ASTVผู้จัดการรายวัน-คนงานรับเหมาวิ่งหนีวุ่น ผวา"บีเอสที"ในมาบตาพุดระเบิดซ้ำ หลังไฟไหมควันพุ่งเต็มท้องฟ้า ล่าสุดควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว ด้านตำรวจยังเข้าดูจุดเกิดเหตุไม่ได้ เหตุโครงสร้างเสียหาย และหวั่นมีสารพิษตกค้าง ด้านเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกเตรียมยื่นรัฐบาลแก้ปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (9 พ.ค.) เวลาประมาณ 16.00 น. ได้เกิดเหตุไฟลุกไหม้ขึ้นภายในบริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือบริษัท กรุงเทพซินธิติกส์ จำกัด ถนน I-8 ต.มาบตาพุด อ.เมือง ระยอง ซึ่งทางโรงงานได้ประสานรถดับเพลิงให้เข้ามาฉีดน้ำ และทำให้เกิดควันไฟลอยขึ้นเต็มท้องฟ้า โดยคนงานบริษัทผู้รับเหมาในบริเวณใกล้เคียงที่เห็นเหตุการณ์คิดว่าเกิดเหตุไฟลุกไหม้ซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง ต่างก็วิ่งหลบหนีกันอลหม่าน
นายพีระวัฒน์ รุ่งเรืองศรี รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า สาเหตุที่เกิดไฟลุกไหม้ นั้นเกิดจากฉนวนความร้อนที่เก็บความร้อนอยู่ทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นมา พนักงานจึงได้ใช้สายดับเพลิงฉีดเป็นละอองน้ำควบคุมเพลิงไว้ ทำให้เกิดม่านน้ำขึ้นมา ผู้ที่สัญจรผ่านไปมาพบเห็นคิดว่าเป็นสารเคมีรั่วไหล ทำให้ชาวบ้านเกิดความแตกตื่น ขณะนี้ได้ควบคุมเพลิงที่ลุกไหม้ทั้ง 3 จุดได้แล้ว และจุดดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
วันเดียวกันนี้ ที่ชุมชนวัดตากวน เทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง คณะกรรมการธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายนริศ ขำนุรักษ์ ประธานคณะกรรมมาธิการฯ นายวิชัย ล้ำสุทธิ รองกรรมาธิการฯ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช กรรมาธิการฯ ลงพื้นที่มาบตาพุด ติดตามสถานการณ์ กรณีเกิดเหตุระเบิดของ บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด และสารเคมีรั่วไหลของบริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมิคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
พ.ต.อ.เสรี เศรษฐกร ผกก.สภ.มาบตาพุด กล่าวว่า ยังไม่สามารถเข้าไปให้ถึงจุดเกิดเหตุได้ ต้องอยู่ห่างประมาณ 30 เมตร แล้วใช้วิธีส่องกล้องเข้าไป ซึ่งปัญหาที่ไม่สามารถเข้าไปถึงได้ เนื่องจากระบบโครงสร้างที่เสียหาย พังทลาย รวมถึงสารพิษที่ยังคงหลงเหลืออยู่อาจเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ คาดว่าต้องใช้เวลาเข้าไปตรวจอีก 3-4 ครั้งถึงจะเข้าไปตรวจถึงที่จุดระเบิดจริงๆ และคงต้องให้มีการรื้อโครงสร้างที่พังได้รับความเสียหายออกให้หมด ถึงจะทราบสาเหตุ การเกิดระเบิดที่แท้จริงได้ ส่วนจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือจากบุคคลที่ไปทำให้ระเบิด ต้องรออีกระยะหนึ่ง โดยวันที่ 14 พ.ค.นี้ จะเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อจะเข้าไปดูจุดเกิดระเบิดให้ได้ แต่ขณะนี้ยังสรุปอะไรไม่ได้
ด้านนายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่า วันที่ 12 พ.ค. เครือข่ายฯ จะไปยื่นหนังสือถึงผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ที่หน้าสำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จากนั้นจะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดี กนอ.และผู้ประกอบการและในวันที่ 15 พ.ค. จากนั้นเครือข่ายฯ จำนวน 200 คน จะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นข้อเสนอ 9 ข้อต่อรัฐบาลเพื่อให้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (9 พ.ค.) เวลาประมาณ 16.00 น. ได้เกิดเหตุไฟลุกไหม้ขึ้นภายในบริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือบริษัท กรุงเทพซินธิติกส์ จำกัด ถนน I-8 ต.มาบตาพุด อ.เมือง ระยอง ซึ่งทางโรงงานได้ประสานรถดับเพลิงให้เข้ามาฉีดน้ำ และทำให้เกิดควันไฟลอยขึ้นเต็มท้องฟ้า โดยคนงานบริษัทผู้รับเหมาในบริเวณใกล้เคียงที่เห็นเหตุการณ์คิดว่าเกิดเหตุไฟลุกไหม้ซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง ต่างก็วิ่งหลบหนีกันอลหม่าน
นายพีระวัฒน์ รุ่งเรืองศรี รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า สาเหตุที่เกิดไฟลุกไหม้ นั้นเกิดจากฉนวนความร้อนที่เก็บความร้อนอยู่ทำให้เกิดไฟลุกไหม้ขึ้นมา พนักงานจึงได้ใช้สายดับเพลิงฉีดเป็นละอองน้ำควบคุมเพลิงไว้ ทำให้เกิดม่านน้ำขึ้นมา ผู้ที่สัญจรผ่านไปมาพบเห็นคิดว่าเป็นสารเคมีรั่วไหล ทำให้ชาวบ้านเกิดความแตกตื่น ขณะนี้ได้ควบคุมเพลิงที่ลุกไหม้ทั้ง 3 จุดได้แล้ว และจุดดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ของบริษัท เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง
วันเดียวกันนี้ ที่ชุมชนวัดตากวน เทศบาลเมืองมาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง คณะกรรมการธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายนริศ ขำนุรักษ์ ประธานคณะกรรมมาธิการฯ นายวิชัย ล้ำสุทธิ รองกรรมาธิการฯ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช กรรมาธิการฯ ลงพื้นที่มาบตาพุด ติดตามสถานการณ์ กรณีเกิดเหตุระเบิดของ บริษัท บีเอสที อิลาสโตเมอร์ส จำกัด และสารเคมีรั่วไหลของบริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมิคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
พ.ต.อ.เสรี เศรษฐกร ผกก.สภ.มาบตาพุด กล่าวว่า ยังไม่สามารถเข้าไปให้ถึงจุดเกิดเหตุได้ ต้องอยู่ห่างประมาณ 30 เมตร แล้วใช้วิธีส่องกล้องเข้าไป ซึ่งปัญหาที่ไม่สามารถเข้าไปถึงได้ เนื่องจากระบบโครงสร้างที่เสียหาย พังทลาย รวมถึงสารพิษที่ยังคงหลงเหลืออยู่อาจเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ คาดว่าต้องใช้เวลาเข้าไปตรวจอีก 3-4 ครั้งถึงจะเข้าไปตรวจถึงที่จุดระเบิดจริงๆ และคงต้องให้มีการรื้อโครงสร้างที่พังได้รับความเสียหายออกให้หมด ถึงจะทราบสาเหตุ การเกิดระเบิดที่แท้จริงได้ ส่วนจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือจากบุคคลที่ไปทำให้ระเบิด ต้องรออีกระยะหนึ่ง โดยวันที่ 14 พ.ค.นี้ จะเข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อจะเข้าไปดูจุดเกิดระเบิดให้ได้ แต่ขณะนี้ยังสรุปอะไรไม่ได้
ด้านนายสุทธิ อัชฌาศัย ผู้ประสานงานเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก กล่าวว่า วันที่ 12 พ.ค. เครือข่ายฯ จะไปยื่นหนังสือถึงผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ที่หน้าสำนักงานการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จากนั้นจะเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดี กนอ.และผู้ประกอบการและในวันที่ 15 พ.ค. จากนั้นเครือข่ายฯ จำนวน 200 คน จะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นข้อเสนอ 9 ข้อต่อรัฐบาลเพื่อให้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น