เอเอฟพี - จีน-ญี่ปุ่น ได้ฤกษ์วันที่ 1 เดือนหน้าประเดิมเทรดเงินระหว่างกันโดยตรง นับเป็นครั้งแรกที่ปักกิ่งยอมให้สกุลเงินหลักอื่นๆ นอกจากดอลลาร์ แลกเปลี่ยนกับเงินหยวน ซึ่งนับเป็นหมากตัวหนึ่งในแผนการระยะยาวเพื่อผลักดันสกุลเงินตราของตนเป็นสกุลเงินระดับโลกเทียบชั้นเงินตราสหรัฐฯ
สำนักข่าวดาวโจนส์ นิวส์ไวร์สและหนังสือพิมพ์ธุรกิจนิกเกอิ ของญี่ปุ่นรายงานเมื่อวันอังคาร (29) ด้วยว่า จีนจะกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนรายวันของหยวน-เยน โดยอิงกับการเสนอราคาของผู้ค้า โดยอนุญาตให้อัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวขึ้น-ลงได้ไม่เกิน 3% ของแถบช่วงที่กำหนด เทียบกับเพียง 1% สำหรับการเทรดหยวน-ดอลลาร์
ดาวโจนส์ระบุว่า เมื่อช่วงเช้าวันอังคาร ธนาคารกลางจีนระบุอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ 7.9480 หยวนต่อ 100 เยน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการเทรดในตลาดโตเกียวจะไม่มีการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนตายตัวแต่อย่างใด
เงินเยนนั้นแลกเปลี่ยนอย่างเสรีกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ในตลาดปริวรรตเงินตราทั่วโลก รวมถึงเงินตราอเมริกัน โดยช่วงบ่ายวันอังคารในตลาดเอเชียอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 79.50 เยนต่อดอลลาร์
จุน อาสึมิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น แถลงเมื่อวันอังคารว่า นับจากวันที่ 1 มิถุนายน จะมีการแลกเปลี่ยนเงินเยน-หยวนโดยตรงเต็มรูปแบบในตลาดของสองประเทศ
ขุนคลังแดนปลาดิบสำทับว่า การไม่ใช้ดอลลาร์เป็นตัวกลางจะช่วยลดต้นทุนการทำธุรกรรมและลดความเสี่ยงระหว่างการชำระดุลธุรกรรมของสถาบันการเงิน ตลอดจนถึงทำให้ได้ใช้ประโยชน์จากสกุลเงินของสองประเทศมากขึ้น
การประกาศนี้มีขึ้นขณะที่จีนเปิดตัวมาตรการหลายอย่าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายระยะยาวในการทำให้หยวนเป็นสกุลเงินสากลแข่งกับดอลลาร์
นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบมีการจัดการอย่างเคร่งครัดของจีน ส่งผลให้พญามังกรเกินดุลการค้าอเมริกามูลค่ามหาศาล และถูกวอชิงตันกล่าวหาว่าจงใจฉุดค่าเงินหยวนให้อ่อนเกินจริงเพื่อส่งเสริมการส่งออก จึงกลายเป็นต้นเหตุความบาดหมางระยะยาวระหว่างกัน
วันอังคาร ปักกิ่งกล่าวถึงการเทรดหยวน-เยนว่าเป็น “ขั้นตอนสำคัญ” ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างจีนกับญี่ปุ่นในการพัฒนาตลาดการเงิน และการส่งเสริมการค้าโดยตรงร่วมกันโดยใช้เงินตราสองสกุลและอิงกับหลักการของตลาด
จีนนั้นแซงญี่ปุ่นขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกในปี 2010 และขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านคู่นี้กำลังเดินหน้ากระชับสัมพันธ์ทางธุรกิจ แม้มีความขัดแย้งด้านการทูตบ่อยครั้งเรื่องการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนทับซ้อนกัน ตลอดจนความเป็นปรปักษ์ในอดีต
ปัจจุบันจีนเป็นประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ทว่า 60% ของมูลค่าการค้าระหว่างกันกลับซื้อขายด้วยดอลลาร์
เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ไฟเขียวจากปักกิ่งในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลจีนเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ จีนไม่อนุญาตให้นักลงทุนซื้อตราสารของตนอย่างเสรี แต่ต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อน
โตเกียวแจงว่า ได้รับอนุญาตให้ซื้อพันธบัตรจีนมูลค่า 65,000 ล้านหยวน (10,250 ล้านดอลลาร์) ซึ่งแม้ไม่มากมายนักในแง่ตัวเลข แต่ถือว่ามีนัยสำคัญอย่างมากในเชิงสัญลักษณ์
มหาอำนาจทางเศรษฐกิจคู่นี้ยังตกลงส่งเสริมการใช้สกุลเงินของกันและกันในการทำธุรกรรมทวิภาคี เช่น การลงทุนโดยตรงของต่างชาติ (เอฟดีไอ) ของบริษัทญี่ปุ่นในจีนโดยใช้เงินหยวน เพื่อลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
ขณะเดียวกัน ปีที่ผ่านมา เงินเยนแข็งค่าเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบดอลลาร์ กดดันผู้ส่งออกแดนอาทิตย์อุทัย และเจ้าหน้าที่กระทรวงคลังญี่ปุ่นประกาศเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราอีกครั้งเพื่อดึงค่าเงินเยนที่ถูกมองว่าเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยขณะที่ยูโรโซนเผชิญมรสุมจากวิกฤตหนี้ ให้อ่อนลง
สำนักข่าวดาวโจนส์ นิวส์ไวร์สและหนังสือพิมพ์ธุรกิจนิกเกอิ ของญี่ปุ่นรายงานเมื่อวันอังคาร (29) ด้วยว่า จีนจะกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนรายวันของหยวน-เยน โดยอิงกับการเสนอราคาของผู้ค้า โดยอนุญาตให้อัตราแลกเปลี่ยนเคลื่อนไหวขึ้น-ลงได้ไม่เกิน 3% ของแถบช่วงที่กำหนด เทียบกับเพียง 1% สำหรับการเทรดหยวน-ดอลลาร์
ดาวโจนส์ระบุว่า เมื่อช่วงเช้าวันอังคาร ธนาคารกลางจีนระบุอัตราแลกเปลี่ยนไว้ที่ 7.9480 หยวนต่อ 100 เยน
อย่างไรก็ตาม สำหรับการเทรดในตลาดโตเกียวจะไม่มีการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนตายตัวแต่อย่างใด
เงินเยนนั้นแลกเปลี่ยนอย่างเสรีกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ในตลาดปริวรรตเงินตราทั่วโลก รวมถึงเงินตราอเมริกัน โดยช่วงบ่ายวันอังคารในตลาดเอเชียอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 79.50 เยนต่อดอลลาร์
จุน อาสึมิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น แถลงเมื่อวันอังคารว่า นับจากวันที่ 1 มิถุนายน จะมีการแลกเปลี่ยนเงินเยน-หยวนโดยตรงเต็มรูปแบบในตลาดของสองประเทศ
ขุนคลังแดนปลาดิบสำทับว่า การไม่ใช้ดอลลาร์เป็นตัวกลางจะช่วยลดต้นทุนการทำธุรกรรมและลดความเสี่ยงระหว่างการชำระดุลธุรกรรมของสถาบันการเงิน ตลอดจนถึงทำให้ได้ใช้ประโยชน์จากสกุลเงินของสองประเทศมากขึ้น
การประกาศนี้มีขึ้นขณะที่จีนเปิดตัวมาตรการหลายอย่าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายระยะยาวในการทำให้หยวนเป็นสกุลเงินสากลแข่งกับดอลลาร์
นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบมีการจัดการอย่างเคร่งครัดของจีน ส่งผลให้พญามังกรเกินดุลการค้าอเมริกามูลค่ามหาศาล และถูกวอชิงตันกล่าวหาว่าจงใจฉุดค่าเงินหยวนให้อ่อนเกินจริงเพื่อส่งเสริมการส่งออก จึงกลายเป็นต้นเหตุความบาดหมางระยะยาวระหว่างกัน
วันอังคาร ปักกิ่งกล่าวถึงการเทรดหยวน-เยนว่าเป็น “ขั้นตอนสำคัญ” ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างจีนกับญี่ปุ่นในการพัฒนาตลาดการเงิน และการส่งเสริมการค้าโดยตรงร่วมกันโดยใช้เงินตราสองสกุลและอิงกับหลักการของตลาด
จีนนั้นแซงญี่ปุ่นขึ้นเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกในปี 2010 และขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านคู่นี้กำลังเดินหน้ากระชับสัมพันธ์ทางธุรกิจ แม้มีความขัดแย้งด้านการทูตบ่อยครั้งเรื่องการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนทับซ้อนกัน ตลอดจนความเป็นปรปักษ์ในอดีต
ปัจจุบันจีนเป็นประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ทว่า 60% ของมูลค่าการค้าระหว่างกันกลับซื้อขายด้วยดอลลาร์
เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ไฟเขียวจากปักกิ่งในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลจีนเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ จีนไม่อนุญาตให้นักลงทุนซื้อตราสารของตนอย่างเสรี แต่ต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ก่อน
โตเกียวแจงว่า ได้รับอนุญาตให้ซื้อพันธบัตรจีนมูลค่า 65,000 ล้านหยวน (10,250 ล้านดอลลาร์) ซึ่งแม้ไม่มากมายนักในแง่ตัวเลข แต่ถือว่ามีนัยสำคัญอย่างมากในเชิงสัญลักษณ์
มหาอำนาจทางเศรษฐกิจคู่นี้ยังตกลงส่งเสริมการใช้สกุลเงินของกันและกันในการทำธุรกรรมทวิภาคี เช่น การลงทุนโดยตรงของต่างชาติ (เอฟดีไอ) ของบริษัทญี่ปุ่นในจีนโดยใช้เงินหยวน เพื่อลดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน
ขณะเดียวกัน ปีที่ผ่านมา เงินเยนแข็งค่าเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบดอลลาร์ กดดันผู้ส่งออกแดนอาทิตย์อุทัย และเจ้าหน้าที่กระทรวงคลังญี่ปุ่นประกาศเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราอีกครั้งเพื่อดึงค่าเงินเยนที่ถูกมองว่าเป็นสกุลเงินที่ปลอดภัยขณะที่ยูโรโซนเผชิญมรสุมจากวิกฤตหนี้ ให้อ่อนลง