ASTV ผู้จัดการรายวัน- บล.คันทรี่ กรุ๊ป มั่นใจมาร์เกตแชร์แตะ 6% เร่งขยายฐานลูกค้าพร้อมเปิดสาขาใหม่ ส่วนProp Trade ครึ่งปีแรกสามารถสร้างผลตอบแทนถึง 30% ไปแล้ว ประเมินหุ้นไทยอยู่ที่ 1,200 จุด หากกลถุ่มพลังงานเติบโต มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก
นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.คันทรี่ กรุ๊ป(CGS) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)สำหรับธุรกิจหลักทรัพย์ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย 6% ที่วางไว้ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 5% โดยครึ่งแรกมาร์เกตแชร์อยู่ที่ 5.43% แล้ว และบางวันทำได้มากกว่า 6% ทั้งนี้จะทำให้บริษัทขยับขึ้นมาเป็นโบรกเกอร์ที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุด 5 อันดับต่อเนื่องจากปี 2554 ภายใต้วอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ย 2.6-2.8 หมื่นล้านบาท/วัน
"จากภาพรวมธุรกิจหลักทรัพย์ทำให้เรามั่นใจว่า ผลดำเนินงานในปีนี้บริษัทจะมีกำไรเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าปี 54 โดยในช่วงครึ่งปีแรกกำไรของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายแล้ว อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทยังมีเป้าหมายการเพิ่มบัญชีลูกค้าอีก 20% จากปัจจุบันที่ 55,000 บัญชี และเปิดสาขาใหม่ คือ ปาร์คเวนเจอร์ ทำให้ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 50 สาขาทั่วประเทศ"
ส่วนการลงทุนของบริษัท ในปีนี้วงเงินลงทุนในพอร์ตบริษัท (Prop. Trade) อยู่ที่ประมาณราว 125 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกได้รับผลตอบแทนการลงทุนเกิน 30% ต่อปีตามที่ตั้งเป้าหมายไว้แล้ว
สำหรับการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย(คอมมิชชั่น) ปีแรก ซึ่งส่งผลให้ค่าคอมมิชชั่นเฉลี่ยของทั้งระบบลดลงมาอยู่ที่ 0.16-0.18% ซึ่งในส่วนของรายได้ค่าคอมมิชชั่นของบริษัทมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.15% ทำให้ได้รับผลกระทบไม่มากนัก แต่ในส่วนของปริมาณซื้อขายถือว่าเพิ่มขึ้นทั้งหลักทรัพย์และอนุพันธ์
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง มองว่า สถานการณ์ยังน่าจะผันผวน โดยมองหมายเป้าดัชนี SET ในปีนี้ที่ 1,250 จุด ภายใต้สถานการณ์ยุโรปไม่รุนแรง หรือหากปรับลงก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 1,100 จุด แต่ถ้าผลประกอบการกลุ่มพลังงานออกมาดี ดัชนีฯ จะมีโอกาสที่จะไปต่อถึง 1,400 จุด
นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บล.คันทรี่ กรุ๊ป(CGS) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)สำหรับธุรกิจหลักทรัพย์ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย 6% ที่วางไว้ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 5% โดยครึ่งแรกมาร์เกตแชร์อยู่ที่ 5.43% แล้ว และบางวันทำได้มากกว่า 6% ทั้งนี้จะทำให้บริษัทขยับขึ้นมาเป็นโบรกเกอร์ที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุด 5 อันดับต่อเนื่องจากปี 2554 ภายใต้วอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ย 2.6-2.8 หมื่นล้านบาท/วัน
"จากภาพรวมธุรกิจหลักทรัพย์ทำให้เรามั่นใจว่า ผลดำเนินงานในปีนี้บริษัทจะมีกำไรเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าปี 54 โดยในช่วงครึ่งปีแรกกำไรของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายแล้ว อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทยังมีเป้าหมายการเพิ่มบัญชีลูกค้าอีก 20% จากปัจจุบันที่ 55,000 บัญชี และเปิดสาขาใหม่ คือ ปาร์คเวนเจอร์ ทำให้ปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 50 สาขาทั่วประเทศ"
ส่วนการลงทุนของบริษัท ในปีนี้วงเงินลงทุนในพอร์ตบริษัท (Prop. Trade) อยู่ที่ประมาณราว 125 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกได้รับผลตอบแทนการลงทุนเกิน 30% ต่อปีตามที่ตั้งเป้าหมายไว้แล้ว
สำหรับการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย(คอมมิชชั่น) ปีแรก ซึ่งส่งผลให้ค่าคอมมิชชั่นเฉลี่ยของทั้งระบบลดลงมาอยู่ที่ 0.16-0.18% ซึ่งในส่วนของรายได้ค่าคอมมิชชั่นของบริษัทมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.15% ทำให้ได้รับผลกระทบไม่มากนัก แต่ในส่วนของปริมาณซื้อขายถือว่าเพิ่มขึ้นทั้งหลักทรัพย์และอนุพันธ์
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลัง มองว่า สถานการณ์ยังน่าจะผันผวน โดยมองหมายเป้าดัชนี SET ในปีนี้ที่ 1,250 จุด ภายใต้สถานการณ์ยุโรปไม่รุนแรง หรือหากปรับลงก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 1,100 จุด แต่ถ้าผลประกอบการกลุ่มพลังงานออกมาดี ดัชนีฯ จะมีโอกาสที่จะไปต่อถึง 1,400 จุด