เอเอฟพี – เครื่องบินโดยสารรัสเซียตกในบริเวณเมืองขุมน้ำมันในไซบีเรีย เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 31 คน บาดเจ็บสาหัส 12 คน นับเป็นความท้าทายเร่งด่วนต่อแผนการยกเครื่องอุตสาหกรรมการบินของ “ปูติน” ซึ่งเป็นหนึ่งในบรรดาเป้าหมายสำคัญอันดับแรกสุด ระหว่างการบริหารประเทศสมัยที่ 3 ของเขา
กระทรวงภาวะฉุกเฉินของรัสเซียแถลงเมื่อวันจันทร์ (2) ว่า เครื่องบินเอทีอาร์-72 แบบสองเครื่องยนต์ที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาติฝรั่งเศส-อิตาลี และบรรทุกผู้โดยสาร 39 คนกับลูกเรืออีก 4 คน ตกห่างจากเมืองทิวเมนในไซบีเรียไปทางตะวันตกราว 45 กิโลเมตร เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 31 ราย และบาดเจ็บสาหัส 12 ราย
เครื่องบินลำดังกล่าวเป็นของสายการบินยูทีแอร์ ที่ส่วนใหญ่ให้บริการในพื้นที่ที่อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติทางตะวันตกของไซบีเรียและเทือกเขาอูราล ทั้งนี้เครื่องบินที่ประสบเหตุ กำลังมุ่งหน้าสู่เมืองเซอร์กัต ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทพลังงานเซอร์กัตเนฟเทแกซ หนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติใหญ่ที่สุดในประเทศ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินเผยว่า เครื่องบินตกหลังจากทะยานขึ้นเพียง 100 เมตรและขาดการติดต่อกับหอควบคุมการบิน โดยที่นักบินดูเหมือนพยายามลงจอดฉุกเฉินในบริเวณห่างจากสนามบินรอชชิโน 1.5 กิโลเมตร
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ และกระทรวงฉุกเฉินแถลงว่า ส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่สอบสวน 232 คนไปยังที่เกิดเหตุแล้ว และล่าสุดหน่วยกู้ภัยพบห้องนักบินไหม้ไฟปะปนอยู่กับซากอื่นๆ ของเครื่องบิน รวมทั้งกล่องดำแล้ว
ทั้งนี้ ชื่อเสียงของอุตสาหกรรมการบินของรัสเซียยังคงมัวหมองจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยมีสาเหตุสำคัญจากปัญหาฝูงบินทรุดโทรมไม่ควรนำมาใช้งานแล้ว และวลาดิมีร์ ปูติน ว่าที่ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศว่า การปฏิรูปอุตสาหกรรมนี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญอันดับแรกๆ ระหว่างการบริหารประเทศเป็นสมัยที่ 3 ของเขา
ก่อนหน้านี้ ปูตินได้ออกคำสั่งให้สายการบินเลิกใช้เครื่องบินเก่าล้าสมัยภายในสิ้นปีนี้ รวมทั้งกำหนดการทดสอบและกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นสำหรับนักบินและสายการบินขนาดเล็ก
อุบัติเหตุล่าสุดนับเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งแรกที่ปูตินจะต้องจัดการภายหลังได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยเมื่อวันที่ 4 เดือนที่แล้ว และตอกย้ำปัญหาของรัสเซียในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานยุคโซเวียตให้ทันสมัย
ทางการระบุว่า การฝึกอบรมนักบินที่ไม่ได้คุณภาพ รวมทั้งความหย่อนยานของกฎความปลอดภัย เป็นปัญหาเร่งด่วนที่สุดที่อุตสาหกรรมการบินของรัสเซียเผชิญอยู่
กระนั้น แผนการยุบสายการบินขนาดเล็กที่มีเครื่องบินให้บริการเพียงไม่กี่ลำเพื่อเป็นมาตรการระวังภัยล่วงหน้า กฃีลขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่ว่า รัสเซียขาดแคลนฝูงบินที่จำเป็นต่อการเดินทางไกลภายในประเทศที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล
รัสเซียประกาศแผนเรียกคืนใบอนุญาตสายการบินขนาดเล็ก 30 แห่ง หลังเหตุเครื่องบินตกในเดือนกันยายน 2011 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 44 คน ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกทีมแชมป์ฮ็อกกี้น้ำแข็ง โลโคโมทีฟ ยาโรสลาฟ
ก่อนหน้านั้นในเดือนเมษายน 2010 เครื่องบินที่มีประธานาธิบดีเลค วาไลซาของโปแลนด์ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคนโดยสารอยู่ ตกในเมืองสโมเลนสก์ของรัสเซีย มีผู้เสียชีวิต 96 คน และกระทบอย่างรุนแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับวอร์ซอ
กระทรวงภาวะฉุกเฉินของรัสเซียแถลงเมื่อวันจันทร์ (2) ว่า เครื่องบินเอทีอาร์-72 แบบสองเครื่องยนต์ที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาติฝรั่งเศส-อิตาลี และบรรทุกผู้โดยสาร 39 คนกับลูกเรืออีก 4 คน ตกห่างจากเมืองทิวเมนในไซบีเรียไปทางตะวันตกราว 45 กิโลเมตร เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 31 ราย และบาดเจ็บสาหัส 12 ราย
เครื่องบินลำดังกล่าวเป็นของสายการบินยูทีแอร์ ที่ส่วนใหญ่ให้บริการในพื้นที่ที่อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติทางตะวันตกของไซบีเรียและเทือกเขาอูราล ทั้งนี้เครื่องบินที่ประสบเหตุ กำลังมุ่งหน้าสู่เมืองเซอร์กัต ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทพลังงานเซอร์กัตเนฟเทแกซ หนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติใหญ่ที่สุดในประเทศ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบินเผยว่า เครื่องบินตกหลังจากทะยานขึ้นเพียง 100 เมตรและขาดการติดต่อกับหอควบคุมการบิน โดยที่นักบินดูเหมือนพยายามลงจอดฉุกเฉินในบริเวณห่างจากสนามบินรอชชิโน 1.5 กิโลเมตร
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ และกระทรวงฉุกเฉินแถลงว่า ส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่สอบสวน 232 คนไปยังที่เกิดเหตุแล้ว และล่าสุดหน่วยกู้ภัยพบห้องนักบินไหม้ไฟปะปนอยู่กับซากอื่นๆ ของเครื่องบิน รวมทั้งกล่องดำแล้ว
ทั้งนี้ ชื่อเสียงของอุตสาหกรรมการบินของรัสเซียยังคงมัวหมองจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยมีสาเหตุสำคัญจากปัญหาฝูงบินทรุดโทรมไม่ควรนำมาใช้งานแล้ว และวลาดิมีร์ ปูติน ว่าที่ประธานาธิบดีรัสเซีย ประกาศว่า การปฏิรูปอุตสาหกรรมนี้เป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญอันดับแรกๆ ระหว่างการบริหารประเทศเป็นสมัยที่ 3 ของเขา
ก่อนหน้านี้ ปูตินได้ออกคำสั่งให้สายการบินเลิกใช้เครื่องบินเก่าล้าสมัยภายในสิ้นปีนี้ รวมทั้งกำหนดการทดสอบและกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นสำหรับนักบินและสายการบินขนาดเล็ก
อุบัติเหตุล่าสุดนับเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งแรกที่ปูตินจะต้องจัดการภายหลังได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยเมื่อวันที่ 4 เดือนที่แล้ว และตอกย้ำปัญหาของรัสเซียในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานยุคโซเวียตให้ทันสมัย
ทางการระบุว่า การฝึกอบรมนักบินที่ไม่ได้คุณภาพ รวมทั้งความหย่อนยานของกฎความปลอดภัย เป็นปัญหาเร่งด่วนที่สุดที่อุตสาหกรรมการบินของรัสเซียเผชิญอยู่
กระนั้น แผนการยุบสายการบินขนาดเล็กที่มีเครื่องบินให้บริการเพียงไม่กี่ลำเพื่อเป็นมาตรการระวังภัยล่วงหน้า กฃีลขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่ว่า รัสเซียขาดแคลนฝูงบินที่จำเป็นต่อการเดินทางไกลภายในประเทศที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล
รัสเซียประกาศแผนเรียกคืนใบอนุญาตสายการบินขนาดเล็ก 30 แห่ง หลังเหตุเครื่องบินตกในเดือนกันยายน 2011 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 44 คน ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกทีมแชมป์ฮ็อกกี้น้ำแข็ง โลโคโมทีฟ ยาโรสลาฟ
ก่อนหน้านั้นในเดือนเมษายน 2010 เครื่องบินที่มีประธานาธิบดีเลค วาไลซาของโปแลนด์ และเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกหลายคนโดยสารอยู่ ตกในเมืองสโมเลนสก์ของรัสเซีย มีผู้เสียชีวิต 96 คน และกระทบอย่างรุนแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับวอร์ซอ