เอเจนซีส์ – มิตต์ รอมนีย์ ถือตั๋วเข้าชิงทำเนียบขาวในนามพรรครีพับลิกันเต็มภาคภูมิ หลังชนะการเลือกตั้งขั้นต้นที่จัดแบบไพรมารีในมลรัฐเทกซัส เขาประกาศเสียงเข้มว่า จะนำอเมริกากลับสู่ความมั่งคั่งด้วยการโค่นบารัค โอบามา ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
กระนั้น หลักหมายแห่งชัยชนะของรอมนีย์คราวนี้ กลับถูกบดบังด้วยการรื้อฟื้นข้อกล่าวหาเกี่ยวกับชาติกำเนิดของโอบามา โดยฝีมือของ โดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีฝีปากกล้าเจ้าเก่า
“ไม่ว่าความท้าทายใดๆ ก็ตามที่รออยู่เบื้องหน้า เราจะฝ่าฟันไปให้ได้เพื่อเป้าหมายที่ไม่น้อยไปกว่าการทำให้อเมริกากลับคืนสู่ความมั่งคั่งและการจ้างงานอย่างเต็มที่” รอมนีย์ทวิตหลังได้ชัยชนะในเทกซัสเมื่อวันอังคาร (29) ซึ่งทำให้เขารวบรวมเสียงของตัวแทนที่จะไปเข้าร่วมการประชุมใหญ่ปลายเดือนสิงหาคมนี้ของพรรครีพับลิกันได้เกิน 1,144 เสียงแล้ว เป็นอันรับประกันได้แน่นอนสำหรับการได้เป็นตัวแทนพรรคในการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 6 พฤศจิกายน
รอมนีย์เอาชนะคู่แข่งคนสำคัญทั้ง นิวต์ กริงกริช และริก แซนทอรัม และไปถึงจุดหมายที่บิดาผู้ล่วงลับของเขา จอร์จ รอมนีย์ อดีตผู้ว่าการมลรัฐมิชิแกน เคยพลาดหวัง ในการเป็นตัวแทนพรรคลงสมัครชิงเก้าอี้ประมุขของอเมริกันชน
ทว่า ชัยชนะสำคัญของรอมนีย์กลับถูกบดบังจากการแทรกแซงของทรัมป์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คนดังที่เป็นพ่องานจัดการระดมทุนให้รอมนีย์ที่ลาสเวกัส
เกือบตลอดวันอังคารที่ผ่านมา ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ตอกย้ำว่า ยังติดใจว่าโอบามาเป็นพลเมืองอเมริกันที่เกิดในอเมริกาจริงหรือไม่ แม้ทำเนียบขาวได้นำสูติบัตรที่ระบุว่า ประธานาธิบดีเกิดที่ฮาวายออกมาแสดงตั้งแต่ครั้งถูกโจมตีเมื่อปีที่แล้วก็ตาม
การวิจารณ์ดังกล่าวเปิดช่องให้ทีมหาเสียงของโอบามาตอบโตักลับ โดย สเตฟานี คัตเตอร์ ผู้ช่วยผู้จัดการทีมหาเสียง โจมตีรอมนีย์ว่าบกพร่องทางศีลธรรมจากการไปปรากฏตัวกับพวกสิบแปดมงกุฎอย่างทรัมป์ เพราะกังวลแต่เรื่องเงินทุนในการหาเสียง
อย่างไรก็ดี แอนเดรีย ซาอูล โฆษกหญิงของรอมนีย์ ได้ออกมาแก้ต่างว่า “รอมนีย์ย้ำมาตลอดว่า เชื่อว่าประธานาธิบดีโอบามาเกิดในสหรัฐฯ
“เดโมแครตจะพูดถึงทรัมป์อย่างไรก็ได้ แต่สำหรับมิตต์ รอมนีย์ เขาจะพูดเกี่ยวกับการสร้างงาน และเราจะผลักดันเศรษฐกิจให้เดินหน้าอีกครั้ง”
เนื่องจากรอมนีย์เป็นพวกนับถือลัทธิมอร์มอน ซึ่งถูกชาวคริสต์จำนวนมากมองว่าไม่ใช่คริสต์ศาสนิกชนผู้นับถือคัมภีร์ไบเบิลอย่างแท้จริง แถมยังเขาเคยสนับสนุนนโยบายแบบเสรีนิยมอยู่หลายเรื่อง ในสมัยที่เป็นผู้ว่าการมลรัฐแมสซาชูเซตส์ ดังนั้น ผู้นำทางศาสนาไม่น้อยยังคงเคลือบแคลงในจุดยืนด้านศรัทธาปสาทะของเขา รวมทั้งแนวทางอนุรักษนิยม เช่น ประเด็นการทำแท้ง แต่รอมนีย์หวังว่า คนอเมริกันจะมองเขาในฐานะนักแก้ปัญหาที่เน้นการปฏิบัติ และมีความน่าเชือถือทางธุรกิจช่วยรับประกันความสามารถในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ดีกว่าโอบามา
ปกติแล้วการเอาชนะประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งอยู่มักเป็นเรื่องยาก แถมรอมนีย์ยังถูกมองเป็นไก่รองบ่อน กระนั้น ในภาวะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยากลำบากในปัจจุบัน รอมนีย์จึงยังคงมีลุ้น
ดัชนีบ่งชี้ทั้งหมดระบุว่า อเมริกันชนกำลังจะพบการเลือกตั้งที่ไม่อาจคาดเดาผลได้ ซึ่งจะตัดสินด้วยผู้มีสิทธิ์ออกเสียงกลุ่มเล็กมากในมลรัฐที่เป็นสมรภูมิสำคัญอย่างโอไฮโอ ฟลอริดา และเวอร์จิเนีย
ในเวลาที่เหลืออยู่ 5 เดือนนี้ รอมนีย์ มีรายการสิ่งที่ต้องทำเพื่อดวลกับโอบามายาวเป็นหางว่าว ตั้งแต่การเลือกผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีไปจนถึงการระดมทุนนับร้อยล้านดอลลาร์เพื่อใช้ในการหาเสียง
นอกจากนี้ พรรครีพับลิกันที่ปกติแล้วได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเพศชายผิวขาวและอดีตทหารผ่านศึกนั้น ยังต้องทำงานหนักเพื่อโน้มน้าวกลุ่มผู้หญิงและคนเชื้อสายฮิสปานิก
ทั้งนี้ ผลสำรวจล่าสุดจากรีลเคลียร์โพลิติกส์ระบุว่า โอบามานำรอมนีย์เฉียดฉิวมากแค่ 45.6% ต่อ 43.6% เท่านั้น
กระนั้น หลักหมายแห่งชัยชนะของรอมนีย์คราวนี้ กลับถูกบดบังด้วยการรื้อฟื้นข้อกล่าวหาเกี่ยวกับชาติกำเนิดของโอบามา โดยฝีมือของ โดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีฝีปากกล้าเจ้าเก่า
“ไม่ว่าความท้าทายใดๆ ก็ตามที่รออยู่เบื้องหน้า เราจะฝ่าฟันไปให้ได้เพื่อเป้าหมายที่ไม่น้อยไปกว่าการทำให้อเมริกากลับคืนสู่ความมั่งคั่งและการจ้างงานอย่างเต็มที่” รอมนีย์ทวิตหลังได้ชัยชนะในเทกซัสเมื่อวันอังคาร (29) ซึ่งทำให้เขารวบรวมเสียงของตัวแทนที่จะไปเข้าร่วมการประชุมใหญ่ปลายเดือนสิงหาคมนี้ของพรรครีพับลิกันได้เกิน 1,144 เสียงแล้ว เป็นอันรับประกันได้แน่นอนสำหรับการได้เป็นตัวแทนพรรคในการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 6 พฤศจิกายน
รอมนีย์เอาชนะคู่แข่งคนสำคัญทั้ง นิวต์ กริงกริช และริก แซนทอรัม และไปถึงจุดหมายที่บิดาผู้ล่วงลับของเขา จอร์จ รอมนีย์ อดีตผู้ว่าการมลรัฐมิชิแกน เคยพลาดหวัง ในการเป็นตัวแทนพรรคลงสมัครชิงเก้าอี้ประมุขของอเมริกันชน
ทว่า ชัยชนะสำคัญของรอมนีย์กลับถูกบดบังจากการแทรกแซงของทรัมป์ นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คนดังที่เป็นพ่องานจัดการระดมทุนให้รอมนีย์ที่ลาสเวกัส
เกือบตลอดวันอังคารที่ผ่านมา ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ตอกย้ำว่า ยังติดใจว่าโอบามาเป็นพลเมืองอเมริกันที่เกิดในอเมริกาจริงหรือไม่ แม้ทำเนียบขาวได้นำสูติบัตรที่ระบุว่า ประธานาธิบดีเกิดที่ฮาวายออกมาแสดงตั้งแต่ครั้งถูกโจมตีเมื่อปีที่แล้วก็ตาม
การวิจารณ์ดังกล่าวเปิดช่องให้ทีมหาเสียงของโอบามาตอบโตักลับ โดย สเตฟานี คัตเตอร์ ผู้ช่วยผู้จัดการทีมหาเสียง โจมตีรอมนีย์ว่าบกพร่องทางศีลธรรมจากการไปปรากฏตัวกับพวกสิบแปดมงกุฎอย่างทรัมป์ เพราะกังวลแต่เรื่องเงินทุนในการหาเสียง
อย่างไรก็ดี แอนเดรีย ซาอูล โฆษกหญิงของรอมนีย์ ได้ออกมาแก้ต่างว่า “รอมนีย์ย้ำมาตลอดว่า เชื่อว่าประธานาธิบดีโอบามาเกิดในสหรัฐฯ
“เดโมแครตจะพูดถึงทรัมป์อย่างไรก็ได้ แต่สำหรับมิตต์ รอมนีย์ เขาจะพูดเกี่ยวกับการสร้างงาน และเราจะผลักดันเศรษฐกิจให้เดินหน้าอีกครั้ง”
เนื่องจากรอมนีย์เป็นพวกนับถือลัทธิมอร์มอน ซึ่งถูกชาวคริสต์จำนวนมากมองว่าไม่ใช่คริสต์ศาสนิกชนผู้นับถือคัมภีร์ไบเบิลอย่างแท้จริง แถมยังเขาเคยสนับสนุนนโยบายแบบเสรีนิยมอยู่หลายเรื่อง ในสมัยที่เป็นผู้ว่าการมลรัฐแมสซาชูเซตส์ ดังนั้น ผู้นำทางศาสนาไม่น้อยยังคงเคลือบแคลงในจุดยืนด้านศรัทธาปสาทะของเขา รวมทั้งแนวทางอนุรักษนิยม เช่น ประเด็นการทำแท้ง แต่รอมนีย์หวังว่า คนอเมริกันจะมองเขาในฐานะนักแก้ปัญหาที่เน้นการปฏิบัติ และมีความน่าเชือถือทางธุรกิจช่วยรับประกันความสามารถในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้ดีกว่าโอบามา
ปกติแล้วการเอาชนะประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งอยู่มักเป็นเรื่องยาก แถมรอมนีย์ยังถูกมองเป็นไก่รองบ่อน กระนั้น ในภาวะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างยากลำบากในปัจจุบัน รอมนีย์จึงยังคงมีลุ้น
ดัชนีบ่งชี้ทั้งหมดระบุว่า อเมริกันชนกำลังจะพบการเลือกตั้งที่ไม่อาจคาดเดาผลได้ ซึ่งจะตัดสินด้วยผู้มีสิทธิ์ออกเสียงกลุ่มเล็กมากในมลรัฐที่เป็นสมรภูมิสำคัญอย่างโอไฮโอ ฟลอริดา และเวอร์จิเนีย
ในเวลาที่เหลืออยู่ 5 เดือนนี้ รอมนีย์ มีรายการสิ่งที่ต้องทำเพื่อดวลกับโอบามายาวเป็นหางว่าว ตั้งแต่การเลือกผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีไปจนถึงการระดมทุนนับร้อยล้านดอลลาร์เพื่อใช้ในการหาเสียง
นอกจากนี้ พรรครีพับลิกันที่ปกติแล้วได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเพศชายผิวขาวและอดีตทหารผ่านศึกนั้น ยังต้องทำงานหนักเพื่อโน้มน้าวกลุ่มผู้หญิงและคนเชื้อสายฮิสปานิก
ทั้งนี้ ผลสำรวจล่าสุดจากรีลเคลียร์โพลิติกส์ระบุว่า โอบามานำรอมนีย์เฉียดฉิวมากแค่ 45.6% ต่อ 43.6% เท่านั้น