00 ยังบ้าไม่เลิกสำหรับพวกลิ่วล้อเพื่อไทย ลิ่วล้อแม้ว ที่แย่งกันออกมาทำแต้ม เถียงแบบโง่ๆ ยั่วโมโหชาวบ้านว่า “ของไม่แพง” บางคนก็ไม่อยากเอ่ยชื่อให้เป็น “เสนียดปาก” แทนที่จะยอมรับความจริง แล้วเอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหา แต่นี่ยิ่งพูดมากเท่าไร มันก็ยิ่งติดลบ สร้างอารมณ์โกรธมากขึ้น เพราะของอย่างนี้มันพิสูจน์กันได้ ตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้านว่าทุกอย่างแพงจริง ไม่ว่าค่ารถสองแถวในซอย รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ค่าเรือ สารพัดมันแพงขึ้นหมด ไม่ใช่เฉพาะแค่ถั่วฝักยาว หรือผักคะน้า ที่เถียงกันไม่เลิก ทั้งที่ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นที่เพิ่มขึ้นทุกตัว แล้วอย่างนี้ยังคิดว่าไม่แพง หรือเป็นแค่วาทกรรม อีกหรือ
00 ก็ขอยืนกระต่ายขาเดียวว่า “ไม่แพงๆๆ” กันต่อไปแล้วกัน ถ้าคิดว่าจะหลอกต้ม ปิดหูปิดตาชาวบ้านได้ตลอดไป เพราะเรื่องแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ทำลายความศรัทธาลงไปอย่างรวดเร็ว และที่สำคัญงานนี้มันกระทบไปถึงเครดิตของ ทักษิณ ชินวัตร ที่อุตส่าห์สร้างภาพโฆษณาชวนเชื่อ หลอกต้มชาวบ้านว่า ตัวเองเก่งกาจ “เสกเงินเพิ่ม” ในกระเป๋าได้ พอมาเจอของจริงที่อยู่ในช่วงที่เกิดวิกฤติศก. ภายนอก ภายใน มันก็ไปไม่เป็น และคราวนี้จะไปอ้างโน่น อ้างนี่มากก็ไม่ได้ เพราะปัจจัยทุกอย่างอยู่ในมือเบ็ดเสร็จ ทั้งเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภา ไม่มีม็อบมาตามป่วนให้รำคาญใจ มีข้าราชการที่พร้อมเป็นทาสรับใช้สุดหัวใจ แต่เมื่อผลออกมา “ห่วยแตก” ก็สมควรไป “ลงนรก” กันทั้งก๊วนเถอะ
00 ข่าวล่าสุดที่ออกมาจากคณะกรรมการ คอป. ที่มี คณิต ณ นคร เป็นประธาน ได้จัดเสวนาเมื่อวันก่อน และมีคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงทางการเมือง โดยเปรียบกับต่างประเทศ ที่เคยเกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกัน มีการเปรียบเทียบข้อมูลสารพัด ทั้งรายได้ต่อวัน แล้วนำมาคูณเป็นเดือน เป็นปี เอาเป็นว่าโดยสรุปก็คือ หากเสียชีวิตจะได้รับเงินจำนวน 3,240,000 บาท เปลี่ยนไปจากเดิมที่ ครม. เคยอนุมัติไว้ที่ 7.7 ล้านบาท แม้ว่านี่ไม่ใช่บทสรุป แต่ก็ถือว่าเป็นเค้าลางแห่งการ “ต้มแดง” กันอีกรอบ ไม่รู้ว่า “ธิดา ถาวรเศรษฐ์” หัวโจกแดง จะกรี๊ดหรือเปล่า อย่างไรก็ดี แม้ว่าตัวเลขจะลดลงมา แต่ก็ยังถือว่ามากโขอยู่
00 ตื่นตัวกันพอสมควร สำหรับพรรคเพื่อไทย หลังเริ่มเข้าสู่ภาวะ “ขาลง” ทีละน้อย อันเนื่องจากความจริงประจานความ “ห่วยแตก” ที่เคยซ่อนเอาไว้ออกมาให้ชาวบ้านได้เห็นมากขึ้น ก็เริ่มมีการโละ “ประธานภาค” แล้วเปลี่ยนใหม่เป็น “หัวหน้าพื้นที่” และแบ่งกันคุมพื้นที่เลือกตั้ง 19 โซนทั่วประเทศ ที่น่าสนใจก็คือ พื้นที่กทม.ที่นาทีนี้ “เหลิม บางบอน” ในยุค ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลัง “ขึ้นหม้อ” เมื่อเทียบกับ “ดาราตกกระป๋อง” อย่าง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ โดยได้คุมโซนฝั่งธนฯ เต็มที่ ส่วนในกรุงเทพฯ ก็แบ่งกันไประหว่างพื้นที่ชั้นใน และตะวันออก โดยมอบหมายให้ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ดูแลตามลำดับ แม้ว่ารายหลังในอดีตเคยเป็นลูกน้อง “เจ๊หน่อย” มาก่อน แต่นาทีนี้ถือว่า “มีพลังในตัวเอง” มากพอควร ไม่เห็นต้องพึ่งพาใครแล้ว ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งนี่คือการกระชับอำนาจเป็นการภายในเร่งด่วนของ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค เพื่อกันท่าพวกบ้านเลขที่ 111 ที่กำลังจะพ้นโทษออกมาในปลายเดือนนี้ ดูตามรูปการณ์แล้ว น่าสนุกไม่เบา !!
00 ก็ขอยืนกระต่ายขาเดียวว่า “ไม่แพงๆๆ” กันต่อไปแล้วกัน ถ้าคิดว่าจะหลอกต้ม ปิดหูปิดตาชาวบ้านได้ตลอดไป เพราะเรื่องแบบนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ทำลายความศรัทธาลงไปอย่างรวดเร็ว และที่สำคัญงานนี้มันกระทบไปถึงเครดิตของ ทักษิณ ชินวัตร ที่อุตส่าห์สร้างภาพโฆษณาชวนเชื่อ หลอกต้มชาวบ้านว่า ตัวเองเก่งกาจ “เสกเงินเพิ่ม” ในกระเป๋าได้ พอมาเจอของจริงที่อยู่ในช่วงที่เกิดวิกฤติศก. ภายนอก ภายใน มันก็ไปไม่เป็น และคราวนี้จะไปอ้างโน่น อ้างนี่มากก็ไม่ได้ เพราะปัจจัยทุกอย่างอยู่ในมือเบ็ดเสร็จ ทั้งเสียงข้างมากเด็ดขาดในสภา ไม่มีม็อบมาตามป่วนให้รำคาญใจ มีข้าราชการที่พร้อมเป็นทาสรับใช้สุดหัวใจ แต่เมื่อผลออกมา “ห่วยแตก” ก็สมควรไป “ลงนรก” กันทั้งก๊วนเถอะ
00 ข่าวล่าสุดที่ออกมาจากคณะกรรมการ คอป. ที่มี คณิต ณ นคร เป็นประธาน ได้จัดเสวนาเมื่อวันก่อน และมีคณะอนุกรรมการกำหนดหลักเกณฑ์เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงทางการเมือง โดยเปรียบกับต่างประเทศ ที่เคยเกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกัน มีการเปรียบเทียบข้อมูลสารพัด ทั้งรายได้ต่อวัน แล้วนำมาคูณเป็นเดือน เป็นปี เอาเป็นว่าโดยสรุปก็คือ หากเสียชีวิตจะได้รับเงินจำนวน 3,240,000 บาท เปลี่ยนไปจากเดิมที่ ครม. เคยอนุมัติไว้ที่ 7.7 ล้านบาท แม้ว่านี่ไม่ใช่บทสรุป แต่ก็ถือว่าเป็นเค้าลางแห่งการ “ต้มแดง” กันอีกรอบ ไม่รู้ว่า “ธิดา ถาวรเศรษฐ์” หัวโจกแดง จะกรี๊ดหรือเปล่า อย่างไรก็ดี แม้ว่าตัวเลขจะลดลงมา แต่ก็ยังถือว่ามากโขอยู่
00 ตื่นตัวกันพอสมควร สำหรับพรรคเพื่อไทย หลังเริ่มเข้าสู่ภาวะ “ขาลง” ทีละน้อย อันเนื่องจากความจริงประจานความ “ห่วยแตก” ที่เคยซ่อนเอาไว้ออกมาให้ชาวบ้านได้เห็นมากขึ้น ก็เริ่มมีการโละ “ประธานภาค” แล้วเปลี่ยนใหม่เป็น “หัวหน้าพื้นที่” และแบ่งกันคุมพื้นที่เลือกตั้ง 19 โซนทั่วประเทศ ที่น่าสนใจก็คือ พื้นที่กทม.ที่นาทีนี้ “เหลิม บางบอน” ในยุค ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลัง “ขึ้นหม้อ” เมื่อเทียบกับ “ดาราตกกระป๋อง” อย่าง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ โดยได้คุมโซนฝั่งธนฯ เต็มที่ ส่วนในกรุงเทพฯ ก็แบ่งกันไประหว่างพื้นที่ชั้นใน และตะวันออก โดยมอบหมายให้ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ดูแลตามลำดับ แม้ว่ารายหลังในอดีตเคยเป็นลูกน้อง “เจ๊หน่อย” มาก่อน แต่นาทีนี้ถือว่า “มีพลังในตัวเอง” มากพอควร ไม่เห็นต้องพึ่งพาใครแล้ว ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งนี่คือการกระชับอำนาจเป็นการภายในเร่งด่วนของ ยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรค เพื่อกันท่าพวกบ้านเลขที่ 111 ที่กำลังจะพ้นโทษออกมาในปลายเดือนนี้ ดูตามรูปการณ์แล้ว น่าสนุกไม่เบา !!