xs
xsm
sm
md
lg

อนุดิษฐ์ส่งหลักฐานใหม่ให้DSI หาไอ้โม่งฉีกสัญญาฮัทช์-กสท

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“อนุดิษฐ์”เผยได้หลักฐานใหม่ สำเนาสัญญาซื้อขาย “ฮัทช์” ฉบับที่ลงนามครบถ้วน ก่อนหน้าที่กสท.เปลี่ยนใจให้กลุ่มทรูเข้าซื้อฮัทช์แทน เตรียมส่งต่อดีเอสไอสอบต่อ ระบุมีโอกาสเข้าข่ายผิด ม. 46 พ.ร.บ. กสทช.

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เปิดเผยว่า ล่าสุดตนได้รับสำเนาเอกสารสัญญาซื้อขายกิจการระหว่างบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด บริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ฮัทชิสัน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ฮัทชิสัน มัลติมีเดีย เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้ขาย และฮัทชิสัน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด กับบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ซื้อที่มีการลงนามในสัญญาเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม.2553 ซึ่งเกิดขึ้นก่อนที่นายจุติ ไกรฤกษิ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีจะเข้ามารับตำแหน่ง แต่สัญญาดังกล่าวกลับถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง โดยสั่งให้ฉีกสัญญาทิ้งเพื่อเปิดทางให้กลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อกิจการฮัทช์แทนในราคา 6,000 ล้านบาท

“ทางไอซีทีได้รับสำเนาสัญญาดังกล่าวเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา แต่ขอสงวนนามผู้ที่ส่งมาให้ ซึ่งหลังจากนี้จะส่งเรื่องต่อไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปว่าการกระทำดังกล่าวในการฉีกสัญญาว่าเข้าข่ายผิดกฏหมายข้อใดบ้าง” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว

เมื่อได้สัญญาดังกล่าวมาได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่าเป็นสัญญาที่มีการลงนามของทั้ง 2 บริษัทจริง ซึ่งมีความผิดเข้าข่ายมาตรา 46 ตาม พ.ร.บ. กสทช.สัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นห่างจากระยะเวลาที่ทรูซื้อกิจการฮัทช์ประมาณ 6 เดือน แต่เป็นราคาเดิมที่ยังไม่ได้มีคำสั่งจากอดีตรัฐมนตรีไอซีทีสั่งให้ไปเจรจาราคาซื้อขายใหม่ในราคาราว 7,000 กว่าล้านบาทแต่อย่างใด

“สัญญาฉบับนี้ได้รับการยืนยันจากอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่กสทฯ ว่า ได้เซ็นจริงแต่ไม่ได้ถูกดำเนินการต่อในเรื่องการซื้อขาย เพราะการเมืองสั่งให้ยกเลิก ซึ่งถือเป็นการกระทำที่เย้ยกฎหมายทั้งภายในและภายนอกประเทศ” รมว.ไอซีทีกล่าว

พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า หลังจากได้รับสัญญาจากทางกระทรวงไอซีทีแล้ว ดีเอสไอจะสืบหาพยานทั้งหมดว่า สัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นและมีอยู่จริง และสอบข้อเท็จจริงว่าเหตุใดเซ็นแล้วจึงถูกยกเลิก ซึ่งการยกเลิกครั้งนี้เป็นไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายใดบ้าง

“ต้องหาสัญญาฉบับจริงก่อน แต่ได้รับการยืนยันจาก ตัวบุคคลว่า มีการเซ็นจริงก็เชื่อถือได้ หลังจากนี้จะสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และจะได้ความคืบหน้าภายในเดือนนี้อย่างแน่นอน”

พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวว่า หากพบว่าสัญญาดังกล่าวผิดจริงจะเข้าข่ายผิดกฎหมายฟอกเงินระหว่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่การกระทำผิดที่มีเจ้าหน้าที่ของรัฐมาเกี่ยวข้องจะต้องส่งเรื่องให้ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจิตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เป็นผู้ส่งฟ้อง

อนึ่ง สำเนาสัญญาฉบับดังกล่าวที่ส่งถึงมือรัฐมนตรีไอซีทีได้รับนั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 34 หน้า ซึ่งมีมีการเซ็นชื่ออย่างครบถ้วน โดยบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย ลงนามโดยนายไวตัส ชุน ฮุน หว่อง ส่วนบริษัท บีเอฟเคที บริษัท ฮัทชิสัน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ บริษัท ฮัทชิสัน มัลติมีเดีย เซอร์วิส และบริษัท ฮัทชิสัน เทเลคอม อินเตอร์เนชั่นแนล ลงนามโดยนาย ติง ยูซาน ในฐานะผู้ขาย ขณะที่ กสทฯ ลงนามในฐานะผู้ซื้อโดยนายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ในตอนนั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น