ASTVผู้จัดการรายวัน - แอล.พี.เอ็น.ฯ แนะรัฐแก้เกณฑ์บ้านหลังแรก เปิดโอกาสผู้กู้ร่วมพิสูจน์ตัวเอง หากไม่ใช่ผู้กู้หลักซื้อที่อยู่อาศัย ให้กลับเข้าเกณฑ์โครงการบ้านหลังแรก เชื่อปรับเพิ่มวงเงินสินเชื่อจาก 1 ล้านเป็น2ล้านบาท หนุนตลาดคอนโด ด้านบิ๊กพฤกษาฯ วอนรัฐอย่าออกข่าวบ่อย แต่ให้ทำเลย หวั่นลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อ ชี้ปรับเพิ่มวงเงินสะท้อนดีมานด์และราคาสินค้าที่แท้จริงในตลาด
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า การปรับเพิ่มวงเงินกู้ในโครงการบ้านหลังแรกเป็น 2 ล้านบาท ถือเป็นการตอบโจทย์ที่แท้จริง เพราะปัจจุบันราคาบ้านและที่อยู่อาศัยในกทม.เฉลี่ยอยู่ที่ 2 ล้านบาท ขณะที่ต่างจังหวัดเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5 ล้านบาท ดังนั้นนโยบายวงเงินสินเชื่อในโครงการบ้านหลังแรกที่ 1 ล้านบาท จึงไม่ตอบโจทย์ที่แท้จริง
" วงเงินสินเชื่อที่รัฐบาลอนุมัติไว้ 20,000 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขอสินเชื่อเพียง 2,000-3,000 ล้านบาทเท่านั้น เพราะที่อยู่อาศัยราคา1ล้านบาทในกทม.และปริมณฑลไม่มีแล้ว ขณะที่ต้นทุนบ้านในปัจจุบันได้ปรับสูงขึ้น ทำให้ราคาขยับขึ้น ดังนั้น การเพิ่มเพดานวงเงินสินเชื่อจึงเป็นการสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง "
อย่างไรก็ตาม เรื่องแนวคิดการปรับตัวเลขสินเชื่อโครงการบ้านหลังแรกเพิ่มนั้น อยากวิงวอนรัฐบาล หากมีแนวคิด ก็ขอให้ดำเนินการในทันที อย่าเป็นเพียงการออกมาให้ข่าว เพราะยิ่งมีข่าวออกมาบ่อย แต่ไม่มีความคืบหน้าจะส่งผลกระทบต่อตลาดให้เกิดชะลอตัว เพราะทุกครั้งที่มีข่าวมาตราการออกมาจะทำให้ลูกค้าชะลอการโอนและซื้อ เพื่อรอเข้าร่วมมาตรการรัฐ ดังนั้น หากไม่เร่งดำเนินการแต่ปล่อยให้มีข่าวออกมา จะสร้างผลเสียมากกว่าผลดี
" มองว่า หากรัฐปรับเพิ่มวงเงินสินเชื่อบ้านหลังแรกเป็น 2ล้านบาทจริง คาดว่าวงเงินกู้ 20,000ล้านบาทนั้น จะหมดในระยะเวลาไม่เกิน 3-6 เดือนจากนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการกระตุ้นตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้ได้ และยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไปในตัวด้วย เพราะบ้านหนึ่งหลังนั้น จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายได้ถึง2.99เท่าของจีดีพี เพราะมีผลให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่องขยายตัวไปด้วย "
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวสอดรับกับแนวคิดการปรับเพิ่มวงเงินกู้ในโครงการบ้านหลังแรกเป็น 2 ล้านบาทโดยมีอัตราดอกเบี้ย0% นาน 3 ปี นั้นเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยวในพื้นที่รอยต่อและชานเมืองอย่างมาก และยังเป็นการกระตุ้นตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของปีนี้ได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาปริมาณการปล่อยสินเชื่อในโครงการบ้านหลังแรกไม่สูงนัก แม้ว่าส่วนหนึ่งอาจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม แต่โครงการดังกล่าวครอบคลุมทั่วประเทศ ดังนั้น ในพื้นที่ต่างจังหวัดการขอสินเชื่อบ้านน่าจะสูงกว่าในกทม.และปริมณฑล แต่ตัวเลขสินเชื่อในโครงการขณะนี้ก็ยังไม่สูงเท่าที่ควร ดังนั้นปัญหายอดสินเชื่อไม่กระเตื้องนั้นไม่น่าจะมาจากปัญหาน้ำท่วมเพียงอย่างเดียว
“ปัญหาน่าจะเกิดจากวงเงินสินเชื่อบ้านนั้นไม่ตอบโจทย์ เพราะในปัจจุบันบ้านราคา1ล้านบาทใน กทม.และปริมณฑลนั้น หาซื้อไม่ได้แล้ว และในต่างจังหวัดเองซัพพลายของราคาบ้านดังกล่าวยังไม่มีรองรับ "
นอกจากนี้ ปัญหาสำคัญอีกเรื่องคือ กลุ่มลูกค้าที่ติดปัญหาการกู้ร่วม โดยไม่ได้เป็นผู้กู้ซื้อบ้านตัวจริง หรือ ไม่ใช่ผู้กู้หลัก แต่ติดปัญหาข้อกำหนดในโครงการบ้านหลังแรกว่าต้องไม่เคยขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากก่อนจึงจะมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าที่เป็นผู้กู้ร่วม แต่ไม่เคยกู้ซื้อบ้านของตัวเอง เมื่อต้องการซื้อบ้านเองโดยเข้าโครงการดังกล่าวกลับต้องผิดหวัง เพราะเคยมีรายชื่อในการขอสินเชื่อซื้อที่อยู่อาศัยมาแล้ว
“ หากรัฐเปิดโอกาสให้ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถแสดงหลักฐานพิสูจน์ตัวเองได้ว่า ไม่เคยขอสินเชื่อซื้อบ้านของตัวเอง แต่เป็นเพียงผู้กู้ร่วมเท่านั้น ให้กลับเข้าไปอยู่ในเกณฑ์ลูกค้าบ้านหลังแรกได้ก็จะร่วยให้ดีมานด์กลุ่มนี้กลับมาและยังช่วยให้ยอดขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวได้”
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าวว่า การปรับเพิ่มวงเงินกู้ในโครงการบ้านหลังแรกเป็น 2 ล้านบาท ถือเป็นการตอบโจทย์ที่แท้จริง เพราะปัจจุบันราคาบ้านและที่อยู่อาศัยในกทม.เฉลี่ยอยู่ที่ 2 ล้านบาท ขณะที่ต่างจังหวัดเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5 ล้านบาท ดังนั้นนโยบายวงเงินสินเชื่อในโครงการบ้านหลังแรกที่ 1 ล้านบาท จึงไม่ตอบโจทย์ที่แท้จริง
" วงเงินสินเชื่อที่รัฐบาลอนุมัติไว้ 20,000 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขอสินเชื่อเพียง 2,000-3,000 ล้านบาทเท่านั้น เพราะที่อยู่อาศัยราคา1ล้านบาทในกทม.และปริมณฑลไม่มีแล้ว ขณะที่ต้นทุนบ้านในปัจจุบันได้ปรับสูงขึ้น ทำให้ราคาขยับขึ้น ดังนั้น การเพิ่มเพดานวงเงินสินเชื่อจึงเป็นการสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง "
อย่างไรก็ตาม เรื่องแนวคิดการปรับตัวเลขสินเชื่อโครงการบ้านหลังแรกเพิ่มนั้น อยากวิงวอนรัฐบาล หากมีแนวคิด ก็ขอให้ดำเนินการในทันที อย่าเป็นเพียงการออกมาให้ข่าว เพราะยิ่งมีข่าวออกมาบ่อย แต่ไม่มีความคืบหน้าจะส่งผลกระทบต่อตลาดให้เกิดชะลอตัว เพราะทุกครั้งที่มีข่าวมาตราการออกมาจะทำให้ลูกค้าชะลอการโอนและซื้อ เพื่อรอเข้าร่วมมาตรการรัฐ ดังนั้น หากไม่เร่งดำเนินการแต่ปล่อยให้มีข่าวออกมา จะสร้างผลเสียมากกว่าผลดี
" มองว่า หากรัฐปรับเพิ่มวงเงินสินเชื่อบ้านหลังแรกเป็น 2ล้านบาทจริง คาดว่าวงเงินกู้ 20,000ล้านบาทนั้น จะหมดในระยะเวลาไม่เกิน 3-6 เดือนจากนี้ ซึ่งถือว่าเป็นการกระตุ้นตลาดสินเชื่อที่อยู่อาศัยในปีนี้ได้ และยังสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไปในตัวด้วย เพราะบ้านหนึ่งหลังนั้น จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายได้ถึง2.99เท่าของจีดีพี เพราะมีผลให้ธุรกิจเกี่ยวเนื่องขยายตัวไปด้วย "
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN กล่าวสอดรับกับแนวคิดการปรับเพิ่มวงเงินกู้ในโครงการบ้านหลังแรกเป็น 2 ล้านบาทโดยมีอัตราดอกเบี้ย0% นาน 3 ปี นั้นเชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยวในพื้นที่รอยต่อและชานเมืองอย่างมาก และยังเป็นการกระตุ้นตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของปีนี้ได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาปริมาณการปล่อยสินเชื่อในโครงการบ้านหลังแรกไม่สูงนัก แม้ว่าส่วนหนึ่งอาจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม แต่โครงการดังกล่าวครอบคลุมทั่วประเทศ ดังนั้น ในพื้นที่ต่างจังหวัดการขอสินเชื่อบ้านน่าจะสูงกว่าในกทม.และปริมณฑล แต่ตัวเลขสินเชื่อในโครงการขณะนี้ก็ยังไม่สูงเท่าที่ควร ดังนั้นปัญหายอดสินเชื่อไม่กระเตื้องนั้นไม่น่าจะมาจากปัญหาน้ำท่วมเพียงอย่างเดียว
“ปัญหาน่าจะเกิดจากวงเงินสินเชื่อบ้านนั้นไม่ตอบโจทย์ เพราะในปัจจุบันบ้านราคา1ล้านบาทใน กทม.และปริมณฑลนั้น หาซื้อไม่ได้แล้ว และในต่างจังหวัดเองซัพพลายของราคาบ้านดังกล่าวยังไม่มีรองรับ "
นอกจากนี้ ปัญหาสำคัญอีกเรื่องคือ กลุ่มลูกค้าที่ติดปัญหาการกู้ร่วม โดยไม่ได้เป็นผู้กู้ซื้อบ้านตัวจริง หรือ ไม่ใช่ผู้กู้หลัก แต่ติดปัญหาข้อกำหนดในโครงการบ้านหลังแรกว่าต้องไม่เคยขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยมากก่อนจึงจะมีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ ซึ่งที่ผ่านมาลูกค้าที่เป็นผู้กู้ร่วม แต่ไม่เคยกู้ซื้อบ้านของตัวเอง เมื่อต้องการซื้อบ้านเองโดยเข้าโครงการดังกล่าวกลับต้องผิดหวัง เพราะเคยมีรายชื่อในการขอสินเชื่อซื้อที่อยู่อาศัยมาแล้ว
“ หากรัฐเปิดโอกาสให้ลูกค้ากลุ่มนี้สามารถแสดงหลักฐานพิสูจน์ตัวเองได้ว่า ไม่เคยขอสินเชื่อซื้อบ้านของตัวเอง แต่เป็นเพียงผู้กู้ร่วมเท่านั้น ให้กลับเข้าไปอยู่ในเกณฑ์ลูกค้าบ้านหลังแรกได้ก็จะร่วยให้ดีมานด์กลุ่มนี้กลับมาและยังช่วยให้ยอดขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวได้”
