ASTVผู้จัดการรายวัน-ตอกหน้า “เฉลิม”นัดเดียว !กมธ.ตำรวจสรุป “นายดาบ” ยิงวิศวกรสกลนคร ย้ำชัดเป็นผู้ บริสุทธิ์ ถูกยัดยาบ้า ป้ายความผิดให้ หลังรองนายกฯอุ้มลูกน้อง ด่าสื่อ! ส่งผลพิจารณาให้ครอบครัวฟ้องศาลเอาผิด เรียกเงินเยียวยาเป็นบรรทัดฐาน
วานนี้ (14 มี.ค.)นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธาน กมธ. คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภา ผู้แทนราษฎร แถลงกรณีที่นายส่งเสริม แสงฤทธิ์ ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกรรมาธิการ กรณีที่นายไพโรจน์ แสงฤทธิ์ บุตรชาย ที่เป็นวิศวกรจ.สกลนคร ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดสกลนครยิงเสียชีวิตและยัดยาบ้าโดยไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า ทางคณะกรรมาธิการการตำรวจได้มีการประชุมทั้งสิ้น 4 ครั้งและลงพื้นที่เพื่อตรวจดูสถานที่เกิดเหตุ โดยมีการรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาพิจารณาถึงเรื่องนี้ จึงได้ข้อสรุปว่า
1.เจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุ ในการใช้อาวุธปืนยิงนายไพโรจน์ที่อยู่ในรถยนต์ โดยไม่ได้ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าเป็นรถยนต์ที่เกี่ยวข้องกับการะทำความผิดหรือไม่ ซึ่งการที่ ด.ต.สิทธิกุล กาติวงศ์ ใช้อาวุธปืนยืนไปที่รถยนต์ 2 นัด ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า อาจทำให้ผู้ที่อยู่ในรถถึงแก่ความตายหรือได้รับบาดเจ็บ พิจารณาจากจำนวนกระสุนที่ยิง วิถีกระสุนที่ยิง มุ่งให้เกิดการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ทั้งที่ไม่ยังไม่มีการต่อสู้ และไม่ปรากฏเลยว่าผู้ตายมีความผิดใดๆ
2.กรณียาบ้า พ่อผู้ตายได้ตรวจค้น 2 ครั้งแล้วไม่พบยาบ้า/พยาบาลยืนยันไม่พบสก๊อตเทป กาว ที่จะติดยาบ้าในกางเกงบ๊อกเซอร์/การยกผู้ตายขึ้นเปล ในแนวเอียง และเปลหลุดมือเจ้าหน้าที่ ครั้งไม่มีสิ่งใดหลุดล่วงออกมา /ยาบ้าไม่มีคราบเมือก หรือบ่งบอกว่าหลุดมาจากทวาร/ หากผู้ตายหนีบยาบ้าไว้ในโคนขาหนีบ เมื่อถูกยิงเส้นกล้ามเนื้อจะคลายออก ซึ่งจะทำให้วัตถุร่วงลงได้ แต่ทั้งหมดไม่มีเลย กลับไปพบในบ๊อกเซอร์ ทั้งหมดเชื่อได้ว่า เป็นการยัดยาบ้า
ทางคณะกรรมาธิการยังไม่เชื่อว่ายาบ้าจำนวน 198 เม็ด ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าพบจากบริเวณศพของนายไพโรจน์จะเป็นของนายไพโรจน์จริง เนื่องจากในวันที่เสียชีวิตนายไพโรจน์ ได้มีการตรวจดูทรัพย์สินของผู้ตายถึงสองครั้ง โดยละเอียดแต่ก็ไม่พบ และหากยาบ้าดังกล่าวอยู่ในร่างกายของผู้ตาย ยาบ้าที่ถูกห่อด้วยถุงพลาสติดสีดำ ก็จะต้องมีคราบอุจจาระ หรือคราบเมือกจากร่างกายปรากฎให้เห็นด้วย นอกจากนี้การเคลื่อนย้ายผู้ตายจากจุดเกิดเหตุ หากมียาบ้าอยู่จริง วัตถุดังกล่าวที่ซุกซ่อนอยู่ด้านในก็น่าจะตกหล่นลงมา
นายสมชาย ยังกล่าวต่อว่า คณะกรรมาธิการเห็นควรแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ต่อไป และขอให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจะต้องยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม หลักมนุษยชน อย่างเคร่งครัด ต้องยึดหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ และต้องยอมรับการตรวจสอบจากทุกภาคส่วน รวมถึงสื่อมวลชนด้วย และส่งผลต่อให้ครอบครัว เพื่อประกอบการฟ้องร้องต่อศาล
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ในกรณีดังกล่าวร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พาดพิงการทำงานของกมธ. กรณีดังกล่าวให้ท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือปกป้องลูกน้อง และระบุว่าเคยมีผู้มาร้องเรียนเรื่องนี้แล้วไม่รับ เพราะไม่โง่
โดยกรณีนี้นายฉลอง เรี่ยวแรง ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ.ตำรวจออกมาตอบโต้ว่า คนที่รับเป็นกมธ. แต่คนเป็นด๊อกเตอร์ คงจะโง่ที่ไม่รับเรื่องนี้
ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม สัมภาษณ์หลายครั้ง ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกเขาว่ายิงไปเพียงนัดเดียว รวมทั้งยังต่อว่ารายการข่าวโทรทัศน์ช่องหนึ่งว่า ทีมงานข่าวตามกัดตามจิกตำรวจ
อย่างไรก็ตามกมธ.ชุดดังกล่าวไม่มีการหารือว่า ครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับการเยียวยาเช่นไรโดยระบุเพียงว่า เพื่อประกอบการฟ้องร้องต่อศาลเท่านั้น.
วานนี้ (14 มี.ค.)นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธาน กมธ. คณะกรรมาธิการการตำรวจ สภา ผู้แทนราษฎร แถลงกรณีที่นายส่งเสริม แสงฤทธิ์ ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกรรมาธิการ กรณีที่นายไพโรจน์ แสงฤทธิ์ บุตรชาย ที่เป็นวิศวกรจ.สกลนคร ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดสกลนครยิงเสียชีวิตและยัดยาบ้าโดยไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า ทางคณะกรรมาธิการการตำรวจได้มีการประชุมทั้งสิ้น 4 ครั้งและลงพื้นที่เพื่อตรวจดูสถานที่เกิดเหตุ โดยมีการรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาพิจารณาถึงเรื่องนี้ จึงได้ข้อสรุปว่า
1.เจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุ ในการใช้อาวุธปืนยิงนายไพโรจน์ที่อยู่ในรถยนต์ โดยไม่ได้ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าเป็นรถยนต์ที่เกี่ยวข้องกับการะทำความผิดหรือไม่ ซึ่งการที่ ด.ต.สิทธิกุล กาติวงศ์ ใช้อาวุธปืนยืนไปที่รถยนต์ 2 นัด ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า อาจทำให้ผู้ที่อยู่ในรถถึงแก่ความตายหรือได้รับบาดเจ็บ พิจารณาจากจำนวนกระสุนที่ยิง วิถีกระสุนที่ยิง มุ่งให้เกิดการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ทั้งที่ไม่ยังไม่มีการต่อสู้ และไม่ปรากฏเลยว่าผู้ตายมีความผิดใดๆ
2.กรณียาบ้า พ่อผู้ตายได้ตรวจค้น 2 ครั้งแล้วไม่พบยาบ้า/พยาบาลยืนยันไม่พบสก๊อตเทป กาว ที่จะติดยาบ้าในกางเกงบ๊อกเซอร์/การยกผู้ตายขึ้นเปล ในแนวเอียง และเปลหลุดมือเจ้าหน้าที่ ครั้งไม่มีสิ่งใดหลุดล่วงออกมา /ยาบ้าไม่มีคราบเมือก หรือบ่งบอกว่าหลุดมาจากทวาร/ หากผู้ตายหนีบยาบ้าไว้ในโคนขาหนีบ เมื่อถูกยิงเส้นกล้ามเนื้อจะคลายออก ซึ่งจะทำให้วัตถุร่วงลงได้ แต่ทั้งหมดไม่มีเลย กลับไปพบในบ๊อกเซอร์ ทั้งหมดเชื่อได้ว่า เป็นการยัดยาบ้า
ทางคณะกรรมาธิการยังไม่เชื่อว่ายาบ้าจำนวน 198 เม็ด ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่าพบจากบริเวณศพของนายไพโรจน์จะเป็นของนายไพโรจน์จริง เนื่องจากในวันที่เสียชีวิตนายไพโรจน์ ได้มีการตรวจดูทรัพย์สินของผู้ตายถึงสองครั้ง โดยละเอียดแต่ก็ไม่พบ และหากยาบ้าดังกล่าวอยู่ในร่างกายของผู้ตาย ยาบ้าที่ถูกห่อด้วยถุงพลาสติดสีดำ ก็จะต้องมีคราบอุจจาระ หรือคราบเมือกจากร่างกายปรากฎให้เห็นด้วย นอกจากนี้การเคลื่อนย้ายผู้ตายจากจุดเกิดเหตุ หากมียาบ้าอยู่จริง วัตถุดังกล่าวที่ซุกซ่อนอยู่ด้านในก็น่าจะตกหล่นลงมา
นายสมชาย ยังกล่าวต่อว่า คณะกรรมาธิการเห็นควรแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ต่อไป และขอให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำชับการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจะต้องยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม หลักมนุษยชน อย่างเคร่งครัด ต้องยึดหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ และต้องยอมรับการตรวจสอบจากทุกภาคส่วน รวมถึงสื่อมวลชนด้วย และส่งผลต่อให้ครอบครัว เพื่อประกอบการฟ้องร้องต่อศาล
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ในกรณีดังกล่าวร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พาดพิงการทำงานของกมธ. กรณีดังกล่าวให้ท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือปกป้องลูกน้อง และระบุว่าเคยมีผู้มาร้องเรียนเรื่องนี้แล้วไม่รับ เพราะไม่โง่
โดยกรณีนี้นายฉลอง เรี่ยวแรง ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะกมธ.ตำรวจออกมาตอบโต้ว่า คนที่รับเป็นกมธ. แต่คนเป็นด๊อกเตอร์ คงจะโง่ที่ไม่รับเรื่องนี้
ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม สัมภาษณ์หลายครั้ง ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกเขาว่ายิงไปเพียงนัดเดียว รวมทั้งยังต่อว่ารายการข่าวโทรทัศน์ช่องหนึ่งว่า ทีมงานข่าวตามกัดตามจิกตำรวจ
อย่างไรก็ตามกมธ.ชุดดังกล่าวไม่มีการหารือว่า ครอบครัวผู้เสียชีวิตจะได้รับการเยียวยาเช่นไรโดยระบุเพียงว่า เพื่อประกอบการฟ้องร้องต่อศาลเท่านั้น.