จากกรณีพระอธิการณัฐพลชัย ฉันทะธรรมโม เจ้าอาวาสวัดวังปลัด ต.บ้านแพ อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ และอีกหลายวัดในเขต อ.คูเมือง และ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ รวมทั้งที่ จ.อำนาจเจริญ ออกมาเปิดเผยถึงกรณี นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม และได้บริจาคเงินช่วยเหลือแห่งละ 20,000 บาท บางแห่งก็ 50,000 บาท โดยให้เป็นซองเปล่าในช่วงที่ทำพิธีมอบ แล้วรับปากว่าจะส่งเงินมาให้ในภายหลัง แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับเงินนั้น
เมื่อวานนี้ (12 ก.ค.) นพ.สุรวิทย์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ ว่า ในช่วง ที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและ ได้ลงไปตรวจเยี่ยมวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติทั้งน้ำท่วม ไฟไหม้ เมื่อเห็นวัดใดเดือดร้อน ก็ต้องให้ความช่วยเหลือ โดยได้แจ้งให้ทางวัดได้ทราบ และแจ้งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ทราบ ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนา จะมีงบประมาณในการอุดหนุนวัดต่างๆ อยู่แล้ว
เมื่อแจ้งให้ทราบแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการ หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาในจังหวัดนั้น ๆ จะไปนำหลักฐานจากทางวัด มาขอสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งการอนุมัติ ก็เป็นไปตามขั้นตอน แต่ยอมรับว่า ช้าจริง และเป็นเวลานานพอสมควร เพราะขณะนี้ตนได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งใหม่แล้ว
นพ.สุรวิทย์ กล่าวด้วยว่า ได้รับคำร้อง ในเรื่องการจ่ายเงินล่าช้าให้ทางวัด จาก ส.ส.ในพื้นที่มาโดยตลอด และได้พยายามติดตามให้ ซึ่งทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ให้คำตอบว่าน่าจะจบในเดือน มิ.ย.55 แต่ก็ยืดเยื้อมา และได้รับคำตอบสุดท้ายว่า น่าจะเรียบร้อยทั้งหมดทุกอย่าง ทั้งการอนุมัติงบประมาณโครงการตามที่เคยไปตรวจราชการ โดยเฉพาะการถวายเงินให้วัดครบทุกแห่ง ภายในเดือน ก.ค.นี้แน่นอน
เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ตนหมดกำลังใจในการทำงานแต่อย่างใด และยังคงเดินหน้าทำงานต่อไป
" ขอกราบเรียนทางวัดต่างๆ ที่ได้ไปตรวจราชการในช่วงรับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เคยมีการอนุมัติโครงการ หรืองบประมาณ แม้จะช้าไปบ้าง ก็ให้อดใจรอนิดหนึ่ง ผมไม่นิ่งนอนใจ ติดตามเรื่องให้ตลอด แม้จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมแล้วก็ตาม และเชื่อว่าโครงการที่ไปตรวจราชการ และที่ได้รับปากไป จะได้ตามนั้นทุกอย่างแน่นอน แต่เวลาที่ช้ามานาน ก็ขออภัยต่อคณะกรรมการวัดทุกคน แต่ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยภายในเดือนก.ค.นี้แน่นอน" นพ.สุรวิทย์
นพ.สุรวิทย์ กล่าวอีกว่า การถวายเงินให้วัดในช่วงที่ไปตรวจราชการนั้น ไม่ได้ถวายซองเปล่าให้เลย เพียงแต่แจ้งให้ทราบว่า จะให้การช่วยเหลือ และสนับสนุนเท่านั้น แต่ที่เป็นข่าว อาจจะมากเกินความจริง ยืนยันว่าทุกวัดเราไม่ได้ถวายซองให้ เพราะการให้เงินช่วยเหลือจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน และการจ่ายเงินนั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะทำเป็นเช็คจ่ายให้วัดนั้นโดยตรง ไม่มีมอบเงินสดให้ใครไป ซึ่งเป็นขั้นตอนการปฏิบัติของสำนักงานพระพุทธฯ และเชื่อว่าทุกวันนี้ คงไม่มีรัฐมนตรีคนใดถวายซองเปล่า และเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ตนรู้สึกเสียหน้า แต่อย่างใด ยืนยันว่าทุกวัด จะได้รับการช่วยเหลือภายในเดือนก.ค.นี้แน่นอน
เมื่อวานนี้ (12 ก.ค.) นพ.สุรวิทย์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ ว่า ในช่วง ที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและ ได้ลงไปตรวจเยี่ยมวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยพิบัติทั้งน้ำท่วม ไฟไหม้ เมื่อเห็นวัดใดเดือดร้อน ก็ต้องให้ความช่วยเหลือ โดยได้แจ้งให้ทางวัดได้ทราบ และแจ้งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ทราบ ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนา จะมีงบประมาณในการอุดหนุนวัดต่างๆ อยู่แล้ว
เมื่อแจ้งให้ทราบแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของผู้อำนวยการ หรือสำนักงานพระพุทธศาสนาในจังหวัดนั้น ๆ จะไปนำหลักฐานจากทางวัด มาขอสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งการอนุมัติ ก็เป็นไปตามขั้นตอน แต่ยอมรับว่า ช้าจริง และเป็นเวลานานพอสมควร เพราะขณะนี้ตนได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งใหม่แล้ว
นพ.สุรวิทย์ กล่าวด้วยว่า ได้รับคำร้อง ในเรื่องการจ่ายเงินล่าช้าให้ทางวัด จาก ส.ส.ในพื้นที่มาโดยตลอด และได้พยายามติดตามให้ ซึ่งทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ให้คำตอบว่าน่าจะจบในเดือน มิ.ย.55 แต่ก็ยืดเยื้อมา และได้รับคำตอบสุดท้ายว่า น่าจะเรียบร้อยทั้งหมดทุกอย่าง ทั้งการอนุมัติงบประมาณโครงการตามที่เคยไปตรวจราชการ โดยเฉพาะการถวายเงินให้วัดครบทุกแห่ง ภายในเดือน ก.ค.นี้แน่นอน
เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ตนหมดกำลังใจในการทำงานแต่อย่างใด และยังคงเดินหน้าทำงานต่อไป
" ขอกราบเรียนทางวัดต่างๆ ที่ได้ไปตรวจราชการในช่วงรับตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เคยมีการอนุมัติโครงการ หรืองบประมาณ แม้จะช้าไปบ้าง ก็ให้อดใจรอนิดหนึ่ง ผมไม่นิ่งนอนใจ ติดตามเรื่องให้ตลอด แม้จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมแล้วก็ตาม และเชื่อว่าโครงการที่ไปตรวจราชการ และที่ได้รับปากไป จะได้ตามนั้นทุกอย่างแน่นอน แต่เวลาที่ช้ามานาน ก็ขออภัยต่อคณะกรรมการวัดทุกคน แต่ทุกอย่างน่าจะเรียบร้อยภายในเดือนก.ค.นี้แน่นอน" นพ.สุรวิทย์
นพ.สุรวิทย์ กล่าวอีกว่า การถวายเงินให้วัดในช่วงที่ไปตรวจราชการนั้น ไม่ได้ถวายซองเปล่าให้เลย เพียงแต่แจ้งให้ทราบว่า จะให้การช่วยเหลือ และสนับสนุนเท่านั้น แต่ที่เป็นข่าว อาจจะมากเกินความจริง ยืนยันว่าทุกวัดเราไม่ได้ถวายซองให้ เพราะการให้เงินช่วยเหลือจะต้องเป็นไปตามขั้นตอน และการจ่ายเงินนั้น สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะทำเป็นเช็คจ่ายให้วัดนั้นโดยตรง ไม่มีมอบเงินสดให้ใครไป ซึ่งเป็นขั้นตอนการปฏิบัติของสำนักงานพระพุทธฯ และเชื่อว่าทุกวันนี้ คงไม่มีรัฐมนตรีคนใดถวายซองเปล่า และเรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้ตนรู้สึกเสียหน้า แต่อย่างใด ยืนยันว่าทุกวัด จะได้รับการช่วยเหลือภายในเดือนก.ค.นี้แน่นอน
