บีเอ็มซีแอลตั้งเป้ายอดผู้โดยสารรถไฟฟ้าโต 15% เฉลี่ย3 แสนเที่ยวต่อวัน หลังโครงการอสังหาฯ-ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เกิดขึ้นในเส้นทางรถไฟฟ้า และปีนี้เล็งจัดกิจกรรมภายในสถานีฯเพื่อดึงคนสูงอายุเข้าร่วมมากขึ้น ดันEBITDAสูงขึ้น
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 แสนเที่ยว เพิ่มขึ้น15%จากปีก่อนที่มียอดผู้โดยสารวันทำงานเฉลี่ยอยู่ที่ 2.2 แสนเที่ยวต่อวัน พร้อมตั้งเป้าปีหน้าจะเพิ่มเป็น 3 แสนเที่ยวต่อวัน เนื่องจากมีโครงการอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นใหม่ตามเส้นทางรถไฟฟ้า รวมถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ทำให้จำนวนผู้โดยสารเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ประชาชนหันมาเดินทางรถไฟฟ้ามากขึ้นด้วย โดยปีนี้บริษัทฯมีแผนส่งเสริมกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุในช่วงเวลาไม่เร่งด่วน(Off Peak) โดยใช้พื้นที่ว่างภายในสถานีรถไฟฟ้า เพื่อกระตุ้นให้มีการเดินทางโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินเพิ่มขึ้น ซึ่งอัตราค่าโดยสารสำหรับผู้สูงอายุจะคิดเพียง 50%ของราคาค่าโดยสาร ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งในการเพิ่มรายได้จากการเดินรถไฟฟ้า
ปัจจุบัน รถไฟฟ้ากรุงเทพฯมีจำนวนรถไฟฟ้า 19 ขบวน ซึ่งเดินรถในช่วงเวลาเร่งด่วนได้ดี เพียงแต่บริหารจัดการเดินรถในช่วงOff Peakให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อดึงดูดให้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น
นายชัยวัฒน์ กล่าวยอมรับว่า บริษัทฯยังคงมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิอยู่ หากตราบใดกำไรก่อนหนักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA)ยังไม่ถึง 500 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้ว บริษัทฯมี EBITDA 259 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินงานบริษัทฯไม่บรรลุเป้าหมาย คือโครงการขยายโครงข่ายระบบรถไฟฟ้ามีความล่าช้ากว่ากำหนดไป5-6 ปี ซึ่งเป็นปัจจัยที่บริษัทควบคุมไม่ได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะมีรายได้จากการเดินรถเติบโตแบบก้าวกระโดดหลังจากโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆแล้วเสร็จ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง แล้วเสร็จ
นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 แสนเที่ยว เพิ่มขึ้น15%จากปีก่อนที่มียอดผู้โดยสารวันทำงานเฉลี่ยอยู่ที่ 2.2 แสนเที่ยวต่อวัน พร้อมตั้งเป้าปีหน้าจะเพิ่มเป็น 3 แสนเที่ยวต่อวัน เนื่องจากมีโครงการอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นใหม่ตามเส้นทางรถไฟฟ้า รวมถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ทำให้จำนวนผู้โดยสารเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ประชาชนหันมาเดินทางรถไฟฟ้ามากขึ้นด้วย โดยปีนี้บริษัทฯมีแผนส่งเสริมกิจกรรมสำหรับผู้สูงอายุในช่วงเวลาไม่เร่งด่วน(Off Peak) โดยใช้พื้นที่ว่างภายในสถานีรถไฟฟ้า เพื่อกระตุ้นให้มีการเดินทางโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินเพิ่มขึ้น ซึ่งอัตราค่าโดยสารสำหรับผู้สูงอายุจะคิดเพียง 50%ของราคาค่าโดยสาร ซึ่งเป็นโครงการหนึ่งในการเพิ่มรายได้จากการเดินรถไฟฟ้า
ปัจจุบัน รถไฟฟ้ากรุงเทพฯมีจำนวนรถไฟฟ้า 19 ขบวน ซึ่งเดินรถในช่วงเวลาเร่งด่วนได้ดี เพียงแต่บริหารจัดการเดินรถในช่วงOff Peakให้มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ จำเป็นต้องมีกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อดึงดูดให้ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น
นายชัยวัฒน์ กล่าวยอมรับว่า บริษัทฯยังคงมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิอยู่ หากตราบใดกำไรก่อนหนักดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและภาษี (EBITDA)ยังไม่ถึง 500 ล้านบาท ซึ่งปีที่แล้ว บริษัทฯมี EBITDA 259 ล้านบาท สาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินงานบริษัทฯไม่บรรลุเป้าหมาย คือโครงการขยายโครงข่ายระบบรถไฟฟ้ามีความล่าช้ากว่ากำหนดไป5-6 ปี ซึ่งเป็นปัจจัยที่บริษัทควบคุมไม่ได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะมีรายได้จากการเดินรถเติบโตแบบก้าวกระโดดหลังจากโครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆแล้วเสร็จ อาทิ โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง แล้วเสร็จ
