ASTVผู้จัดการรายวัน - ระทึกรับรุ่งอรุณผัวคลั่งยาใช้มีดจี้คอเมียเป็นตัวประกันบริเวณเชิงสะพานกรุงเทพ ฝั่งถนนพระราม 3 ตร.เกลี้ยกล่อมนาน 4 ชั่วโมงไม่เป็นผล สุดท้ายต้องตัดสินใจใช้ปืนไฟฟ้ายิงก่อนเข้าช่วยเหลือเหยื่อได้อย่างปลอดภัย
วานนี้ (5 เม.ย.) เมื่อเวลา 05.00 น. พ.ต.ท.ศรศักดิ์ ทองมี สว.สส.สนวัดพระยาไกร รับแจ้งเหตุมีชายเมายาใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้คอภรรยาเป็นตัวประกันเดินไปมาตามท้องถนนบริเวณเชิงทางขึ้นสะพานกรุงเทพ ฝั่งถนนพระราม 3 แขวงบางคอแหลม เขตบางโพงพาง กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.พิสิษฐ์ พิสุทธิศักดิ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.วัดพระยาไกร พ.ต.ท.ปราชญาณ จิเนราวัต รอง ผกก.สส.สน.วัดพระยาไกร พ.ต.ท.อำนาจ อินทรศวร รอง ผกก.ปป.สน.วัดพระยาไกร และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการปิดถนนเพื่อเจรจาเกลี้ยกล่อม แต่ชายคลั่งไม่ยอมปล่อยตัวภรรยา ทำให้จราจรติดขัดต่อเนื่อง
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบชายคลั่งดังกล่าวกำลังใช้มีดจี้คอภรรยา ทราบชื่อ คือ นายศักดาวุธ งามศิริ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 357 หมู่ 10 ต.สวนกล้วย อ.กันทรลักษ์ จ.ศีรสะเกษ ส่วนภรรยา คือ น.ส.เทวี นัยนิตย์ อายุ 39 ปี โดยนายศักดาวุธอยู่ในอาการคล้ายคนเมายาและมีอาการหวาดระแวงกลัวจะมีคนเข้ามาคอยทำร้ายตลอดเวลา นายศักดาวุธไม่มีทีท่าที่จะยอมปล่อยตัวแต่อย่างใด ทำให้ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ต้องเรียกระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดอรินทราชมาที่เกิดเหตุเพื่อร่วมสังเกตการณ์
จากการสอบถาม น.ส.พรทิพย์ นัยนิต น้องสาว น.ส.เทวี กล่าวว่า เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมานายศักดาวุธถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร จับกุมตัวในข้อหายาเสพติด ต่อมาพี่สาวตนได้เดินทางไปประกันตัวนายศักดาวุฒิออกมาและเดินทางกลับบ้านพักซึ่งอยู่ภายในซอยมไหสวรรย์ 6 ก่อนที่ทั้งคู่จะมีปากเสียงและนายศักดาวุฒิได้ทำร้ายพี่สาว ตนจึงตัดสินใจเข้าไปช่วยพี่สาวออกมา แต่เรื่องกลับยิ่งบานปลายเมื่อนายศักดาวุฒิได้คว้ามีดตามออกมาจี้คอพี่สาวแล้วลากออกไปที่หน้าปากซอยดังกล่าว
จนกระทั่ง เวลา 09.20 น.หลังเกลี้ยกล่อมนานกว่า 4 ชั่วโมง นายศักดาวุธยังไม่ยอมปล่อยตัวประกัน เจ้าหน้าที่จึงแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกได้ให้เจ้าหน้าที่นั่งร่วมกับญาติเพื่อเจรจากับทางชายเมายาให้สงบสติอารมณ์ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และอีกชุดให้เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราชหยุดหนุ่มคลั่งโดยใช้อาวุธปืนไฟฟ้ายิงเข้าไปที่หัวไหล่ขวาจนล้มลงพร้อมกับเข้าชาร์จตัวทันที โดยมีชาวบ้านบางส่วนที่ยืนดูเหตุการณ์พยายามวิ่งเข้ารุมประชาทัณฑ์จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบมากันตัวออกไปนำตัวส่งโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ส่วนภรรยาได้ช่วยเหลือไว้ได้ทัน มีอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลต่อไป
จากการสอบสวนนายศักดาวุธให้การว่า ได้อยู่กินกับภรรยามากว่า 3 ปีแล้ว และทำงานที่เดียวกันที่โรงงานสบู่ภายในซอยปราการ โดยได้เสพยาบ้ามาเมื่อ 2 วันก่อน และช่วงก่อนเกิดเหตุตนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร จับกุมตัวไปสงบสติอารมณ์ เนื่องจากมีอาการเมาสุราอาละวาดทำร้ายภรรยาตนเอง ก่อนที่ภรรยาของตนจะเดินทางไปประกันตัวกลับบ้าน และมีปากเสียงกันอีกครั้งซึ่งตนเกิดอาการหลอนหวาดระแวงคิดว่าจะมีคนมารุมทำร้าย จึงได้ตัดสินใจจับภรรยาของตนเป็นตัวประกัน ก่อนหน้านี้ตนเคยถูกจับกุมในข้อหาพกพาเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองมาแล้ว รวมทั้งเมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาเมาสุราอาละวาด ซึ่งตนอยากจะขอโทษและเสียใจสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าเรื่องราวจะบานปลายถึงขนาดนี้ และอยากจะขอโทษภรรยาที่ทำแบบนี้ลงไป
ด้าน พล.ต.ต.ตรี พิสิษฐ์ พิสุทธิศักดิ์ รอง ผบ.ชน.เดินทางมาร่วมสอบปากคำด้วย พร้อมเปิดเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ และนำตัวไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด เพื่อพิจารณาการแจ้งข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดต่อไป และจากการตรวจปัสสาวะพบว่าผู้ต้องหามีสารเสพติด เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมว่าเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วานนี้ (5 เม.ย.) เมื่อเวลา 05.00 น. พ.ต.ท.ศรศักดิ์ ทองมี สว.สส.สนวัดพระยาไกร รับแจ้งเหตุมีชายเมายาใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้คอภรรยาเป็นตัวประกันเดินไปมาตามท้องถนนบริเวณเชิงทางขึ้นสะพานกรุงเทพ ฝั่งถนนพระราม 3 แขวงบางคอแหลม เขตบางโพงพาง กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อม พล.ต.ต.พิสิษฐ์ พิสุทธิศักดิ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.เกียรติณรงค์ เฉลิมสุข ผกก.สน.วัดพระยาไกร พ.ต.ท.ปราชญาณ จิเนราวัต รอง ผกก.สส.สน.วัดพระยาไกร พ.ต.ท.อำนาจ อินทรศวร รอง ผกก.ปป.สน.วัดพระยาไกร และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการปิดถนนเพื่อเจรจาเกลี้ยกล่อม แต่ชายคลั่งไม่ยอมปล่อยตัวภรรยา ทำให้จราจรติดขัดต่อเนื่อง
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบชายคลั่งดังกล่าวกำลังใช้มีดจี้คอภรรยา ทราบชื่อ คือ นายศักดาวุธ งามศิริ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 357 หมู่ 10 ต.สวนกล้วย อ.กันทรลักษ์ จ.ศีรสะเกษ ส่วนภรรยา คือ น.ส.เทวี นัยนิตย์ อายุ 39 ปี โดยนายศักดาวุธอยู่ในอาการคล้ายคนเมายาและมีอาการหวาดระแวงกลัวจะมีคนเข้ามาคอยทำร้ายตลอดเวลา นายศักดาวุธไม่มีทีท่าที่จะยอมปล่อยตัวแต่อย่างใด ทำให้ พล.ต.ต.พิสิษฐ์ต้องเรียกระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดอรินทราชมาที่เกิดเหตุเพื่อร่วมสังเกตการณ์
จากการสอบถาม น.ส.พรทิพย์ นัยนิต น้องสาว น.ส.เทวี กล่าวว่า เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมานายศักดาวุธถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร จับกุมตัวในข้อหายาเสพติด ต่อมาพี่สาวตนได้เดินทางไปประกันตัวนายศักดาวุฒิออกมาและเดินทางกลับบ้านพักซึ่งอยู่ภายในซอยมไหสวรรย์ 6 ก่อนที่ทั้งคู่จะมีปากเสียงและนายศักดาวุฒิได้ทำร้ายพี่สาว ตนจึงตัดสินใจเข้าไปช่วยพี่สาวออกมา แต่เรื่องกลับยิ่งบานปลายเมื่อนายศักดาวุฒิได้คว้ามีดตามออกมาจี้คอพี่สาวแล้วลากออกไปที่หน้าปากซอยดังกล่าว
จนกระทั่ง เวลา 09.20 น.หลังเกลี้ยกล่อมนานกว่า 4 ชั่วโมง นายศักดาวุธยังไม่ยอมปล่อยตัวประกัน เจ้าหน้าที่จึงแบ่งการทำงานออกเป็น 2 ชุด โดยชุดแรกได้ให้เจ้าหน้าที่นั่งร่วมกับญาติเพื่อเจรจากับทางชายเมายาให้สงบสติอารมณ์ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และอีกชุดให้เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราชหยุดหนุ่มคลั่งโดยใช้อาวุธปืนไฟฟ้ายิงเข้าไปที่หัวไหล่ขวาจนล้มลงพร้อมกับเข้าชาร์จตัวทันที โดยมีชาวบ้านบางส่วนที่ยืนดูเหตุการณ์พยายามวิ่งเข้ารุมประชาทัณฑ์จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรีบมากันตัวออกไปนำตัวส่งโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ส่วนภรรยาได้ช่วยเหลือไว้ได้ทัน มีอาการบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลต่อไป
จากการสอบสวนนายศักดาวุธให้การว่า ได้อยู่กินกับภรรยามากว่า 3 ปีแล้ว และทำงานที่เดียวกันที่โรงงานสบู่ภายในซอยปราการ โดยได้เสพยาบ้ามาเมื่อ 2 วันก่อน และช่วงก่อนเกิดเหตุตนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.วัดพระยาไกร จับกุมตัวไปสงบสติอารมณ์ เนื่องจากมีอาการเมาสุราอาละวาดทำร้ายภรรยาตนเอง ก่อนที่ภรรยาของตนจะเดินทางไปประกันตัวกลับบ้าน และมีปากเสียงกันอีกครั้งซึ่งตนเกิดอาการหลอนหวาดระแวงคิดว่าจะมีคนมารุมทำร้าย จึงได้ตัดสินใจจับภรรยาของตนเป็นตัวประกัน ก่อนหน้านี้ตนเคยถูกจับกุมในข้อหาพกพาเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองมาแล้ว รวมทั้งเมื่อคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาเมาสุราอาละวาด ซึ่งตนอยากจะขอโทษและเสียใจสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าเรื่องราวจะบานปลายถึงขนาดนี้ และอยากจะขอโทษภรรยาที่ทำแบบนี้ลงไป
ด้าน พล.ต.ต.ตรี พิสิษฐ์ พิสุทธิศักดิ์ รอง ผบ.ชน.เดินทางมาร่วมสอบปากคำด้วย พร้อมเปิดเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ และนำตัวไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด เพื่อพิจารณาการแจ้งข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติดต่อไป และจากการตรวจปัสสาวะพบว่าผู้ต้องหามีสารเสพติด เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมว่าเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป