เอเอฟพี – เกิดเหตุเครื่องบินโดยสารตกใกล้สนามบินซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่สูงและล่อแหลมทางเหนือของเนปาล ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน แต่อีก 6 คนรอดปาฏิหาริย์ คาดอุบัติเหตุครั้งนี้จะทำให้ทางการเพิ่มมาตรการตรวจสอบสายการบินขนาดเล็กที่มีอยู่มากมายให้เข้มงวดขึ้น
เครื่องบินขนาดเล็กดังกล่าวที่เป็นของสายการบินท้องถิ่นชื่อว่า อัคนี แอร์ ตกใกล้สนามบินจอมสอม ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าออกเทือกเขาอันนาปุรณะ เมื่อวันจันทร์ (14) หลังจากนักบินรายงานเหตุขัดข้องไม่นาน
ไบนด ซิงห์ โฆษกสำนักงานตำรวจเนปาลเผยว่า อุบัติเหตุครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 15 คน โดย 13 คนเป็นนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย อีก 2 คนเป็นนักบินเนปาล และมีผู้รอดชีวิต 6 คน เป็นแอร์โฮสเตสเนปาล 1 คน, เด็กอินเดีย 2 คน, คู่สามี-ภรรยาชาวเดนมาร์ก และชายอินเดียอีกคนที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ
เครื่องบินลำดังกล่าวถูกเช่าเหมาลำโดยกลุ่มผู้แสวงบุญชาวอินเดีย ให้บินจากเมืองโพคารา ที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว ไปยัง วัดมุกตินาท สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวฮินดูและชาวพุทธ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาของช่องเขา โธรอง ลา หิมาลัย
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกยังไม่เป็นที่ชัดเจน กระนั้น พิมเลศ ลัล การณา หัวหน้าหน่วยกู้ภัยแห่งชาติของเนปาล เผยว่า นักบินรายงานว่ามีไฟสัญญาณเตือนกะพริบในห้องนักบินขณะเตรียมตัวลงจอดที่จอมสอม นักบินจึงพยายามหันหัวกลับไปยังโพคาราและดูเหมือนเป็นตอนนั้นเองที่เครื่องบินเสียศูนย์
อุบัติเหตุครั้งนี้นับเป็นโศกนาฏกรรมการบินที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตครั้งที่ 2 ของอัคนี แอร์ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปี
ครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2010 เมื่อเครื่องบินลำหนึ่งของสายการบินนี้ตกเนื่องจากสภาพอากาศย่ำแย่ ที่บริเวณใกล้กับเมืองหลวงกาฐมาณฑุ ส่งผลให้ผู้โดยสารและนักบินทั้งหมด 14 คนเสียชีวิต ในจำนวนนี้รวมถึงชาวอเมริกัน 4 คน, ญี่ปุ่น 1 คน และอังกฤษ 1 คน
ทางด้านนายกรัฐมนตรี บาบูลาม ภัทราไรของเนปาล ออกคำแถลงแสดงความเสียใจต่อโศกนาฏกรรมล่าสุด ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตอินเดียได้จัดตั้งศูนย์ฮอตไลน์ให้ข้อมูลสำหรับญาติของผู้โดยสาร
คาดหมายกันว่า เหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งล่าสุดในเนปาลซึ่งนับเป็นครั้งที่ 5 ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปี จะทำให้มีการใช้มาตรการตรวจสอบอย่างละเอียดสำหรับสายการบินขนาดเล็กที่มีมากมายหลายแห่ง และมุ่งให้บริการสู่พื้นที่ห่างไกลภายในประเทศ
ขณะเดียวกัน สนามบินจอมสอมที่อยู่บนเขาสูง 2,707 เมตรนั้น ได้ชื่อว่าเป็นสนามบินที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากภูมิประเทศซึ่งมีเทือกเขาล้อมรอบ
อย่างไรก็ตาม ไฟลต์ เซฟตี้ ฟาวน์เดชัน องค์กรอิสระไม่หวังผลกำไรที่ทำวิจัยอุบัติเหตุทางอากาศทั่วโลก รายงานว่าเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงบนลานบินหรือใกล้ลานบินราดยางมะตอยของสนามบินแห่งนี้ เพียง 3 ครั้งเท่านั้นตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา
สำหรับอุบัติเหตุครั้งอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในเนปาลคือ เครื่องบินเล็กของสายการบินบุดดา แอร์ ที่นำนักท่องเที่ยวชมรอบเทือกเขาเอเวอเรสต์ ตกในเดือนกันยายนปีที่แล้ว ทำให้ผู้โดยสารและนักบินทั้งหมด 19 คนเสียชีวิต
สิบเดือนก่อนหน้านั้น เครื่องบินของทาทา แอร์ บรรทุกผู้โดยสาร 19 คนและลูกเรือ 3 คน ตกบริเวณไหล่เขาไม่นานหลังจากทะยานขึ้นจากลานบินขนาดเล็กที่อยู่ห่างจากกาฐมัณฑุไปทางตะวันออก 140 กิโลเมตร โดยผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวภูฏาน ซึ่งเช่าเครื่องบินเพื่อเดินทางไปสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธ
เครื่องบินขนาดเล็กดังกล่าวที่เป็นของสายการบินท้องถิ่นชื่อว่า อัคนี แอร์ ตกใกล้สนามบินจอมสอม ซึ่งเป็นเส้นทางเข้าออกเทือกเขาอันนาปุรณะ เมื่อวันจันทร์ (14) หลังจากนักบินรายงานเหตุขัดข้องไม่นาน
ไบนด ซิงห์ โฆษกสำนักงานตำรวจเนปาลเผยว่า อุบัติเหตุครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 15 คน โดย 13 คนเป็นนักท่องเที่ยวชาวอินเดีย อีก 2 คนเป็นนักบินเนปาล และมีผู้รอดชีวิต 6 คน เป็นแอร์โฮสเตสเนปาล 1 คน, เด็กอินเดีย 2 คน, คู่สามี-ภรรยาชาวเดนมาร์ก และชายอินเดียอีกคนที่ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ
เครื่องบินลำดังกล่าวถูกเช่าเหมาลำโดยกลุ่มผู้แสวงบุญชาวอินเดีย ให้บินจากเมืองโพคารา ที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว ไปยัง วัดมุกตินาท สถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับชาวฮินดูและชาวพุทธ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาของช่องเขา โธรอง ลา หิมาลัย
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เครื่องบินตกยังไม่เป็นที่ชัดเจน กระนั้น พิมเลศ ลัล การณา หัวหน้าหน่วยกู้ภัยแห่งชาติของเนปาล เผยว่า นักบินรายงานว่ามีไฟสัญญาณเตือนกะพริบในห้องนักบินขณะเตรียมตัวลงจอดที่จอมสอม นักบินจึงพยายามหันหัวกลับไปยังโพคาราและดูเหมือนเป็นตอนนั้นเองที่เครื่องบินเสียศูนย์
อุบัติเหตุครั้งนี้นับเป็นโศกนาฏกรรมการบินที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตครั้งที่ 2 ของอัคนี แอร์ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปี
ครั้งแรกเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม 2010 เมื่อเครื่องบินลำหนึ่งของสายการบินนี้ตกเนื่องจากสภาพอากาศย่ำแย่ ที่บริเวณใกล้กับเมืองหลวงกาฐมาณฑุ ส่งผลให้ผู้โดยสารและนักบินทั้งหมด 14 คนเสียชีวิต ในจำนวนนี้รวมถึงชาวอเมริกัน 4 คน, ญี่ปุ่น 1 คน และอังกฤษ 1 คน
ทางด้านนายกรัฐมนตรี บาบูลาม ภัทราไรของเนปาล ออกคำแถลงแสดงความเสียใจต่อโศกนาฏกรรมล่าสุด ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตอินเดียได้จัดตั้งศูนย์ฮอตไลน์ให้ข้อมูลสำหรับญาติของผู้โดยสาร
คาดหมายกันว่า เหตุการณ์เครื่องบินตกครั้งล่าสุดในเนปาลซึ่งนับเป็นครั้งที่ 5 ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปี จะทำให้มีการใช้มาตรการตรวจสอบอย่างละเอียดสำหรับสายการบินขนาดเล็กที่มีมากมายหลายแห่ง และมุ่งให้บริการสู่พื้นที่ห่างไกลภายในประเทศ
ขณะเดียวกัน สนามบินจอมสอมที่อยู่บนเขาสูง 2,707 เมตรนั้น ได้ชื่อว่าเป็นสนามบินที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จากภูมิประเทศซึ่งมีเทือกเขาล้อมรอบ
อย่างไรก็ตาม ไฟลต์ เซฟตี้ ฟาวน์เดชัน องค์กรอิสระไม่หวังผลกำไรที่ทำวิจัยอุบัติเหตุทางอากาศทั่วโลก รายงานว่าเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงบนลานบินหรือใกล้ลานบินราดยางมะตอยของสนามบินแห่งนี้ เพียง 3 ครั้งเท่านั้นตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา
สำหรับอุบัติเหตุครั้งอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในเนปาลคือ เครื่องบินเล็กของสายการบินบุดดา แอร์ ที่นำนักท่องเที่ยวชมรอบเทือกเขาเอเวอเรสต์ ตกในเดือนกันยายนปีที่แล้ว ทำให้ผู้โดยสารและนักบินทั้งหมด 19 คนเสียชีวิต
สิบเดือนก่อนหน้านั้น เครื่องบินของทาทา แอร์ บรรทุกผู้โดยสาร 19 คนและลูกเรือ 3 คน ตกบริเวณไหล่เขาไม่นานหลังจากทะยานขึ้นจากลานบินขนาดเล็กที่อยู่ห่างจากกาฐมัณฑุไปทางตะวันออก 140 กิโลเมตร โดยผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวภูฏาน ซึ่งเช่าเครื่องบินเพื่อเดินทางไปสักการะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธ