให้สวยงาม เพื่อจะสามารถเก็บเป็นของสะสมได้ เช่น ตามเทศกาลต่างๆ อย่างรูปเทียนพรรษา หรือเทศกาลสงกรานต์” พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์กล่าว
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคาว่า จะมีการพัฒนารูปแบบการออกรางวัลให้มีความเหมาะสม โดยการจะกระจายรางวัลที่ 1 ออกเป็นหลายเลข และลดวงเงินรางวัลแจ็กพ๊อตลง เพื่อมากระจายเพิ่มตามจำนวนชุดของรางวัลที่ 1 ที่เพิ่มขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดการรวมชุด เพื่อหวังรางวัลใหญ่ ซึ่งถือเป็นต้นตุนของสลากเกินราคา ซึ่งสำนักงานสลากยังสามารถดำเนินการได้ทันที เพียงเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการสลาก
นอกจากนี้ยังจะมีการเปิดให้ตัวแทนจำหน่ายสั่งจองสลากล่วงหน้าได้ ตามความต้องการในแต่ละงวด เพื่อไม่ให้เกิดความต้องการที่มากและไปดันราคาสลากขึ้น แต่จะเปิดให้เฉพาะในลักษณะฤดูกาล เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ ซึ่งคนนิยมเสี่ยงโชคมาก ทำให้มีความต้องการซื้อสลากจำนวนมาก จึงก็อาจจะเปิดให้สั่งจองล่วงหน้า ผ่านตัวแทน เพื่อจะได้รู้ปริมาณความต้องการที่แท้จริงและบริหารจัดการกับจำนวนที่เพิ่มขึ้นเอง โดยจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับโควตาเดิม เพราะเป็นการพิมพ์เพิ่มเติมจาก สลากปัจจุบันในแต่ละงวด 72 ล้านฉบับเดิม
“แนวทางที่ 1 และ 2 ที่จะดำเนินการนั้นจะไม่กระทบต่อตัวแทนจำหน่ายที่เป็นผู้ค้าสลาก กระทบเพียงพฤติกรรมผู้บริโภคเท่านั้น โดยจะขอเวลาประเมินผลประมาณ 3-6 เดือน หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ก็จะใช้มาตรการที่รุนแรงขึ้นและกระทบกับผู้ค้าโดยตรง คือ การขายสลากผ่านระบบอัตโนมัติ หรือ หวยออนไลน์ ซึ่งขณะนี้ได้ทำรายละเอียดและหลักการเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการแล้ว”
รายงานข่าวระบุว่า แนวทางในการกระจายรางวัลจะทำ โดยคงอัตราเงินรางวัลที่ 1 ของสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้ง 50 ล้านฉบับไว้ที่ฉบับละ 2 ล้านบาทเท่าเดิม แต่จะกระจายรางวัลแจ๊กพ๊อตที่ปกติจะมี 1 ใบ ที่จะได้เงินรางวัลถึง 30 ล้านบาท ด้วยการเปลี่ยนเป็นรางวัลละ 5 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สลากกินแบ่งรัฐบาลทุกๆ 10 ล้านฉบับ จะมีรางวัลแจ็ตพอต 1 ใบ ได้รางวัลใบละ 5 ล้านบาท
“วิธีการดังกล่าวจะทำให้คนมีโอกาสถูกรางวัลที่ 1 และรางวัลแจ็คพ๊อตมากขึ้น แต่จำนวนเงินก็ลดลง แต่ไม่ได้มาก และยังช่วยแก้ปัญหารวมชุด โดยไม่กระทบผู้บริโภคมากนัก รวมถึงยังเป็นแนวทางที่จะดัดหลังเจ้ามือหวยใต้ดินได้ด้วย เพราะเลขรางวัลที่ 1 จะมีทั้งหมด 10 เลขด้วย จึงขึ้นกับเจ้ามือว่าจะอ้างอิงจากเลขใดบ้าง”.