วานนี้ (10 พ.ค.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ( DSI) เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบ และเอาผิดกับผู้บริหารกรุงเทพมหานคร กรณีที่ไปขยายสัญญาเพิ่มเติมให้เอกชน ในกรณีรถไฟฟ้า BTS อีกถึง 17 ปี โดยไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 อันเป็รประโยชน์ต่อสาธารณชน
ทั้งนี้ นายธาริต กล่าวว่า จากที่ได้รับฟังรายละเอียดเบื้องต้นจากผู้ร้อง และสาเหตุที่ร้องว่า กทม.ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ฮั้วประมูลนั้น ถือเป็นความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเร่งดำเนินการสอบสวนโดยเร็ว เพราะเป็นที่สนใจของประชาชน
นายจิรายุ กล่าวภายหลังยื่นหนังสือว่า พรรคเพื่อไทย พบข้อพิรุธในการดำเนินการอย่างเร่งรีบ จนอาจทำให้คนกรุงเทพฯ สูญเสียประโยชน์นับแสนล้านบาทได้ ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แต่กลับเร่งรีบดำเนินการต่อสัญญาให้เอกชนเพิ่มขึ้นอีก 17 ปี โดยตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใด กทม. จึงต้องตั้ง บ.กรุงเทพธนาคม ที่มีการระบุว่า เป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจของ กทม. ไปลงนามในสัญญาจ้าง BTS กทม.กำลังทำนิติกรรมอำพราง เพื่อหลบเลี่ยง พ.ร.บ.ร่วมการงานของรัฐใช่หรือไม่ และกทม. ศึกษาการลงทุนในครั้งนี้อย่างไร ทำอย่างถูกต้องหรือไม่ ที่กทม.คาดว่าจะมีรายได้ถึง 300,000 ล้านบาท และ กทม.จะได้กำไร 110,000 บาท
ส่วนประเด็นที่นายธีระชน มโนมัยพิบุลย์ รองผู้ว่าฯกทม. ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการป้องกันไม่ให้รัฐบาลมาฮุบรถไฟฟ้าสายนี้ไปนั้น นายจิรายุ กล่าวว่า บริการขนส่งสาธารณะเป็นของประเทศ และรัฐบาลไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใด ก็ไม่สามารถเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวได้อยู่แล้ว จึงไม่เกี่ยวกัน ว่ารัฐบาลจะฮุบ หรือไม่ฮุบ
ด้านนายพร้อมพงศ์ กล่าวยืนยันว่า การยื่นเรื่องให้กับดีเอสไอ สอบสวนนั้น ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง แต่เป็นการตรวจสอบเพื่อรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก
" พรรคเพื่อไทยพบว่า เมื่อสัญญา มีการลงนามเป็นที่เรียบร้อย เท่ากับว่ามีความผิดสมบูรณ์ ดังนั้นพรรคเพื่อไทย จะยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดกับทางกรุงเทพมหานคร เพราะอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จนสร้างผลเสียต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งทางพรรคเพื่อไทย จะยื่นร้องต่อป.ป.ช. ในสัปดาห์หน้า" โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
** ตอกรัฐบาลหวังฮุบผลงานกทม.
ด้านม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กทม.ได้มีการศึกษาเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี และผ่านความเห็นชอบขอสภากทม.แล้ว การต่อสัญาดังกล่าว ไม่ได้หวังทิ้งทวน หรือหาผลประโยชน์ก่อนที่ตนเองจะหมดวาระในอีก 8 เดือนอย่างแน่นอน แต่หากพรรคเพื่อไทยเห็นว่า ดำเนินการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ก็ยินดีให้ตรวจสอบ โดยตนเองไม่สนด้วยว่า จะส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งสมัยหน้า
ผู้ว่าฯกทม.กล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลจะนำรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายช่วง สะพานใหม่-สมุทรปราการ ไปดำเนินการเองนั้น มองว่าเป็นการขโมยผลงานมากกว่า เพราะกทม.ดำเนินการประสบความสำเร็จมาโดยตลอด และมองว่าไม่ยุติธรรมกับ กทม. เพราะกทม.ได้ดำเนินการมาตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว อีกทั้งหากมีการเปลี่ยนแปลง จะต้องส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ นายธาริต กล่าวว่า จากที่ได้รับฟังรายละเอียดเบื้องต้นจากผู้ร้อง และสาเหตุที่ร้องว่า กทม.ไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ร่วมทุน และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ฮั้วประมูลนั้น ถือเป็นความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเร่งดำเนินการสอบสวนโดยเร็ว เพราะเป็นที่สนใจของประชาชน
นายจิรายุ กล่าวภายหลังยื่นหนังสือว่า พรรคเพื่อไทย พบข้อพิรุธในการดำเนินการอย่างเร่งรีบ จนอาจทำให้คนกรุงเทพฯ สูญเสียประโยชน์นับแสนล้านบาทได้ ทั้งที่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ แต่กลับเร่งรีบดำเนินการต่อสัญญาให้เอกชนเพิ่มขึ้นอีก 17 ปี โดยตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใด กทม. จึงต้องตั้ง บ.กรุงเทพธนาคม ที่มีการระบุว่า เป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจของ กทม. ไปลงนามในสัญญาจ้าง BTS กทม.กำลังทำนิติกรรมอำพราง เพื่อหลบเลี่ยง พ.ร.บ.ร่วมการงานของรัฐใช่หรือไม่ และกทม. ศึกษาการลงทุนในครั้งนี้อย่างไร ทำอย่างถูกต้องหรือไม่ ที่กทม.คาดว่าจะมีรายได้ถึง 300,000 ล้านบาท และ กทม.จะได้กำไร 110,000 บาท
ส่วนประเด็นที่นายธีระชน มโนมัยพิบุลย์ รองผู้ว่าฯกทม. ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการป้องกันไม่ให้รัฐบาลมาฮุบรถไฟฟ้าสายนี้ไปนั้น นายจิรายุ กล่าวว่า บริการขนส่งสาธารณะเป็นของประเทศ และรัฐบาลไม่ว่าจะมาจากพรรคการเมืองใด ก็ไม่สามารถเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวได้อยู่แล้ว จึงไม่เกี่ยวกัน ว่ารัฐบาลจะฮุบ หรือไม่ฮุบ
ด้านนายพร้อมพงศ์ กล่าวยืนยันว่า การยื่นเรื่องให้กับดีเอสไอ สอบสวนนั้น ไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง แต่เป็นการตรวจสอบเพื่อรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก
" พรรคเพื่อไทยพบว่า เมื่อสัญญา มีการลงนามเป็นที่เรียบร้อย เท่ากับว่ามีความผิดสมบูรณ์ ดังนั้นพรรคเพื่อไทย จะยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดกับทางกรุงเทพมหานคร เพราะอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จนสร้างผลเสียต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งทางพรรคเพื่อไทย จะยื่นร้องต่อป.ป.ช. ในสัปดาห์หน้า" โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
** ตอกรัฐบาลหวังฮุบผลงานกทม.
ด้านม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กทม.ได้มีการศึกษาเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี และผ่านความเห็นชอบขอสภากทม.แล้ว การต่อสัญาดังกล่าว ไม่ได้หวังทิ้งทวน หรือหาผลประโยชน์ก่อนที่ตนเองจะหมดวาระในอีก 8 เดือนอย่างแน่นอน แต่หากพรรคเพื่อไทยเห็นว่า ดำเนินการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ก็ยินดีให้ตรวจสอบ โดยตนเองไม่สนด้วยว่า จะส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งสมัยหน้า
ผู้ว่าฯกทม.กล่าวด้วยว่า หากรัฐบาลจะนำรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายช่วง สะพานใหม่-สมุทรปราการ ไปดำเนินการเองนั้น มองว่าเป็นการขโมยผลงานมากกว่า เพราะกทม.ดำเนินการประสบความสำเร็จมาโดยตลอด และมองว่าไม่ยุติธรรมกับ กทม. เพราะกทม.ได้ดำเนินการมาตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว อีกทั้งหากมีการเปลี่ยนแปลง จะต้องส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างแน่นอน
