เอเอฟพี - โสมแดงเผยรัฐธรรมนูญใหม่ ประกาศสถานะเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง ทางด้านนักวิเคราะห์ชี้ความเคลื่อนไหวนี้อาจทำให้นานาชาติโน้มน้าวเปียงยางให้วางมือจาก “นุก” ได้ยากขึ้น
ช่วงค่ำวันพุธ (30 มี.ค.) เว็บไซต์ Naenara (ประเทศของฉัน) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของทางการเกาหลีเหนือ ได้เผยแพร่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีการแก้ไขระหว่างการประชุมสภาเมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา
ข้อความส่วนที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ก็คือช่วงที่ระบุว่า “ประธานกรรมาธิการกลาโหมแห่งชาติ คิมจองอิล ได้แปลงโฉมปิตุภูมิของเราเป็นรัฐอุดมคติทางการเมืองที่ไม่อาจโค่นล้มได้ รัฐที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ และมหาอำนาจทางการทหารที่เข้มแข็ง ซึ่งปูทางสู่การก่อร่างสร้างประเทศที่แข็งแกร่งและมั่งคั่ง”
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านี้ที่มีการแก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2010 ไม่มีข้อความที่ระบุถึง “รัฐที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์” แต่อย่างใด
ภายหลังอสัญกรรมของคิมจองอิลในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เกาหลีเหนือได้ทบทวนร่างรัฐธรรมนูญเพื่อบรรจุความสำเร็จของอดีตผู้นำผู้นี้ที่ส่งมอบอำนาจให้แก่บุตรชายคือ คิมจองอึน
เกาหลีเหนือพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มานานหลายสิบปี โดยอ้างจุดยืนอย่างเป็นทางการว่า เพื่อปกป้องตนเองจากภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ แต่ขณะเดียวกันได้แสดงความพร้อมในหลักการที่จะล้มเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์
ภายใต้ข้อตกลงในปี 2005 ระหว่างการเจรจา 6 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วยเกาหลีเหนือและใต้ จีน สหรัฐฯ รัสเซีย และญี่ปุ่นนั้น เปียงยางตกลงยกเลิกโครงการนิวเคลียร์แลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและการทูต รวมทั้งการรับประกันด้านความมั่นคง
ทว่า การเจรจา 6 ฝ่ายว่าด้วยการดำเนินการตามข้อตกลงดังกล่าวกลับหยุดชะงักลงนับจากเดือนธันวาคม 2008 และเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ 2 ครั้งในปี 2006 และ 2009
เชือน ซุงวุน จากสถาบันเพื่อการรวมชาติเกาหลี ซึ่งเป็นองค์กรแห่งรัฐของโสมขาว แสดงความเห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่บ่งชี้ว่า เปียงยางมีความตั้งใจน้อยมากที่จะยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม
“ถ้ามีการเรียกร้องในระหว่างการเจรจาให้ยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ เกาหลีเหนือจะอ้างว่าทำไม่ได้ เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญ”
เกาหลีเหนือเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ และพันธมิตรเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธมานานหลายปี
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 เมษายน เปียงยางได้ปล่อยจรวดโดยอ้างว่า เป็นภารกิจสันติเพื่อนำดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร ส่งผลให้ความหวังในการหาทางออกด้วยวิธีทางการทูตยิ่งริบหรี่
ศาสตราจารย์คิม กึนซิก จากมหาวิทยาลัยคยุงนัม ในเมืองชางวอน ชี้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นข่าวร้ายอย่างแท้จริงสำหรับผู้เข้าร่วมเจรจา 6 ฝ่าย เนื่องจากการโน้มน้าวให้เปียงยางยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ด้วยวิธีทางการทูตคงเป็นไปได้ยากขึ้น
กระนั้น คิมตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ควรมองโลกแง่ร้ายเกินไป เนื่องจากการประกาศสถานะประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองเป็นวิธีหนึ่งในการสรรเสริญความสำเร็จของคิมจองอิล
นอกจากนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญของเกาหลีเหนือก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ปกครองเท่านั้น ดังจะเห็นได้จากในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่มีการแก้ไขมาแล้วถึง 2 ครั้ง
ช่วงค่ำวันพุธ (30 มี.ค.) เว็บไซต์ Naenara (ประเทศของฉัน) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของทางการเกาหลีเหนือ ได้เผยแพร่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีการแก้ไขระหว่างการประชุมสภาเมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา
ข้อความส่วนที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ก็คือช่วงที่ระบุว่า “ประธานกรรมาธิการกลาโหมแห่งชาติ คิมจองอิล ได้แปลงโฉมปิตุภูมิของเราเป็นรัฐอุดมคติทางการเมืองที่ไม่อาจโค่นล้มได้ รัฐที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ และมหาอำนาจทางการทหารที่เข้มแข็ง ซึ่งปูทางสู่การก่อร่างสร้างประเทศที่แข็งแกร่งและมั่งคั่ง”
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญฉบับก่อนหน้านี้ที่มีการแก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2010 ไม่มีข้อความที่ระบุถึง “รัฐที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์” แต่อย่างใด
ภายหลังอสัญกรรมของคิมจองอิลในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เกาหลีเหนือได้ทบทวนร่างรัฐธรรมนูญเพื่อบรรจุความสำเร็จของอดีตผู้นำผู้นี้ที่ส่งมอบอำนาจให้แก่บุตรชายคือ คิมจองอึน
เกาหลีเหนือพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มานานหลายสิบปี โดยอ้างจุดยืนอย่างเป็นทางการว่า เพื่อปกป้องตนเองจากภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ แต่ขณะเดียวกันได้แสดงความพร้อมในหลักการที่จะล้มเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์
ภายใต้ข้อตกลงในปี 2005 ระหว่างการเจรจา 6 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วยเกาหลีเหนือและใต้ จีน สหรัฐฯ รัสเซีย และญี่ปุ่นนั้น เปียงยางตกลงยกเลิกโครงการนิวเคลียร์แลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและการทูต รวมทั้งการรับประกันด้านความมั่นคง
ทว่า การเจรจา 6 ฝ่ายว่าด้วยการดำเนินการตามข้อตกลงดังกล่าวกลับหยุดชะงักลงนับจากเดือนธันวาคม 2008 และเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ 2 ครั้งในปี 2006 และ 2009
เชือน ซุงวุน จากสถาบันเพื่อการรวมชาติเกาหลี ซึ่งเป็นองค์กรแห่งรัฐของโสมขาว แสดงความเห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่บ่งชี้ว่า เปียงยางมีความตั้งใจน้อยมากที่จะยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ไม่ว่าในสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม
“ถ้ามีการเรียกร้องในระหว่างการเจรจาให้ยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ เกาหลีเหนือจะอ้างว่าทำไม่ได้ เนื่องจากขัดต่อรัฐธรรมนูญ”
เกาหลีเหนือเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ และพันธมิตรเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธมานานหลายปี
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 เมษายน เปียงยางได้ปล่อยจรวดโดยอ้างว่า เป็นภารกิจสันติเพื่อนำดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร ส่งผลให้ความหวังในการหาทางออกด้วยวิธีทางการทูตยิ่งริบหรี่
ศาสตราจารย์คิม กึนซิก จากมหาวิทยาลัยคยุงนัม ในเมืองชางวอน ชี้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นข่าวร้ายอย่างแท้จริงสำหรับผู้เข้าร่วมเจรจา 6 ฝ่าย เนื่องจากการโน้มน้าวให้เปียงยางยกเลิกโครงการอาวุธนิวเคลียร์ด้วยวิธีทางการทูตคงเป็นไปได้ยากขึ้น
กระนั้น คิมตั้งข้อสังเกตว่า ไม่ควรมองโลกแง่ร้ายเกินไป เนื่องจากการประกาศสถานะประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองเป็นวิธีหนึ่งในการสรรเสริญความสำเร็จของคิมจองอิล
นอกจากนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญของเกาหลีเหนือก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ปกครองเท่านั้น ดังจะเห็นได้จากในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่มีการแก้ไขมาแล้วถึง 2 ครั้ง