00 การนัดประชุมตัวแทนพี่น้องพันธมิตรฯทั่วประเทศที่สวนลุมฯเมื่อวันเสาร์ที่ 10 มี.ค.จะเรียกว่าเป็นการเช็กกำลัง สำรวจความพร้อม แบบตรวจแถวตามศัพท์แสงก่อนการเคลื่อนพลแบบนั้นก็ได้ และก็ไม่ผิดหวัง เพราะมีพี่น้องเข้าร่วมมากมายเกินคาด สถานที่ที่เตรียมไว้รองรับคับแคบไปถนัดใจ และที่น่าชื่นใจก็คือมีพี่น้องจำนวนไม่น้อยที่ห่างเหินกันไปได้ย้อนกลับมาร่วมอีกครั้ง อาจเป็นเพราะต้องการ “สงวนจุดต่าง” เล็กๆน้อยๆเอาไว้ก่อน เพื่อไปสู่เป้าหมายใหญ่วันหน้า
00 ประกาศย้ำชัดจากปากของแกนนำ ไม่ว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง สนธิ ลิ้มทองกุล พิภพ ธงไชย และ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ รวมทั้งความเห็นของบรรดาพี่น้องที่ตอบแบบสอบถามที่ตรงกับเสียงส่วนใหญ่ว่า การเคลื่อนขบวนของพันธมิตรฯจะต้องออกมาเพื่อการปฏิรูปฯการเมืองครั้งใหญ่เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อสลับเปลี่ยนขั้วให้ “เอี้ยไป-จัญไร” มาชุบมือเปิบเหมือนเช่นอดีตอีกต่อไป ไม่ใช่ชุมนุมแบบไร้เดียงสา เป็นเครื่องมือหรือ “เอามัน” ตามแรงยุของพวกการเมืองบางคนที่จ้องใช้เป็น “เครื่องมือ” เท่านั้น
00 มองว่านักการเมืองมัน “กระจอก” ไร้คุณค่า ที่สำคัญรู้ทันอยู่ตลอดเวลาว่าพวกมันจะขยับไปทางไหน อย่างเรื่องการแก้ไข รธน.ที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียดกันอยู่นั้นก็แค่ต้องการลบล้างความผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร และแก้ไขเรื่องรองรับอำนาจทางการเมืองในอนาคตเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชาวบ้านแต่อย่างใด เพราะอย่างที่รู้กันเต็มอกแล้วว่ากฎหมายไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารบ้านเมืองแม้แต่น้อย แต่ก็รอดูไปเรื่อยๆแล้วกันว่าจะเป็นจริงอย่างที่พูดหรือไม่ และที่สำคัญถ้ายังไปข้องแวะแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาลยุติธรรม เมื่อไหร่ก็เจอกันแน่นอน
00 กลายเป็นว่าเวลานี้ฝ่ายที่ ทักษิณ และเครือข่ายกังวลมากที่สุดน่าจะเป็น “มวลชนพันธมิตรฯ” นี่แหละ เพราะเมื่อดูแนวโน้มแล้วองค์กรอื่นสามารถประสานผลประโยชน์และอำนาจกันได้ลงตัวก็ไม่มีปัญหา นิ่งเงียบสนิท อย่างที่ก่อนหน้านี้เคยกังวลว่ากองทัพอาจเป็นอุปสรรค แต่ถ้ามีการใช้ผลประโยชน์ไป “ปิดปาก” บางครั้งมันก็พูดไม่ออกเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นโครงการซื้ออาวุธ ที่เสนอมาเท่าไหร่ก็ “ไฟเขียว” อีกไม่กี่เดือนก็เกษียณฯแล้ว ออกไปใช้เงินไม่ดีกว่าหรือใช่ป่าว มิน่าระยะหลังไม่ค่อยได้ยินเสียงผู้นำกองทัพบางคน
00 เวลานี้กำลังมั่วอยู่กับการแก้ไขรธน. เรื่องฉาวบนชั้น 7 และการโชว์โง่ของนายกฯยิ่งลักษณ์ ที่สื่อนอกอย่าง วอลสตรีท เจอร์นัล เอามาแฉ จนแทบลืมไปว่าในช่วงระยะสองสามสัปดาห์สถานการณ์ชายแดนใต้ปะทุรุนแรงขึ้นมาอย่างผิดสังเกต มีเหตุโจมตีเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และอุกอาจ เน้นเป้าหมายทำลายเจ้าหน้าที่ และใจกลางเมืองย่านเศรษฐกิจ แสดงว่า “เอาไม่อยู่” แล้ว และที่น่าจับตาก็คือการเตรียมจะเสนอ “เขตปกครองพิเศษ” ไม่ต่างจาก “นครรัฐปัตตานี” อาจจะเลียนแบบมาจาก “อาเจะห์” ของอินโดนีเซีย แต่เท่าที่รู้ก็คือมีเป้าหมายด้านผลประโยชน์และน้ำมันเข้ามาเกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงกับมหาอำนาจต่างประเทศอีกเช่นเคย ทุด !!
00 ประกาศย้ำชัดจากปากของแกนนำ ไม่ว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง สนธิ ลิ้มทองกุล พิภพ ธงไชย และ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ รวมทั้งความเห็นของบรรดาพี่น้องที่ตอบแบบสอบถามที่ตรงกับเสียงส่วนใหญ่ว่า การเคลื่อนขบวนของพันธมิตรฯจะต้องออกมาเพื่อการปฏิรูปฯการเมืองครั้งใหญ่เท่านั้น ไม่ใช่เพื่อสลับเปลี่ยนขั้วให้ “เอี้ยไป-จัญไร” มาชุบมือเปิบเหมือนเช่นอดีตอีกต่อไป ไม่ใช่ชุมนุมแบบไร้เดียงสา เป็นเครื่องมือหรือ “เอามัน” ตามแรงยุของพวกการเมืองบางคนที่จ้องใช้เป็น “เครื่องมือ” เท่านั้น
00 มองว่านักการเมืองมัน “กระจอก” ไร้คุณค่า ที่สำคัญรู้ทันอยู่ตลอดเวลาว่าพวกมันจะขยับไปทางไหน อย่างเรื่องการแก้ไข รธน.ที่กำลังหน้าดำคร่ำเครียดกันอยู่นั้นก็แค่ต้องการลบล้างความผิดให้ ทักษิณ ชินวัตร และแก้ไขเรื่องรองรับอำนาจทางการเมืองในอนาคตเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชาวบ้านแต่อย่างใด เพราะอย่างที่รู้กันเต็มอกแล้วว่ากฎหมายไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารบ้านเมืองแม้แต่น้อย แต่ก็รอดูไปเรื่อยๆแล้วกันว่าจะเป็นจริงอย่างที่พูดหรือไม่ และที่สำคัญถ้ายังไปข้องแวะแตะต้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ศาลยุติธรรม เมื่อไหร่ก็เจอกันแน่นอน
00 กลายเป็นว่าเวลานี้ฝ่ายที่ ทักษิณ และเครือข่ายกังวลมากที่สุดน่าจะเป็น “มวลชนพันธมิตรฯ” นี่แหละ เพราะเมื่อดูแนวโน้มแล้วองค์กรอื่นสามารถประสานผลประโยชน์และอำนาจกันได้ลงตัวก็ไม่มีปัญหา นิ่งเงียบสนิท อย่างที่ก่อนหน้านี้เคยกังวลว่ากองทัพอาจเป็นอุปสรรค แต่ถ้ามีการใช้ผลประโยชน์ไป “ปิดปาก” บางครั้งมันก็พูดไม่ออกเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นโครงการซื้ออาวุธ ที่เสนอมาเท่าไหร่ก็ “ไฟเขียว” อีกไม่กี่เดือนก็เกษียณฯแล้ว ออกไปใช้เงินไม่ดีกว่าหรือใช่ป่าว มิน่าระยะหลังไม่ค่อยได้ยินเสียงผู้นำกองทัพบางคน
00 เวลานี้กำลังมั่วอยู่กับการแก้ไขรธน. เรื่องฉาวบนชั้น 7 และการโชว์โง่ของนายกฯยิ่งลักษณ์ ที่สื่อนอกอย่าง วอลสตรีท เจอร์นัล เอามาแฉ จนแทบลืมไปว่าในช่วงระยะสองสามสัปดาห์สถานการณ์ชายแดนใต้ปะทุรุนแรงขึ้นมาอย่างผิดสังเกต มีเหตุโจมตีเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และอุกอาจ เน้นเป้าหมายทำลายเจ้าหน้าที่ และใจกลางเมืองย่านเศรษฐกิจ แสดงว่า “เอาไม่อยู่” แล้ว และที่น่าจับตาก็คือการเตรียมจะเสนอ “เขตปกครองพิเศษ” ไม่ต่างจาก “นครรัฐปัตตานี” อาจจะเลียนแบบมาจาก “อาเจะห์” ของอินโดนีเซีย แต่เท่าที่รู้ก็คือมีเป้าหมายด้านผลประโยชน์และน้ำมันเข้ามาเกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงกับมหาอำนาจต่างประเทศอีกเช่นเคย ทุด !!
