สอดแนมการเมือง
โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
น้ำมัน-ก๊าซ-เป็นทรัพยากรธรรมชาติมีค่าดุจ“ทองคำ” คนไทยต้องหวงแหนและใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด!
ประเทศที่เป็นเจ้าของแหล่งน้ำมันและก๊าซ อันมีค่า มักด้อยกำลังทหารที่จะคุ้มครองทรัพยากรของชาติตน อีกทั้งยังด้อยเทคโนโลยีในการนำน้ำมันและก๊าซขึ้นมาใช้เพื่อทำคุณประโยชน์หรือขายในราคาที่ยุติธรรม เพื่อนำเงินมาพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนในชาติ
ประเทศเจ้าของน้ำมันและก๊าซจึงถูกประเทศมหาอำนาจตะวันตกเอาเปรียบ ด้วยการจ่ายผลตอบแทนให้ต่ำมาก จนไม่คุ้มค่ากับการต้องสูญเสียน้ำมันและก๊าซที่กลุ่มพ่อค้าน้ำมันนำไปค้าขายมาโดยตลอด
ยังดีที่วันนี้-จีน-รัสเซีย-ญี่ปุ่น-เกาหลี มีความจำเป็นต้องใช้น้ำมันและก๊าซ ธรรมชาติเพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศเจ้าของแหล่งน้ำมัน มีช่องทางในการต่อรองซื้อ-ขายเพิ่มขึ้นโดยปริยาย
เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก ผู้นำประเทศเจ้าของแหล่งน้ำมัน ต้องแก้ปัญหาความเดือดร้อนทุกมิติภายในชาติของตน ทำให้หลายประเทศในลาตินอเมริกา ได้ประกาศซื้อหุ้น-ยึด-แหล่งน้ำมันและก๊าซ คืนจากบริษัทลงทุนของต่างชาติกลับสู่รัฐหลายแห่ง
งานนี้..เล่นเอามหาอำนาจตะวันตก ที่ร่ำรวยกับการซื้อ-ขายน้ำมันและก๊าซ ตกใจกันใหญ่
ประเทศเวเนซุเอลา เป็นสังคมเกษตรกรรม มาพบน้ำมันในสมัยประธานาธิบดี คาร์ลอส อันเดรส เปเรซ จากชาติเกษตรกรรมจึงกลายเป็นอุตสาหกรรม ผู้คนเปลี่ยนเป็นคนงานตามโรงงานเหล่านั้น
จน..ผัก-ผลไม้-หมู-เป็ด-ไก่และผลิตภัณฑ์การเกษตรทุกชนิด ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศทั้งหมด ทั้งๆที่เวเนซุเอลามีที่ดินมากกว่าเมืองไทยเกือบ 2 เท่า อดีตมูลค่าเกษตรกรรมในจีดีพีมีมากกว่า 60% เดี๋ยวนี้เหลือแค่ 6% เท่านั้น
เวเนซุเอลา-เจ๊งเพราะอดีตประธานาธิบดี“เปเรซ” ที่บ้าทุนนิยมและไม่มองโครงสร้างของประเทศตัวเอง เขานำนโยบายประชานิยมเข้ามาใช้เป็นครั้งแรก ทำให้ประชาชนคนส่วนใหญ่คอยว่า เมื่อไหร่รัฐบาลจะเอาอาหารและเงินมาแจกจ่าย
เมื่อ“เปเรซ”เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เขาต้องกู้เงินจากธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟ จึงถูกสั่งให้ต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่..จนตกไปเป็นของต่างชาติ ทำให้ค่าครองชีพทุกด้านแพงหูฉี่ คนจนทนไม่ไหวจนเกิดการชุมนุมประท้วง เพียง 5 วัน..ก็มีคนตายไปกว่า 2,000 คน บาดเจ็บสาหัสหลายพันคน
หลัง”ฮูโก ชาเวซ” ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ในปี 1988 ชาเวซได้ยึดกิจการต่างชาติหลายประเภทเข้ารัฐ ไม่ว่าจะเป็นการโทรคมนาคมและการไฟฟ้า รวมทั้งรัฐบาลเวเนซุเอลาได้เข้าถือหุ้นใหญ่การผลิตน้ำมันโดยเฉพาะในเขต”โอริโนโก”ที่ผลิตน้ำมันดิบได้ถึง 600,000 บาร์เรลต่อวัน
“ชาเวซ”จึงได้รับความนิยมจากกลุ่มคนจนมากเป็นประวัติการณ์ เพราะเงินที่ได้จากการยึดแหล่งน้ำมันกลับคืนมานั้น ชาเวซมิได้นำไปเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว เพราะเงินทั้งหมดถูกนำไปใช้ในการปฏิรูปสังคมเวเนซุเอลานั่นเอง
ประเทศโบลิเวีย เอโบ โมราเลส เป็นประธานาธิปดี เมื่อปี ค.ศ. 2006 จากนั้นไม่กี่เดือน เขาก็ยึดกิจการน้ำมันและก๊าซของต่างชาติกลับมาเป็นของรัฐ สวนทางกับประเทศที่มุ่งโอนกิจการของชาติ เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้กลุ่มทุนนิยมสามานย์ไม่กี่คน ฮุบธุรกิจเหล่านั้นด้วยคำเท่ๆว่า..โลกาภิวัตน์
โมราเรส-ระบุถึงเหตุผลความยากจนของชาวโบลิเวียว่า “เป็นผลมาจากการเอาเปรียบ การฉกฉวยผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ที่โบลิเวียมีอยู่ใต้ผืนมาตุภูมิของตนเอง ของบรรดาบริษัทต่างชาติตะวันตกที่เข้ามาในประเทศนี้”
โมราเลสถือว่าเป็น"การปล้นสะดม"ประชาชนโบลิเวีย เขาจึงแก้ปัญหาด้วยการส่งกำลังทหาร เข้ายึดโรงกลั่น-โรงแปรรูป-หลุมขุดเจาะน้ำมัน รวมทั้งสิ้น 56 จุดทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2006 มาเป็นทรัพย์สินของรัฐและประชาชนโบลิเวีย
โมราเรสได้เปิดการเจรจาและทำสัญญาใหม่ โดยให้บริษัทต่างชาติถือหลัก"การเคารพในเกียรติภูมิของชาวโบลิเวีย" ด้วยการจ่ายผลตอบแทนจากการใช้ประโยชน์ทรัพยากร ให้ประชาชนเจ้าของประเทศอย่างเหมาะสมและยุติธรรม
ประเทศอาร์เจนตินา ประธานาธิบดี“คริสตินา เฟอร์นันเดซ เดอ เคิร์ชเนอร์” ที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2012 ได้ประกาศยึดกิจการของ YPF หรือบริษัทน้ำมันอันดับ 1 ในอาร์เจนตินาที่เป็นของสเปน ที่เข้าถือครองธุรกิจนี้ผ่านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ..กลับคืนสู่รัฐอีกครั้ง
งานนี้..ชาวอาร์เจนตินาทั้งประเทศได้พร้อมใจกันสนับสนุน ให้รัฐบาลของตนยึดสิ่งที่ไม่ใช่แค่ธุรกิจ หากแต่เป็นการยึด“ความมั่นคงของชาติอาร์เจนตินา”กลับคืนมานั่นเอง
แม้จะถูกค้านอย่างหนัก แต่รัฐบาลอาร์เจนตินายังคงยืนยันความชอบธรรม โดยชี้ให้เห็นว่า
YPF ได้ผลิตน้ำมันลดลง จนปี 2011 รัฐบาลอาเจนตินาต้องสั่งนำเข้า น้ำมันและก๊าซฯเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เพื่อให้เพียงพอกับการใช้ในประเทศ และคาดว่าต้องนำเข้าเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัวภายในปลายปีนี้อีกด้วย
การต้องนำเข้าพลังงานจึงเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ตัวเลขการค้าของอาร์เจนตินา เกินดุลลดลงถึง 11% เมื่อปีที่แล้วอีกด้วย เพราะน้ำมันและก๊าซฯถือเป็นสินค้าหลัก ที่สร้างรายได้เพียงหนึ่งเดียวของประเทศ นับตั้งแต่อาร์เจนตินาตกอยู่ในสภาวะล้มละลาย จากการผิดนัดชำระหนี้..เมื่อปี 2001
เหลือเชื่อ..เจ้าของแหล่งน้ำมันส่งออกอันดับ 27 ของโลก แต่ประชาชนกลับขาดแคลนน้ำมันใช้กันอย่างเพียงพอ ทั้งยังต้องซื้อน้ำมันราคาแพงจากต่างประเทศมาใช้..เฮ้อ..เหมือนเมืองไทยเลยเนอะ
ชั่วช้าสามานย์แบบนี้แหละ..ที่ทำให้ผู้นำอาเจนตินา จำต้องยึดกิจการคืนจากมหาเศรษฐีน้ำมันตะวันตก ที่โลภมากชนิดไม่รู้จักคำว่าพอ..กลับคืนสู่รัฐ!
รายงานจากบริษัทที่ปรึกษาความมั่นคงทางพลังงาน “พีเอฟซี เอ็นเนอจี”พบว่า ในบรรดาประเทศที่มีน้ำมันและก๊าซฯทั่วโลกนั้น มีเพียง 7% เท่านั้น ที่ยอมปล่อยให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนได้อย่างเสรี
ขณะที่กิจการน้ำมันทั่วโลกถึง 65% ล้วนอยู่ในรูปแบบบริษัทหรือกิจการของรัฐทั้งสิ้น โดยแทบจะไม่มีการปล่อยให้ต่างชาติ เข้ามาลงทุนในทรัพยากรพลังงานธรรมชาติ และยังมีแนวโน้มที่อีกหลายประเทศ อาทิ เม็กซิโก อิหร่าน อิรัก คูเวต และรัสเซีย จะจำกัดการลงทุนของต่างชาติอีกด้วย
เห็นไหมว่า..หากชาติใดในโลก โชคดีมีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซ ทุกชาติจะหวงแหนและจะใช้มันอย่างคุ้มค่า จะไม่ยอมให้ต่างชาติมาเอาเปรียบ จะไม่ยอมให้คนในชาติเดือดร้อน เพราะน้ำมันและก๊าซ เป็นต้นทุนสำคัญ ทั้งการขนส่ง-การคมนาคม-การไฟฟ้า-การผลิตอีกสารพัด ฯลฯ
น้ำมันและก๊าซ จึงเป็นทรัพยากรสำคัญยิ่ง ที่เกี่ยวพันกับความมั่นคงและไม่มั่นคงของทุกชาติ!
สำหรับชาติไทย..ที่นักการเมืองชั่วโดยส่วนใหญ่ อีกทั้งผู้นำชาติก็ไร้สมอง และไม่รักชาติและประชาชนคนไทยด้วยใจจริง ร่วมกับอดีตผู้นำชาติขี้โกงและหนีคุกคนหนึ่ง ที่แอบมีผลประโยชน์ในเรื่องน้ำมันและก๊าซ ได้กระทำตน“เป็นไส้ศึก”ให้บริษัทน้ำมันต่างชาติ จับมือกับบริษัทน้ำมันปตท.ของไทย ที่เกิดขึ้นจากเงินภาษีของคนไทยทั้งชาติ ทำการ“ปล้นเงิน”คนไทยทั้งชาติอย่างเลือดเย็นมานานแล้ว
แหม..เลยเข้าสูตร“ปตท.ทรราชน้ำมัน”บน“น้ำตาคนไทย” ซึ่งต้องอ่านในตอนต่อไปครับ!
โดย : ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย
น้ำมัน-ก๊าซ-เป็นทรัพยากรธรรมชาติมีค่าดุจ“ทองคำ” คนไทยต้องหวงแหนและใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด!
ประเทศที่เป็นเจ้าของแหล่งน้ำมันและก๊าซ อันมีค่า มักด้อยกำลังทหารที่จะคุ้มครองทรัพยากรของชาติตน อีกทั้งยังด้อยเทคโนโลยีในการนำน้ำมันและก๊าซขึ้นมาใช้เพื่อทำคุณประโยชน์หรือขายในราคาที่ยุติธรรม เพื่อนำเงินมาพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนในชาติ
ประเทศเจ้าของน้ำมันและก๊าซจึงถูกประเทศมหาอำนาจตะวันตกเอาเปรียบ ด้วยการจ่ายผลตอบแทนให้ต่ำมาก จนไม่คุ้มค่ากับการต้องสูญเสียน้ำมันและก๊าซที่กลุ่มพ่อค้าน้ำมันนำไปค้าขายมาโดยตลอด
ยังดีที่วันนี้-จีน-รัสเซีย-ญี่ปุ่น-เกาหลี มีความจำเป็นต้องใช้น้ำมันและก๊าซ ธรรมชาติเพิ่มขึ้น ทำให้ประเทศเจ้าของแหล่งน้ำมัน มีช่องทางในการต่อรองซื้อ-ขายเพิ่มขึ้นโดยปริยาย
เมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก ผู้นำประเทศเจ้าของแหล่งน้ำมัน ต้องแก้ปัญหาความเดือดร้อนทุกมิติภายในชาติของตน ทำให้หลายประเทศในลาตินอเมริกา ได้ประกาศซื้อหุ้น-ยึด-แหล่งน้ำมันและก๊าซ คืนจากบริษัทลงทุนของต่างชาติกลับสู่รัฐหลายแห่ง
งานนี้..เล่นเอามหาอำนาจตะวันตก ที่ร่ำรวยกับการซื้อ-ขายน้ำมันและก๊าซ ตกใจกันใหญ่
ประเทศเวเนซุเอลา เป็นสังคมเกษตรกรรม มาพบน้ำมันในสมัยประธานาธิบดี คาร์ลอส อันเดรส เปเรซ จากชาติเกษตรกรรมจึงกลายเป็นอุตสาหกรรม ผู้คนเปลี่ยนเป็นคนงานตามโรงงานเหล่านั้น
จน..ผัก-ผลไม้-หมู-เป็ด-ไก่และผลิตภัณฑ์การเกษตรทุกชนิด ต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศทั้งหมด ทั้งๆที่เวเนซุเอลามีที่ดินมากกว่าเมืองไทยเกือบ 2 เท่า อดีตมูลค่าเกษตรกรรมในจีดีพีมีมากกว่า 60% เดี๋ยวนี้เหลือแค่ 6% เท่านั้น
เวเนซุเอลา-เจ๊งเพราะอดีตประธานาธิบดี“เปเรซ” ที่บ้าทุนนิยมและไม่มองโครงสร้างของประเทศตัวเอง เขานำนโยบายประชานิยมเข้ามาใช้เป็นครั้งแรก ทำให้ประชาชนคนส่วนใหญ่คอยว่า เมื่อไหร่รัฐบาลจะเอาอาหารและเงินมาแจกจ่าย
เมื่อ“เปเรซ”เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เขาต้องกู้เงินจากธนาคารโลกและไอเอ็มเอฟ จึงถูกสั่งให้ต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจส่วนใหญ่..จนตกไปเป็นของต่างชาติ ทำให้ค่าครองชีพทุกด้านแพงหูฉี่ คนจนทนไม่ไหวจนเกิดการชุมนุมประท้วง เพียง 5 วัน..ก็มีคนตายไปกว่า 2,000 คน บาดเจ็บสาหัสหลายพันคน
หลัง”ฮูโก ชาเวซ” ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ในปี 1988 ชาเวซได้ยึดกิจการต่างชาติหลายประเภทเข้ารัฐ ไม่ว่าจะเป็นการโทรคมนาคมและการไฟฟ้า รวมทั้งรัฐบาลเวเนซุเอลาได้เข้าถือหุ้นใหญ่การผลิตน้ำมันโดยเฉพาะในเขต”โอริโนโก”ที่ผลิตน้ำมันดิบได้ถึง 600,000 บาร์เรลต่อวัน
“ชาเวซ”จึงได้รับความนิยมจากกลุ่มคนจนมากเป็นประวัติการณ์ เพราะเงินที่ได้จากการยึดแหล่งน้ำมันกลับคืนมานั้น ชาเวซมิได้นำไปเป็นผลประโยชน์ส่วนตัว เพราะเงินทั้งหมดถูกนำไปใช้ในการปฏิรูปสังคมเวเนซุเอลานั่นเอง
ประเทศโบลิเวีย เอโบ โมราเลส เป็นประธานาธิปดี เมื่อปี ค.ศ. 2006 จากนั้นไม่กี่เดือน เขาก็ยึดกิจการน้ำมันและก๊าซของต่างชาติกลับมาเป็นของรัฐ สวนทางกับประเทศที่มุ่งโอนกิจการของชาติ เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้กลุ่มทุนนิยมสามานย์ไม่กี่คน ฮุบธุรกิจเหล่านั้นด้วยคำเท่ๆว่า..โลกาภิวัตน์
โมราเรส-ระบุถึงเหตุผลความยากจนของชาวโบลิเวียว่า “เป็นผลมาจากการเอาเปรียบ การฉกฉวยผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ที่โบลิเวียมีอยู่ใต้ผืนมาตุภูมิของตนเอง ของบรรดาบริษัทต่างชาติตะวันตกที่เข้ามาในประเทศนี้”
โมราเลสถือว่าเป็น"การปล้นสะดม"ประชาชนโบลิเวีย เขาจึงแก้ปัญหาด้วยการส่งกำลังทหาร เข้ายึดโรงกลั่น-โรงแปรรูป-หลุมขุดเจาะน้ำมัน รวมทั้งสิ้น 56 จุดทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2006 มาเป็นทรัพย์สินของรัฐและประชาชนโบลิเวีย
โมราเรสได้เปิดการเจรจาและทำสัญญาใหม่ โดยให้บริษัทต่างชาติถือหลัก"การเคารพในเกียรติภูมิของชาวโบลิเวีย" ด้วยการจ่ายผลตอบแทนจากการใช้ประโยชน์ทรัพยากร ให้ประชาชนเจ้าของประเทศอย่างเหมาะสมและยุติธรรม
ประเทศอาร์เจนตินา ประธานาธิบดี“คริสตินา เฟอร์นันเดซ เดอ เคิร์ชเนอร์” ที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2012 ได้ประกาศยึดกิจการของ YPF หรือบริษัทน้ำมันอันดับ 1 ในอาร์เจนตินาที่เป็นของสเปน ที่เข้าถือครองธุรกิจนี้ผ่านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ..กลับคืนสู่รัฐอีกครั้ง
งานนี้..ชาวอาร์เจนตินาทั้งประเทศได้พร้อมใจกันสนับสนุน ให้รัฐบาลของตนยึดสิ่งที่ไม่ใช่แค่ธุรกิจ หากแต่เป็นการยึด“ความมั่นคงของชาติอาร์เจนตินา”กลับคืนมานั่นเอง
แม้จะถูกค้านอย่างหนัก แต่รัฐบาลอาร์เจนตินายังคงยืนยันความชอบธรรม โดยชี้ให้เห็นว่า
YPF ได้ผลิตน้ำมันลดลง จนปี 2011 รัฐบาลอาเจนตินาต้องสั่งนำเข้า น้ำมันและก๊าซฯเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เพื่อให้เพียงพอกับการใช้ในประเทศ และคาดว่าต้องนำเข้าเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัวภายในปลายปีนี้อีกด้วย
การต้องนำเข้าพลังงานจึงเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ตัวเลขการค้าของอาร์เจนตินา เกินดุลลดลงถึง 11% เมื่อปีที่แล้วอีกด้วย เพราะน้ำมันและก๊าซฯถือเป็นสินค้าหลัก ที่สร้างรายได้เพียงหนึ่งเดียวของประเทศ นับตั้งแต่อาร์เจนตินาตกอยู่ในสภาวะล้มละลาย จากการผิดนัดชำระหนี้..เมื่อปี 2001
เหลือเชื่อ..เจ้าของแหล่งน้ำมันส่งออกอันดับ 27 ของโลก แต่ประชาชนกลับขาดแคลนน้ำมันใช้กันอย่างเพียงพอ ทั้งยังต้องซื้อน้ำมันราคาแพงจากต่างประเทศมาใช้..เฮ้อ..เหมือนเมืองไทยเลยเนอะ
ชั่วช้าสามานย์แบบนี้แหละ..ที่ทำให้ผู้นำอาเจนตินา จำต้องยึดกิจการคืนจากมหาเศรษฐีน้ำมันตะวันตก ที่โลภมากชนิดไม่รู้จักคำว่าพอ..กลับคืนสู่รัฐ!
รายงานจากบริษัทที่ปรึกษาความมั่นคงทางพลังงาน “พีเอฟซี เอ็นเนอจี”พบว่า ในบรรดาประเทศที่มีน้ำมันและก๊าซฯทั่วโลกนั้น มีเพียง 7% เท่านั้น ที่ยอมปล่อยให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนได้อย่างเสรี
ขณะที่กิจการน้ำมันทั่วโลกถึง 65% ล้วนอยู่ในรูปแบบบริษัทหรือกิจการของรัฐทั้งสิ้น โดยแทบจะไม่มีการปล่อยให้ต่างชาติ เข้ามาลงทุนในทรัพยากรพลังงานธรรมชาติ และยังมีแนวโน้มที่อีกหลายประเทศ อาทิ เม็กซิโก อิหร่าน อิรัก คูเวต และรัสเซีย จะจำกัดการลงทุนของต่างชาติอีกด้วย
เห็นไหมว่า..หากชาติใดในโลก โชคดีมีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซ ทุกชาติจะหวงแหนและจะใช้มันอย่างคุ้มค่า จะไม่ยอมให้ต่างชาติมาเอาเปรียบ จะไม่ยอมให้คนในชาติเดือดร้อน เพราะน้ำมันและก๊าซ เป็นต้นทุนสำคัญ ทั้งการขนส่ง-การคมนาคม-การไฟฟ้า-การผลิตอีกสารพัด ฯลฯ
น้ำมันและก๊าซ จึงเป็นทรัพยากรสำคัญยิ่ง ที่เกี่ยวพันกับความมั่นคงและไม่มั่นคงของทุกชาติ!
สำหรับชาติไทย..ที่นักการเมืองชั่วโดยส่วนใหญ่ อีกทั้งผู้นำชาติก็ไร้สมอง และไม่รักชาติและประชาชนคนไทยด้วยใจจริง ร่วมกับอดีตผู้นำชาติขี้โกงและหนีคุกคนหนึ่ง ที่แอบมีผลประโยชน์ในเรื่องน้ำมันและก๊าซ ได้กระทำตน“เป็นไส้ศึก”ให้บริษัทน้ำมันต่างชาติ จับมือกับบริษัทน้ำมันปตท.ของไทย ที่เกิดขึ้นจากเงินภาษีของคนไทยทั้งชาติ ทำการ“ปล้นเงิน”คนไทยทั้งชาติอย่างเลือดเย็นมานานแล้ว
แหม..เลยเข้าสูตร“ปตท.ทรราชน้ำมัน”บน“น้ำตาคนไทย” ซึ่งต้องอ่านในตอนต่อไปครับ!