ASTVผู้จัดการรายวัน - ตลาดวัสดุคึกคักรับอานิสงส์ซ่อมบ้านหลังน้ำลด โฮมเวิร์ค - ไทวัสดุในเครือเซ็นทรัล เผยยอดขายสาขาโซนน้ำท่วมพุ่ง 30-80% คาดทั้งปียอดขายแตะหมื่นล้านบาท พร้อมทุ่มงบ 8,000 ล้านบาท ขยายสาขาไทวัสดุ 10 แห่ง - โฮมเวิร์ค 1 แห่งภายในปีนี้
นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี อาร์ ซี เพาเวอร์ รีเทล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์ค้าวัสดุโฮมเวิร์ค และไทวัสดุ เปิดเผยว่า เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาในกว่า 50 จังหวัด ส่งผลให้หลังน้ำลดมีความต้องการวัสดุเพื่อซ่อมแซมและสร้างบ้านใหม่จำนวนมาก พิจารณาได้จากยอดขายนับจากปี 2555 ยอดขายของสาขาที่อยู่ในโซนน้ำท่วมเพิ่มขึ้นกว่า 30-80% ขณะที่ยอดขายเฉลี่ยของทั้ง 2 ศูนย์เพิ่มขึ้นประมาณ 30-40%
นอกจากนี้บริษัทยังทุ่มงบประมาณกว่า 8,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาให้ครอบคลุมหัวเมืองสำคัญทั่วประเทศและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น โดยแบ่งเป็นไทวัสดุ 10 สาขา เปิดในไตรมาส 1 จำนวน 5 สาขาได้แก่ ขอนแก่น, หาดใหญ่, ชะอำ ลพบุรี จันทบุรี ส่วนอีก 5 สาขาจะทยอยเปิดในช่วงครึ่งหลังของปี ได้แก่ เชียงใหม่, อุบลราชธานี, ร้อยเอ็ด,และสุพรรณบุรี ส่วนสาขาสุดท้ายอยู่ระหว่างหาทำเล ซึ่งจะส่งผลให้สิ้นปี 2555 ไทยวัสดุจะมีสาขา 20 แห่ง จากปัจจุบันมี 10 แห่ง
สำหรับโฮมเวิร์คนั้นจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 7 สาขา ได้แก่ พระราม 2, รังสิต, รัตนาธิเบศร์, เพชรเกษม, ราชพฤกษ์, พัทยาและภูเก็ต และจากการขยายสาขาเพิ่มดังกล่าว ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 5.5-6.5% ซึ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีการเติบโตที่สอดคล้องไปกับการเติบโตของ GDP ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างยอดขายในปี 2555 ได้ 10,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 65% แบ่งเป็นยอดขายจากไทวัสดุ 70% โฮมเวิร์ค 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากไทวัสดุ 45% และโฮมเวิร์ค 55%
“บริษัทมีแนวคิดที่จะขยายสาขาให้ครบทุกจังหวัด ซึ่งอาจมีหลายจังหวัดที่เปิด 2 สาขาขึ้นไป แต่เราจะไม่ขยายสาขาขนาดเล็กเข้าทำตลาดชุมชน เนื่องจากบริษัทได้ต้องการแย้งตลาดกับร้านค้าวัสดุที่ซื้อสินค้าจากไทวัสดุและโฮเวิร์ค ส่วนในปีหน้านั้นการขยายสาขาอาจจะลดน้อยลงเนื่องจากปีนี้เปิดสาขาจำนวนมากแล้ว ส่วนเม็ดเงินลงทุน 8,000 ล้านบาทนั้นมาจากการกู้ยืมบริษัทแม่ คือ เซ็นทรัล” นายสุทธิสาร กล่าว
นายสุทธิสาร กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการตลาดในปีนี้ จะเน้นประชาสัมพันธ์สินค้าที่จัดจำหน่ายโดยบริษัท หรือ เฮาส์แบรนด์ เพิ่มมากขึ้น โดยจะเปิดตัวสินค้า Exclusive Brand 4 แบรนด์ ได้แก่ 1.KASSA (คัซซ่า) สินค้ากลุ่มสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำ หลากหลายดีไซน์ จากผู้ผลิตที่ได้รับมาตรฐานทั้งในและต่างประเทศ ที่คัดสรรมาอย่างดีกว่า 1,000 รายการ ,2.KASSA home (คัซซ่า โฮม) กลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน ทั้งหมอนอิง ผ้าม่าน พรม และผ้าขนหนู , 3. Luzina (ลูซิน่า) สินค้ากลุ่มโคมไฟคุณภาพชั้นนำ คัดสรรวัสดุคุณภาพดีผสมผสานกับการตกแต่ง และออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชื่อดังกว่า 100 ดีไซน์ และ 4.GIANT KINGKONG (ไจแอ้นท์ คิงคอง) สินค้ากลุ่มเครื่องมือช่างคุณภาพดี สินค้าฮาร์ดแวร์ บันได อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้สินค้าทั้ง 4 แบรนด์ จะวางขายที่ร้านไทวัสดุและโฮมเวิร์คทุกสาขา นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้มีการจัดมหกรรมสินค้าราคาพิเศษขึ้นเป็นประจำทุกปีภายใต้ชื่องาน Homeworks Expo ที่ไบเทค บางนา จัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง และ Homeworks & Power Buy Super Sale ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้า พร้อมนำเสนอสินค้าใหม่ๆ และ การบริการที่เป็นเลิศและครบวงจรให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ไทวัสดุ ยังมีแผนการตลาดสำหรับ "บัตรไทการ์ด” บัตรสะสมแต้มของร้านไทวัสดุ ที่ได้แบ่งรูปแบบตามกลุ่มผู้ซื้อสินค้าออกเป็น 3 แบบ ได้แก่ 1.บัตรลูกค้า VIP. (บัตรสีแดง) สำหรับบุคคลทั่วไป 2.บัตรสำหรับช่างผู้รับเหมา (บัตรสีเงิน) สำหรับช่าง ผู้รับเหมา เจ้าของโครงการ สถาปนิก วิศวกร มัณฑนากร และผู้จัดซื้อโครงการ 3.บัตรร้านค้าช่วง (บัตรสีทอง) สำหรับร้านค้ารายย่อย หรือผู้ซื้อเพื่อนำไปขายต่อ ลูกค้าสามารถสะสมคะแนนเพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้นานถึง 2 ปี พร้อมกันนี้ยังจัดโปรโมชั่นเสริมพิเศษให้แก่ลูกค้ากลุ่มช่างผู้รับเหมาอีกด้วย ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะมีสมาชิกบัตร "ไทการ์ด” เพิ่มมากขึ้นรวม 400,000 ราย
นายสุทธิสาร จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี อาร์ ซี เพาเวอร์ รีเทล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์ค้าวัสดุโฮมเวิร์ค และไทวัสดุ เปิดเผยว่า เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ช่วงปลายปีที่ผ่านมาในกว่า 50 จังหวัด ส่งผลให้หลังน้ำลดมีความต้องการวัสดุเพื่อซ่อมแซมและสร้างบ้านใหม่จำนวนมาก พิจารณาได้จากยอดขายนับจากปี 2555 ยอดขายของสาขาที่อยู่ในโซนน้ำท่วมเพิ่มขึ้นกว่า 30-80% ขณะที่ยอดขายเฉลี่ยของทั้ง 2 ศูนย์เพิ่มขึ้นประมาณ 30-40%
นอกจากนี้บริษัทยังทุ่มงบประมาณกว่า 8,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาให้ครอบคลุมหัวเมืองสำคัญทั่วประเทศและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น โดยแบ่งเป็นไทวัสดุ 10 สาขา เปิดในไตรมาส 1 จำนวน 5 สาขาได้แก่ ขอนแก่น, หาดใหญ่, ชะอำ ลพบุรี จันทบุรี ส่วนอีก 5 สาขาจะทยอยเปิดในช่วงครึ่งหลังของปี ได้แก่ เชียงใหม่, อุบลราชธานี, ร้อยเอ็ด,และสุพรรณบุรี ส่วนสาขาสุดท้ายอยู่ระหว่างหาทำเล ซึ่งจะส่งผลให้สิ้นปี 2555 ไทยวัสดุจะมีสาขา 20 แห่ง จากปัจจุบันมี 10 แห่ง
สำหรับโฮมเวิร์คนั้นจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขา คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 7 สาขา ได้แก่ พระราม 2, รังสิต, รัตนาธิเบศร์, เพชรเกษม, ราชพฤกษ์, พัทยาและภูเก็ต และจากการขยายสาขาเพิ่มดังกล่าว ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 5.5-6.5% ซึ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะมีการเติบโตที่สอดคล้องไปกับการเติบโตของ GDP ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างยอดขายในปี 2555 ได้ 10,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 65% แบ่งเป็นยอดขายจากไทวัสดุ 70% โฮมเวิร์ค 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากไทวัสดุ 45% และโฮมเวิร์ค 55%
“บริษัทมีแนวคิดที่จะขยายสาขาให้ครบทุกจังหวัด ซึ่งอาจมีหลายจังหวัดที่เปิด 2 สาขาขึ้นไป แต่เราจะไม่ขยายสาขาขนาดเล็กเข้าทำตลาดชุมชน เนื่องจากบริษัทได้ต้องการแย้งตลาดกับร้านค้าวัสดุที่ซื้อสินค้าจากไทวัสดุและโฮเวิร์ค ส่วนในปีหน้านั้นการขยายสาขาอาจจะลดน้อยลงเนื่องจากปีนี้เปิดสาขาจำนวนมากแล้ว ส่วนเม็ดเงินลงทุน 8,000 ล้านบาทนั้นมาจากการกู้ยืมบริษัทแม่ คือ เซ็นทรัล” นายสุทธิสาร กล่าว
นายสุทธิสาร กล่าวต่อว่า สำหรับแผนการตลาดในปีนี้ จะเน้นประชาสัมพันธ์สินค้าที่จัดจำหน่ายโดยบริษัท หรือ เฮาส์แบรนด์ เพิ่มมากขึ้น โดยจะเปิดตัวสินค้า Exclusive Brand 4 แบรนด์ ได้แก่ 1.KASSA (คัซซ่า) สินค้ากลุ่มสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ห้องน้ำ หลากหลายดีไซน์ จากผู้ผลิตที่ได้รับมาตรฐานทั้งในและต่างประเทศ ที่คัดสรรมาอย่างดีกว่า 1,000 รายการ ,2.KASSA home (คัซซ่า โฮม) กลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน ทั้งหมอนอิง ผ้าม่าน พรม และผ้าขนหนู , 3. Luzina (ลูซิน่า) สินค้ากลุ่มโคมไฟคุณภาพชั้นนำ คัดสรรวัสดุคุณภาพดีผสมผสานกับการตกแต่ง และออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชื่อดังกว่า 100 ดีไซน์ และ 4.GIANT KINGKONG (ไจแอ้นท์ คิงคอง) สินค้ากลุ่มเครื่องมือช่างคุณภาพดี สินค้าฮาร์ดแวร์ บันได อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้สินค้าทั้ง 4 แบรนด์ จะวางขายที่ร้านไทวัสดุและโฮมเวิร์คทุกสาขา นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้มีการจัดมหกรรมสินค้าราคาพิเศษขึ้นเป็นประจำทุกปีภายใต้ชื่องาน Homeworks Expo ที่ไบเทค บางนา จัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง และ Homeworks & Power Buy Super Sale ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้า พร้อมนำเสนอสินค้าใหม่ๆ และ การบริการที่เป็นเลิศและครบวงจรให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ไทวัสดุ ยังมีแผนการตลาดสำหรับ "บัตรไทการ์ด” บัตรสะสมแต้มของร้านไทวัสดุ ที่ได้แบ่งรูปแบบตามกลุ่มผู้ซื้อสินค้าออกเป็น 3 แบบ ได้แก่ 1.บัตรลูกค้า VIP. (บัตรสีแดง) สำหรับบุคคลทั่วไป 2.บัตรสำหรับช่างผู้รับเหมา (บัตรสีเงิน) สำหรับช่าง ผู้รับเหมา เจ้าของโครงการ สถาปนิก วิศวกร มัณฑนากร และผู้จัดซื้อโครงการ 3.บัตรร้านค้าช่วง (บัตรสีทอง) สำหรับร้านค้ารายย่อย หรือผู้ซื้อเพื่อนำไปขายต่อ ลูกค้าสามารถสะสมคะแนนเพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้นานถึง 2 ปี พร้อมกันนี้ยังจัดโปรโมชั่นเสริมพิเศษให้แก่ลูกค้ากลุ่มช่างผู้รับเหมาอีกด้วย ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ จะมีสมาชิกบัตร "ไทการ์ด” เพิ่มมากขึ้นรวม 400,000 ราย