กมธ.งบประมาณ ข้องใจ "เด็กสุวัจน์" ดึงงบ ก.อุตสาหกรรม 30 ล้าน จัดมวย"ไทยไฟต์"ใน 3 ประเทศ แย่งงาน ก.ท่องเที่ยวฯ
นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 แถลงความคืบหน้าในการพิจารณางบประมาณวงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท ว่า ขณะนี้ กมธ.พิจารณาไปแล้ว 2 กระทรวงคือ กระทรวงการคลัง และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมียอดการปรับลดวงเงินงบประมาณไปเพียง 5 ล้านบาท เพราะยังมีการพิจารณารายละเอียดในส่วนของอนุกรรมาธิการฯ ชุดต่างๆ อีก การพิจารณาถือว่าล่าช้ากว่ากำหนดโดยพิจารณาไปได้เพียง 32 หน่วยงาน จากที่ตั้งเป้าไว้ 65 หน่วยงาน ทำให้เหลือหน่วยงานที่ต้องพิจารณาอีก 485 หน่วยงาน ซึ่งอาจพิจารณาไม่เสร็จสิ้นทันกำหนด 26 ก.ค.55
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้แก่ งบก่อสร้างเขื่อนสำหรับนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ จำนวน 6 นิคม วงเงิน 3,200 ล้านบาท โดยคิดเป็นงบประมาณในการก่อสร้าง เฉลี่ยกิโลเมตรละ100 ล้านบาท
ทั้งนี้กรรมาธิการฯ ข้องใจว่า เงินที่รัฐบาลนำไปให้เอกชน เมื่อสร้างเขื่อนเสร็จแล้วเอกสิทธิ์ในส่วนนี้จะเป็นของใคร ระหว่างรัฐบาลกับเอกชน เนื่องจากสำนักงบประมาณ และสำนักปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ยังไม่มีความชัดเจนว่า เขื่อนที่สร้างจะเป็นของใคร
นอกจากนี้ กรรมาธิการฯ ยังข้อใจงบประมาณของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีการตั้งงบประมาณ เพื่อจัดการแข่งขันชกมวยในต่างประเทศ ภายใต้ชื่อ “ไทยไฟต์” ใน 3 ประเทศ ได้แก่ ลาสเวกัส อเมริกา, มิลาน อิตาลี และ อังกฤษ รวมวงเงินงบประมาณ 30 ล้านบาท กรรมาธิการฯสงสัยว่า เหตุใดกระทรวงอุตสาหกรรม จึงจัดการแข่งขันนี้ ทั้งที่ควรเป็นหน้าที่ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อีกทั้งโครงการชกมวยไม่ได้สอดคล้องกับวิสัยทัศนและพันธกิจของกระทรวงอุตสาหกรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่กระทรวงอุตสาหกรรมต้องจัดมวย “ไทยไฟต์” เพราะเกี่ยวข้องกับ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ หรือไม่ นายวัชระ กล่าวว่า ประเด็นนี้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงว่า งบดังกล่าวเป็นของสำนักงานส่งเสริมการลงทุน ( บีโอไอ ) เป็นคนใช้เงินเท่านั้น และรมว.อุตสาหกรรม ตนก็ทราบว่าชื่อ ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ ไม่ได้ชื่อนายสุวัจน์ แต่อย่างใด
นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.)วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 แถลงความคืบหน้าในการพิจารณางบประมาณวงเงิน 2.4 ล้านล้านบาท ว่า ขณะนี้ กมธ.พิจารณาไปแล้ว 2 กระทรวงคือ กระทรวงการคลัง และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยมียอดการปรับลดวงเงินงบประมาณไปเพียง 5 ล้านบาท เพราะยังมีการพิจารณารายละเอียดในส่วนของอนุกรรมาธิการฯ ชุดต่างๆ อีก การพิจารณาถือว่าล่าช้ากว่ากำหนดโดยพิจารณาไปได้เพียง 32 หน่วยงาน จากที่ตั้งเป้าไว้ 65 หน่วยงาน ทำให้เหลือหน่วยงานที่ต้องพิจารณาอีก 485 หน่วยงาน ซึ่งอาจพิจารณาไม่เสร็จสิ้นทันกำหนด 26 ก.ค.55
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรม ได้แก่ งบก่อสร้างเขื่อนสำหรับนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ จำนวน 6 นิคม วงเงิน 3,200 ล้านบาท โดยคิดเป็นงบประมาณในการก่อสร้าง เฉลี่ยกิโลเมตรละ100 ล้านบาท
ทั้งนี้กรรมาธิการฯ ข้องใจว่า เงินที่รัฐบาลนำไปให้เอกชน เมื่อสร้างเขื่อนเสร็จแล้วเอกสิทธิ์ในส่วนนี้จะเป็นของใคร ระหว่างรัฐบาลกับเอกชน เนื่องจากสำนักงบประมาณ และสำนักปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ยังไม่มีความชัดเจนว่า เขื่อนที่สร้างจะเป็นของใคร
นอกจากนี้ กรรมาธิการฯ ยังข้อใจงบประมาณของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มีการตั้งงบประมาณ เพื่อจัดการแข่งขันชกมวยในต่างประเทศ ภายใต้ชื่อ “ไทยไฟต์” ใน 3 ประเทศ ได้แก่ ลาสเวกัส อเมริกา, มิลาน อิตาลี และ อังกฤษ รวมวงเงินงบประมาณ 30 ล้านบาท กรรมาธิการฯสงสัยว่า เหตุใดกระทรวงอุตสาหกรรม จึงจัดการแข่งขันนี้ ทั้งที่ควรเป็นหน้าที่ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อีกทั้งโครงการชกมวยไม่ได้สอดคล้องกับวิสัยทัศนและพันธกิจของกระทรวงอุตสาหกรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่กระทรวงอุตสาหกรรมต้องจัดมวย “ไทยไฟต์” เพราะเกี่ยวข้องกับ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ หรือไม่ นายวัชระ กล่าวว่า ประเด็นนี้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ชี้แจงว่า งบดังกล่าวเป็นของสำนักงานส่งเสริมการลงทุน ( บีโอไอ ) เป็นคนใช้เงินเท่านั้น และรมว.อุตสาหกรรม ตนก็ทราบว่าชื่อ ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ ไม่ได้ชื่อนายสุวัจน์ แต่อย่างใด
