นายไพโรจน์ ชื่นครุฑกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จํากัด (มหาชน)(กรุงศรีออโต้) เปิดเผยว่า เป้าหมายทางการเงินของกรุงศรีออโต้ในปี 2555 นั้น ตั้งเป้าสินเชื่อใหม่จํานวน 127,000ล้านบาท โดยคาดว่า จะมียอดสินเชื่อรวมอยู่ที่ 190,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 28% และคาดว่าจะมีฐานลูกค้ารวม 910,000ราย และมั่นใจว่าบริษัทจะยังครองส่วนแบ่งการตลาดไว้ได้อย่างเหนียวแน่นโดยเฉพาะในตลาดสินเชื่อรถใช้แล้วและรีไฟแนนซ์ที่ยังคงอันดับหนึ่งในขณะนี้
โดยบริษัทจะเน้นดำเนินกลยุทธในด้านการบริการและเทคโนโลยีให้มากขึ้น เพื่อให้ความสะดวกและรวดเร็วกับลูกค้ามากขึ้น อาทิ บริการKrungsri Auto Sales Buddy การนำเทคโนโลยี IDCard Reader มาใช้ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนการกรอกและยื่นเอกสารลูกค้าขอสินเชื่อสะดวกสบายยิ่งขึ้น รู้ผลสินเชื่อภายใน 15 นาทีในกรณีเอกสารครบ ซึ่งจะนำไปใช้ในงาน “มอเตอร์โชว์”ปลายเดือนนี้ เป็นต้น รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น การเพิ่มช่องทางการบริการที่เข้าถึงลูกค้า โดยจะเพิ่มการขอสินเชื่อผ่านสาขาของไปรษณีย์ไทยเป็น 600 สาขา จากเดิม 126 สาขา และร่วมมือกับพันธมิตรและกรุงศรีกรุ๊ปใกล้ชิดขึ้น จากปัจจุบันที่บริษัทมียอดสินเชื่อผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยาและกองทุนบำเหน็จบำนาญ(กบข.)แห่งละประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อเดือน
"การแข่งขันของตลาดรวมในปีนี้ก็ยังคงสูงอยู่ แต่บริษัทจะไม่เน้นแข่งขันด้านราคา คงจะดูเรื่องการบริการเป็นหลัก เพราะด้านราคานั้น ก็คงจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพราะลีสซิ่งใหญ่ๆทุกแห่งก็มีแบงก์เป็นแหล่งทุนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้นทุนด้านเงินทุนก็ไม่ต่างกันอยู่แล้ว จึงเน้นด้านบริการมากกว่า โดยโครงสร้างเงินทุนของบริษัทขณะนี้มาจากธนาคารกรุงศรีฯ 80% การออกหุ้นกู้ 20% ซึ่งการออกหุ้นกู้ในปีนี้คงต้องรอทิศทางดอกเบี้ยก่อน"
นายไพโรจน์กล่าวอีกว่า ปัจจัยเสี่ยงในปีนี้ก็จะเป็นเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังเชื่อว่าจะถึงระดับปี 2008 ที่ลิตรละเกือบ 50 บาท ขณะที่ปัจจัยบวกยังมีหลายด้าน โดยเฉพาะยอดขายรถใหม่ที่น่าจะเพิ่มขึ้น ทั้งจากที่ค้างมาจากปีที่แล้ว และจำนวนรถที่จะออกใหม่ในปีนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมียอดขายรถใหม่ปีนี้เกิน 1 ล้านคัน จึงเป็นปัจจัยหนุนที่คาดว่าบริษัทจะสามารถปล่อยกู้ได้ตามเป้าหมาย โดยการปล่อยกู้จะยังคงโครงสร้างสินเชื่อเดิมที่เป็นรถใหม่ 50% รถมือสอง 45% และรถมอเตอร์ไซค์ 5% เพื่อให้พอร์ตสินเชื่อกระจายและมีความเสี่ยงต่ำ
สำหรับผลประกอบการในปี 2554 นั้น ถือว่าเป็นปีที่ท้าทายจากภาวะต่างๆ โดยเฉพาะเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ได้ส่งผลต่อยอดสินเชื่อของบริษัทด้วย แต่ผลประกอบการที่ออกก็น่าพอใจ โดยมีการเติบโตสูงกว่าเป้าหมายในทุกด้านและยังคงเป็นผู้นําตลาดธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจรตามเป้าหมาย มียอดสินเชื่อใหม่ 99,000 ล้านบาทคิดเป็นอัตราการเติบโตถึง34%สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 13%ขณะที่ลูกค้าที่ประสบปัญหาการชำระค่างวดมีไม่ถึง1%ของฐานลูกค้าทั้งหมด และส่งผลให้ยอดสินเชื่อรวมของบริษัทเติบโตต่อเนื่องไปอยู่ที่151,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 26%ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ และมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) 1.5% จากที่ตั้งเป้าไม่ให้เกิน 2%
โดยบริษัทจะเน้นดำเนินกลยุทธในด้านการบริการและเทคโนโลยีให้มากขึ้น เพื่อให้ความสะดวกและรวดเร็วกับลูกค้ามากขึ้น อาทิ บริการKrungsri Auto Sales Buddy การนำเทคโนโลยี IDCard Reader มาใช้ซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนการกรอกและยื่นเอกสารลูกค้าขอสินเชื่อสะดวกสบายยิ่งขึ้น รู้ผลสินเชื่อภายใน 15 นาทีในกรณีเอกสารครบ ซึ่งจะนำไปใช้ในงาน “มอเตอร์โชว์”ปลายเดือนนี้ เป็นต้น รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตรงใจลูกค้ามากขึ้น การเพิ่มช่องทางการบริการที่เข้าถึงลูกค้า โดยจะเพิ่มการขอสินเชื่อผ่านสาขาของไปรษณีย์ไทยเป็น 600 สาขา จากเดิม 126 สาขา และร่วมมือกับพันธมิตรและกรุงศรีกรุ๊ปใกล้ชิดขึ้น จากปัจจุบันที่บริษัทมียอดสินเชื่อผ่านธนาคารกรุงศรีอยุธยาและกองทุนบำเหน็จบำนาญ(กบข.)แห่งละประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อเดือน
"การแข่งขันของตลาดรวมในปีนี้ก็ยังคงสูงอยู่ แต่บริษัทจะไม่เน้นแข่งขันด้านราคา คงจะดูเรื่องการบริการเป็นหลัก เพราะด้านราคานั้น ก็คงจะไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพราะลีสซิ่งใหญ่ๆทุกแห่งก็มีแบงก์เป็นแหล่งทุนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นต้นทุนด้านเงินทุนก็ไม่ต่างกันอยู่แล้ว จึงเน้นด้านบริการมากกว่า โดยโครงสร้างเงินทุนของบริษัทขณะนี้มาจากธนาคารกรุงศรีฯ 80% การออกหุ้นกู้ 20% ซึ่งการออกหุ้นกู้ในปีนี้คงต้องรอทิศทางดอกเบี้ยก่อน"
นายไพโรจน์กล่าวอีกว่า ปัจจัยเสี่ยงในปีนี้ก็จะเป็นเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังเชื่อว่าจะถึงระดับปี 2008 ที่ลิตรละเกือบ 50 บาท ขณะที่ปัจจัยบวกยังมีหลายด้าน โดยเฉพาะยอดขายรถใหม่ที่น่าจะเพิ่มขึ้น ทั้งจากที่ค้างมาจากปีที่แล้ว และจำนวนรถที่จะออกใหม่ในปีนี้ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมียอดขายรถใหม่ปีนี้เกิน 1 ล้านคัน จึงเป็นปัจจัยหนุนที่คาดว่าบริษัทจะสามารถปล่อยกู้ได้ตามเป้าหมาย โดยการปล่อยกู้จะยังคงโครงสร้างสินเชื่อเดิมที่เป็นรถใหม่ 50% รถมือสอง 45% และรถมอเตอร์ไซค์ 5% เพื่อให้พอร์ตสินเชื่อกระจายและมีความเสี่ยงต่ำ
สำหรับผลประกอบการในปี 2554 นั้น ถือว่าเป็นปีที่ท้าทายจากภาวะต่างๆ โดยเฉพาะเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ได้ส่งผลต่อยอดสินเชื่อของบริษัทด้วย แต่ผลประกอบการที่ออกก็น่าพอใจ โดยมีการเติบโตสูงกว่าเป้าหมายในทุกด้านและยังคงเป็นผู้นําตลาดธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจรตามเป้าหมาย มียอดสินเชื่อใหม่ 99,000 ล้านบาทคิดเป็นอัตราการเติบโตถึง34%สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 13%ขณะที่ลูกค้าที่ประสบปัญหาการชำระค่างวดมีไม่ถึง1%ของฐานลูกค้าทั้งหมด และส่งผลให้ยอดสินเชื่อรวมของบริษัทเติบโตต่อเนื่องไปอยู่ที่151,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 26%ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ และมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) 1.5% จากที่ตั้งเป้าไม่ให้เกิน 2%