กรณีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังเดินหน้าอนุญาตให้อเมริกาใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็นฐานครอบครองโลก ดันทุรังล้มล้างรัฐธรรมนูญแล้วเขียนใหม่ตามใจปรารถนา ดื้อดึงที่จะออกกฎหมายปรองดองเพื่อนิรโทษกรรมให้กับพี่ชายและพวกพ้อง
ทั้ง 3 ประการนี้หลายคนมองว่า นอกจากจะเป็นเงื่อนไขให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างคนไทยด้วยกันแล้ว ที่สำคัญยังจะนำไปสู่ “จุดตาย” ของระบอบทักษิณเองด้วย
อีกทั้งหลายคนมีความเชื่อด้วยว่า สังคมไทยได้เดินเข้าไปใกล้ “จุดสุดยอดของความขัดแย้ง” ทุกขณะแล้ว ซึ่งนั่นก็คือจุดเดียวกับที่เชื่อกันว่าจะเป็น “จุดหักเห” ครั้งสำคัญที่สังคมไทยจะต้องเผชิญแบบยากจะหลีกหนีให้พ้นไปได้
ผมเองก็คิดและมองไม่แตกต่าง เพียงอยากจะเติมเต็มบางแง่มุมที่น่าจะเป็นประเด็นสำคัญที่ชี้ชัดว่า ทั้งตัวตนของนักโทษหนีคุกที่เร่ร่อนทำลายสังคมไทยอยู่ต่างประเทศคือ “ทักษิณ ชินวัตร” และเครือข่ายที่เขาสร้างขึ้นเพื่อครอบงำและกัดกร่อนสังคมไทยได้แก่ “ระบอบทักษิณ” นั้น ในเวลานี้มีสิ่งที่แสดงให้เห็นชัดแจ้งแจ๋วแหว๋วแล้วว่า...
“เชื้อชั่วไม่เคยตาย”
สิ่งที่ยืนยันเรื่องนี้ได้ดีที่สุดก็คือ คำพูดจากปากทักษิณ ชินวัตร แบบตั้งใจย้ำคิดย้ำทำไว้หลายระลอกนั่นแหละครับ ซึ่งชัดเจนที่สุดและผู้คนยังจำกันได้ดีก็อย่างที่หลุดออกมาจากปากออกเขาในทำนองว่า...
อีกไม่นานเขาจะต้องได้กลับมาเหยียบแผ่นดินแบบไร้ความผิดติดตัวได้อย่างเท่ๆ เขาไม่เคยรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เขาและระบอบของเขาทำไว้กับประเทศไทย และหากได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งก็จะยังทำเหมือนเดิม
ผมเชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงกับคำพูดนี้ของทักษิณ ชินวัตร และหลายคนอาจจะถึงขั้นจิตตกเลยทีเดียว
โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เขากระทำในสมัยที่ยังกุมอำนาจใหญ่คับฟ้าอยู่ในประเทศไทย หรือแม้กระทั่งต้องกระเจิงออกไปเป็นสัมภเวสีหนีคุกอยู่นอกประเทศแล้วก็ตาม
หยิบยกเอาเฉพาะที่เด็ดๆ ก็อย่างการทำให้วิกฤตไฟใต้ระลอกใหม่คุโชนขึ้นจากฝีมือโจรกระจอก การอุ้มฆ่าตัดตอนยาเสพติด ปลุกปั้นแก๊งคนเสื้อแดงขึ้นมากระทำปู้ยี้ปู้ยำและเผาบ้านเผาเมือง สนับสนุนก๊วนล้มเจ้าและทำลายสถาบัน ผูกขาดสัมปทานในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของคนไทย ฮุบกิจการด้านพลังงานโดยเฉพาะ ปตท.และบริษัทในเครือ แล้วปล่อยให้คนไทยทั้งประเทศต้องรับกรรมจ่ายค่าน้ำมัน 2 ลิตรเกือบร้อย ฯลฯ
แต่ที่น่าหนักใจที่สุดก็คือ การใช้ผลประโยชน์กว้านนักการเมืองเลวไปไว้ใต้ปีก แล้วหว่านเงินผ่านการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยจอมปลอม เพื่อให้ตัวเองได้อำนาจไว้กอบโกย รวมถึงเปิดโอกาสให้ครอบครัว เครือญาติและเครือข่ายร่วมโกงกินและกัดกร่อนประเทศชาติและประชาชนได้อย่างคึกคะนอง
ความจริงแล้วเชื้อชั่วเหล่านี้นอกจากจะมีที่มาจากสันดานดิบที่มีในตัวตนแล้ว เมื่อมันได้มีช่องทางเชื่อมต่อกับกลุ่มคนหรือระบบอะไรต่างๆ นานาที่มีคำห้อยท้ายว่า “สามานย์” ซึ่งแพร่กระจายขยายเครือข่ายครอบคลุมและครอบครองอยู่ทั้งในประเทศไทยเราและทั่วโลก สิ่งนี้ยิ่งทำให้ฤทธิ์เดชของมันเพิ่มขึ้นแบบทบเท่าทวีคูณ
เป็นที่ประจักษ์กันมานานแล้ว เมื่อมองไปยังตัวตนของทักษิณ ชินวัตร สิ่งที่แวบวาบขึ้นในจินตนาการของผู้คนในทันที ประกอบไปด้วย
“ระบบทุนสามานย์” ทั้งที่เป็นเครือข่ายชักใยอยู่ในชาติและข้ามชาติ
“นักการเมืองสามานย์” ทั้งที่วนเวียนหากินอยู่ในประเทศและนอกประเทศ
ทั้ง 2 กลุ่มนี้มีเป้าหมายเดียวกันคือ ต้องการกอบโกยทั้งเงินทองและทรัพยากรของคนไทยไปไว้ในพกในห่อตนเองและพวกพ้อง
รวมถึง “ระบอบการเมืองสามานย์” ซึ่งอิงแอบอยู่กับการเลือกตั้งที่มากมายไปด้วยการซื้อสิทธิ์-ขายเสียง และสามารถทุ่มเงินซื้ออำนาจไว้ในมือได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม ทั้งระบบทุนสามานย์และนักการเมืองสามานย์ ต่างก็พยายามรวมหัวกันลุกขึ้นป่าวประกาศให้ผู้คนเชื่อถือแต่ในเปลือกนอกว่า นี่คือการปกครองในนาม “ระบอบประชาธิปไตย” ซึ่งคนในและนอกประเทศควรต้องยอมรับให้ได้
เชื่อกันว่า เชื้อชั่วทั้งที่เกิดจากกมลสันดาน และความสามานย์ที่เชื่อมโยงเหล่านั้น เวลานี้ได้กินลึกถึงกระดูกดำของสังคมไทยไปเรียบร้อยแล้ว
นี่ขนาดระบอบทักษิณกุมกลไกอำนาจทั้งหมดผ่านรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพยายามเดินหน้าออกกฎหมายล้างผิดให้พี่ชายทั้งในรูปแบบ พ.ร.บ.ปรองดองและยัดไส้ไว้ในการแก้รัฐธรรมนูญแล้วก็ตาม
นี่ขนาดสัมภเวสีหนีคุกทักษิณ ชินวัตร ยังไม่ได้กลับสู่แผ่นดินไทยอย่างเท่ๆ แล้วสามารถก้าวขึ้นสู่บัลลังก์อำนาจในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อีกหน
ณ ห้วงเวลานี้ประเทศชาติและประชาชนคนไทยจำนวนมากยังบอบช้ำได้ถึงขนาดนี้
ถ้าเราปล่อยถึงวันที่ทักษิณ ชินวัตร ได้กลับไทยและขึ้นมายิ่งใหญ่อีกคราครั้ง เชื้อชั่วที่ไม่เคยตายเหล่านี้จะได้มีโอกาสแพร่พันธุ์และแผงฤทธิ์เดชแบบทบเท่าทวีคูณเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยบ้าง ท่านผู้อ่านลองช่วยกันวาดภาพดูนะครับ
แล้วเราจะยอมปล่อยให้สังคมไทยเดินไปถึงวันนั้นหรือไม่??!!