ในยุคสมัยที่พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างยาวนาน 8 ปี ท่านมักใช้คำว่า “ลูก” เรียกนักข่าวประจำทำเนียบฯ ตลอดถึงคนใกล้ชิดท่านเสมอๆ คำว่า “ป๋า” จึงเป็นคำที่มีนักข่าวและคนใกล้ชิดเรียกท่าน และขยายเรียกขานกันกว้างขวางทั่วไปในหมู่ประชาชนตั้งแต่ยุคนั้นเป็นต้นมา ท่านเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนเดียวของประเทศที่มีคนเรียกว่า ป๋า ความระส่ำของแกนนำคนเสื้อแดงที่ประสบอยู่ ณ ช่วงเวลานี้ อันเกิดจากการที่พวกเขาเคยมุ่งโจมตีพล.อ.เปรม มาก่อนอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ชนิดศพไม่เผาเงาไม่เหยียบ การเปิดบ้านสี่เสาฯ ต้อนรับนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เสียงโอดครวญอย่างเจ็บปวดแสนสาหัสของแกนนำคนเสื้อแดงจึงกระหึ่มไปทั่วเมืองว่า “ป๋านะป๋า...ทำไมถึงทำกับแดงได้”
การเปิดแนวรบเพื่อเดินหน้าสู่การสร้างสังคมที่ไร้สองมาตรฐานจากกรณี เขายายเที่ยง ที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดิน เขายายเที่ยง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ว่าเป็นการครอบครองที่ไม่เป็นธรรม อีกทั้งยังบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จนต้องล่าถอยทุบบ้านหรูทิ้ง ถือเป็นชัยชนะอันงดงามของการเดินหน้าทำสงครามในระดับพื้นที่ของพลพรรคคนเสื้อแดง แต่อยู่ๆ การเดินหน้าในพื้นที่อื่นๆ ก็หยุดลง ยังกับว่าเหตุการณ์สองมาตรฐานในเรื่องนี้เกิดขึ้น ณ เขายายเที่ยงเพียงแห่งเดียวในประเทศนี้ ยุทธการรุกกลับท่อน้ำเลี้ยงคนเสื้อแดงอุทยานแห่งชาติทับลาน อำเภอวังน้ำเขียวจึงปะทุขึ้น เลือดเป็นลิ่มๆ ที่กระอักออกมาจากกองหนุนคนเสื้อแดง ณ วังน้ำเขียวจึงเรี่ยราดอยู่ตามพื้นถนน เสียงพึมพำๆ ในลำคอจึงออกมาว่า... “กูบอกแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับลูกป๋า เห็นไหมจะทำอย่างไรกันละเนี่ย..” เรื่องนี้จริงเท็จแค่ไหนก็ไปเอารายชื่อเจ้าของรีสอร์ตใหญ่ๆ ราคาหลายสิบหลายร้อยล้านที่ถูกรื้อทิ้งที่วังน้ำเขียวออกมากางดูก็จะประจักษ์
“นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา” เป็นอีกหนึ่งฉายาที่สื่อมวลชนมอบให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีพล.อ.เปรมในสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากจัดการกับกบฏยังเติร์ก หรือกบฏเมษาฮาวาย ที่เป็นความพยายามก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 - 3 เม.ย. พ.ศ. 2524 เพื่อยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลของท่าน แม้หลายๆคนยังได้รับความกรุณาจากท่านอยู่จนถึงปัจจุบัน แต่ “ฆ่าน้อง ฟ้องนาย ขายเพื่อน” คือการให้ความหมายของฉายา “นักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา” จากปากของลูกป๋าจำนวนหนึ่ง ที่บอบช้ำความพ่ายแพ้จากความพยายามไปต่อกรกับป๋าในยุคสมัยนั้น
การพุ่งเป้าชูประเด็นไพร่ อำมาตย์ เพื่อสร้างความเข้าใจต่อปัญหาทางโครงสร้างสังคมไทยของแกนนำคนเสื้อแดง นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ไม่ว่าการพยายามสื่อสารออกมาสู่พื้นที่สาธารณะของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร หรือการโฟนอินมาจากต่างประเทศหลายกรรมหลายวาระมายังที่ชุมนุมของคนเสื้อแดง การหาญกล้าเคลื่อนพลพรรคของแกนนำอย่างนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และแกนนำคนสำคัญๆ ที่บุกไปล้อมบ้านสี่เสาฯ ของประธานองคมนตรี ด่าทอด้วยคำพูดหยาบๆ คายๆ ที่สามัญชนทั่วๆ ไปยังไม่กล้ากล่าวประโยคนั้นๆ ในที่สาธารณะ เหตุการณ์ในครั้งนั้นและต่อเนื่องมา ล้วนได้สร้างความร้าวฉาน ความเกลียดชังต่อพล.อ.เปรมที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นตัวแทนของอำมาตย์ ให้ฝังรากลึกอยู่ในสมองของมวลชนจนยากที่จะลบล้างออกได้ง่ายๆ
เสธ.แดงหรือพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ล่วงลับ เคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2551 ถึงบทบาทและแสนยานุภาพของพล.อ.เปรมเอาไว้ว่า “จปร.7 หรือกลุ่มยังเติร์ก ยังเคยถูกป๋าปลดไปคนละ 8 ปี สมัยที่ปฏิวัติป๋า 2 ครั้ง สาเหตุเพราะป๋าต่ออายุ 2 ครั้ง รับราชการต่อเป็น 62 ขวบ เสธ.แดง เองก็ร่วมด้วยทั้ง 2 งาน แต่ไม่ถูกปลดเพราะยศยังเด็ก ป๋ายังไม่เคยแพ้ใคร ไทยรักไทย ยังเปลี่ยนนายกฯ 3 คน ล้มทั้งพรรค ยิ่งกว่าสาวเปลี่ยนโกเต๊กซ์ ในปฐพีนี้ยังไม่มีมนุษย์หน้าไหนจะล้มป๋าได้ เกิดมาป๋าไม่เคยแพ้ใคร จริงๆ ขอย้ำเน้นอีกทีใครจะรบกับป๋าก็ลองเข้ามา ขนาดไล่นายกฯ ไป 3 คน โดยใช้ระบบตุลาการภิวัฒน์ช่วย แล้วยังยุบพรรคแม่ง...ทิ้งแบบนิ่มๆ รวมทั้งพวกพรรคร่วมที่สนับสนุนทักษิณ สมัยก่อนเขาเรียกว่านักฆ่าแห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยา”
การเข้าพบพล.อ.เปรม ประธานองคมนตรีของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา จึงได้สร้างความปั่นป่วน ความร้าวฉานให้เกิดขึ้นในหมู่คนเสื้อแดงในหลายระดับ แน่นอนว่ากลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ก็คือแกนนำหัวหอกทั้งหลาย ที่เคยประกาศกับพี่น้องมวลชนเสื้อแดงเอาไว้ ว่าเป้าหมายของพวกเขาคือการล้มเหล่าอำมาตย์ ซึ่งมีพล.อ.เปรม ประธานองคมนตรีเป็นตัวแทนหรือสัญลักษณ์ ซึ่งมวลชนทั่วไปก็เห็นพ้องด้วย
แต่วันนี้เมื่อคนเสื้อแดงมีตัวแทนเข้าไปมีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จในการกุมอำนาจรัฐ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรฝ่ายอำมาตย์ได้ การเดินทางไปเข้าบ้านสี่เสาฯ ของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากคือความหมายและสัญลักษณ์ของความพ่ายแพ้และสยบยอมอย่างราบคาบอยู่ในตัว เสียงครวญจากแกนนำเสื้อแดง จึงออกมาพร้อมเพรียงกันอย่างเจ็บปวดว่า “ป๋านะป๋า...ทำไมถึงทำกับฉันได้”... 555