xs
xsm
sm
md
lg

ใบปลิวไล่ไทยพุทธ ก่อนบึ้มบันนังสตา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจ้าหน้าที่พบใบปลิวอ้าง “กลุ่มนักรบฟาตอนี” แจกจ่ายตามร้านน้ำชาในหมู่บ้าน อ.บันนังสตา 3 วัน ก่อนเกิดเหตุลอบวางระเบิดธนาคาร 4 แห่ง ระบุ ปฏิบัติการไล่ไทยพุทธออกจากพื้นที่ เข้าขั้นสำเร็จตามแผนปฏิบัติการ ส่วนที่นราธิวาส ทหารค้นเป้าหมายสำคัญ 7 จุดใน ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ ยึดได้อาวุธปืนเอ็ม16 ที่ขโมยมาจากกองพันพัฒนาที่ 4 และของกลางอีกหลายรายการ

วานนี้ (15 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้ง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ได้คุมเข้มพื้นที่ อ.บันนังสตา โดยเฉพาะภายในเขตเทศบาลบันนังสตา หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดธนาคาร 4 แห่ง เมื่อคืนของวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา จนทำให้ตู้เอทีเอ็มของ ธนาคารออมสิน ธนาคาร ธ.ก.ส. ธนาคารอิสลาม และธนาคารกรุงไทย สาขาบันนังสตา ได้รับความเสียหายทั้งหมด 4 ตู้

หลังเกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิดธนาคารทั้ง 4 แห่ง แหล่งข่าวความมั่นคงในพื้นที่ ได้มีการวิเคราะห์ว่า กลุ่มที่ก่อเหตุลอบวางระเบิดตู้เอทีเอ็มธนาคารทั้ง 4 จุด และหน้าสำนักงานที่ดิน อ.บันนังสตา อีก 1 จุด รวม 5 จุด เป็นการก่อเหตุของกลุ่มวัยรุ่นแนวร่วมกลุ่มใหม่ ที่ผ่านการปลุกระดม และเข้ามาก่อเหตุแทนกลุ่มแนวร่วมกลุ่มเก่าๆ ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม วิสามัญ หรือหลบหนีการจับกุมออกนอกพื้นที่ไปแล้วหลายราย โดยส่วนใหญ่ กลุ่มคนร้ายที่นำระเบิดมาก่อเหตุจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น อายุประมาณ 16-20 ปี รวมกลุ่มกันประมาณ 4-5 คน ต่อการลอบวางระเบิด 1 แห่ง และจะมีคนดูต้นทาง กำหนดเวลาในการก่อเหตุ

ส่วนคนร้ายที่ใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 ยิงใส่บ้านพักตำรวจ อส.บันนังสตา และลอบยิงฐานปฏิบัติการทหารพรานที่ 4109 ที่บ้านสนามบิน จะเป็นกลุ่มแนวร่วมระดับปฏิบัติการที่ก่อเหตุในพื้นที่มาแล้วหลายครั้ง แต่ยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้าน ก่อเหตุยิงเอ็ม 79 เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากเหตุระเบิด และกดดันไม่ให้เจ้าหน้าที่ออกจากฐานปฏิบัติการเข้าระงับเหตุได้ในทันที

แหล่งข่าวความมั่นคงยังระบุว่า ก่อนหน้านี้ประมาณ 2-3 วัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ในพื้นที่ อ.บันนังสตา ไม่พบข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนร้ายว่าจะมีการก่อเหตุ หรือจะมีการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบ โดยการข่าวนิ่ง และเงียบ แต่ได้มีการพบใบปลิว จำนวน 3 ใบ ที่อ้าง “กลุ่มนักรบฟาตอนี” ถูกแจกจ่ายตามร้านค้า ร้านน้ำชาในหมู่บ้านใน อ.บันนังสตา จ.ยะลา

ในใบปลิวมีการกล่าวถึงแผนการปฏิบัติการของกลุ่มนักรบฟาตอนี ตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบัน ในการขับไล่ “ชาวกาฟีรสยาม” หรือคนไทยพุทธให้ออกจากพื้นที่ ซึ่งมีการอ้างข้อมูลตัวเลขจำนวนประชากร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อปี 2546 โดยแยกเป็นชาวไทยมุสลิมจำนวน 1,414,073 คน คิดเป็น 81 เปอร์เซ็นต์ ชาวไทยพุทธ 315,751 คน คิดเป็น 18.17 เปอร์เซ็นต์ และอื่นๆ อีก 1,767 คน คิดเป็น 0.83 เปอร์เซ็นต์

ทั้งนี้ ในใบปลิวได้ระบุว่า หลังจากพวกเราชาวมลายูปัตตานี ได้มีการต่อสู้และขับไล่พวกเขาเหล่านั้น ชาวกาฟีรสยาม ปัจจุบัน มีชาวไทยพุทธที่ยังคงเหลืออยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แยกเป็นจังหวัด สรุปตัวเลขได้ดังนี้ คือ จังหวัดยะลา ประชากรทั้งหมด 458,312 คน มีชาวไทยพุทธอยู่เพียง 19,000 คน จังหวัดปัตตานี มีประชากรทั้งหมด 629,691 คน เหลือชาวไทยพุทธ 17,902คน และจังหวัดนราธิวาส 694,010 คน เหลือคนไทยพุทธ 13,905 คน ซึ่งข้อมูลจำนวนตัวเลขดังกล่าว ถูกอ้างอยู่ในใบปลิวที่พบโดยอ้างกลุ่มนักรบฟาตอนี

นอกจากนี้ ข้อความในใบปลิวทั้ง 3 ใบ มีการกล่าวอ้างที่จะพยายามกอบกู้เอกราชรัฐปัตตานี และห้ามไม่ให้ผู้นับถือศาสนาอิสลาม ทำการค้า ซื้อขายของกับคนไทยพุทธ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน รถยนต์ สินค้า ที่ดิน สวนผลไม้ สวนยางพารา หากต้องการให้ไปขอมือเปล่า

ทั้งนี้ แหล่งข่าวความมั่นคงในพื้นที่ ก็ได้นำใบปลิวดังกล่าวไปตรวจสอบ และลงพื้นที่หาข้อมูลเท็จจริงดังกล่าว ซึ่งข้อมูลจำนวนประชาชนที่ถูกกล่าวอ้างในใบปลิว ทางภาครัฐไม่เคยนำเสนอให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ และมีชาวไทยพุทธในพื้นที่ อ.บันนังสตา หลายแห่งที่ทิ้งบ้านเรือน ทิ้งสวน ทิ้งที่ดิน ย้ายถิ่นฐานออกนอกพื้นที่ไปก่อนหน้านี้ก็มีอยู่หลายราย เนื่องจากถูกกลุ่มแนวร่วมกดดันจนอยู่อาศัยไม่ได้ แต่ภาครัฐก็ยังไม่เคยเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว

**ค้นรังโจรใต้ยึดปืนที่ถูกปล้นจากค่ายทหาร

วันเดียวกันนี้ น.อ.สมเกียรติ ผลประยูร ผบ.หน่วยเฉพาะกิจ นาวิกโยธิน ภาคใต้ ค่ายจุฬาภรณ์ จ.นราธิวาส นำกำลังร่วมกับ ฉก.นราธิวาส 32 กว่า 100 นาย ใช้กฎอัยการศึกเข้าตรวจค้นเป้าหมายสำคัญ 7 จุดในพื้นที่ ม.2 บ.ปะลุกาสาเมาะ ต.ปะลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ภายหลัง ร.อ.มานพ สืบสาย ผบ.ร้อยปืนเล็กที่ 1 ฉก.นราธิวาส 32 นำกำลัง 24 นาย ตั้งจุดตรวจจุดสกัดในพื้นที่ บ.ปะลุกาสาเมาะ ช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนไหวก่อเหตุของกลุ่มผู้ไม่หวังดีสนองนโยบาย พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 โดยมีเป้าหมายสำคัญระดับแกนนำสั่งการ 2 คน คือ นายอับดุลเลาะห์ โต๊ะมะ และนายมะยุดีน ลีลา ที่เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า เข้ามากบดานเตรียมประชุมวางแผนก่อเหตุช่วงเดือนรอมฎอน หรือถือศีลอดของชาวมุสลิมที่จะเริ่มขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์นี้

ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตั้งจุดตรวจ นายอีรูวัน มะเซ็ง อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 289/1 ม.2 ต.ปะลุกาสาเมาะ และนายมูฮัมหมัดฟาอีส ยะ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 239 ม.2 ต.ปะลุกาสาเมาะ ที่กำลังขี่รถจักรยานยนต์ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ต่างพากันตกใจแล้วจอดรถทิ้งไว้พร้อมถุง 1 ใบ ก่อนวิ่งหลบหนีเข้าป่ารกทึบไป ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภายในถุงพบบัตรประจำตัวประชาชน 2 ใบ อาวุธปืน 9 มม. 1 กระบอกพร้อมกระสุน จึงขยายผลสู่การเข้าตรวจค้น 7 จุดรอบบ้านพักของนายอีรูวัน มะเซ็ง 1 ในผู้ต้องสงสัยที่หลบหนีไปได้ และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ทั้ง 2 คนเป็นสมาชิกแนวร่วมกลุ่มนายอับดุลเลาะห์ โต๊ะมะ และนายมะยุดีน ลีลา ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ส่งกำลังบำรุง และปฏิบัติการ

ส่วนของกลางที่ตรวจยึดได้เพิ่มเติม เช่น อาวุธปืนสงคราม เอ็ม16 จำนวน 1 กระบอก ที่มีหมายเลขประจำปืนคือ 9549231 ซึ่งเป็นปืนที่ถูกปล้นไปจากค่ายกองพันพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 รวมทั้งแผนผังของฐานปฏิบัติการกองกำลังในพื้นที่ อ.บาเจาะ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดง ทะเบียน บตม 209 นราธิวาส อาวุธปืนเอชเค 33 จำนวน 1 กระบอก กระสุนจำนวนหนึ่ง แมกกาซีน อาวุธปืนลูกซอง จำนวน 1 กระบอก ตะปูเรือใบ วิทยุสื่อสาร หมวกไหมพรม อุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องยังชีพในป่า โทรศัพท์มือถือ จำนวน 12 เครื่อง ป้ายทะเบียน กธน 840 ปัตตานี นาฬิกาข้อมือ 16 เรือน กระเป๋าสะพาย ซิมการ์ดโทรศัพท์ พาสปอร์ต และหนังสือคัมภีร์อัลกุรอาน
กำลังโหลดความคิดเห็น