ASTVผู้จัดการรายวัน -รูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ตั้งแต่อดีตต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ถือว่ามีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง แต่รูปแบบการพัฒนาที่อยู่อาศัยนั้น ต้องยอมรับว่าต้นทุนการก่อสร้าง และกำลังการซื้อของผู้บริโภค ถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนารูปแบบบ้านอย่างแท้จริง เพราะตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาการออกแบบบ้านของสถาปนิก หรือนักออกแบบนั้นจะคำนึงถึงความต้องการและกำลังซื้อของผู้บริโภค เพื่อนำมาใช้กำหนดกลุ่มเป้าหมายของผู้ประกอบการ
โดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่ต้นทุนการก่อสร้างพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจัยเรื่องค่าแรงซึ่งมีผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างของผู้ประกอบการก็กำลังจะปรับขึ้น ประกอบกับต้นทุนวัสดุก่อสร้างก็ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มวัสดุก่อสร้างทดแทนวัสดุธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าวัสดุก่อสร้างที่มิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งอนาคตจะมีส่วนเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดต้นทุนการสร้างบ้านนั่นเอง
จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ทำให้ผู้ประกอบการทั้งในส่วนของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และผู้ประกอบการรับสร้างบ้านบนที่ดินของลูกค้า กำลังให้ความสำคัญและจับตามองรมไปถึงการปรับตัวเตรียมพร้อมรับมือกับกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือ ระบบการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่จะทวีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต
ล่าสุด สมาคมไทยรับสร้างบ้าน Thai Home Construction Association (THCA) ได้จัดงานสัมมานา ภายใต้หัวข้อ “ทิศทางธุรกิจรับสร้างบ้านปีมังกร” โดยนายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ กรรมการอำนวยการ บริษัท อินเตอร์แพ็ค จำกัด และสถาปนิกอาวุโสผู้เชี่ยวชาญในแวดวงสถาปนิกและก่อสร้าง ร่วมเป็นวิทยากรรับเชิญพิเศษ บรรยายในหัวข้อ “บ้านเพื่ออนาคต”
นายยอดเยี่ยม กล่าวถึงแนวโน้มบ้านในอนาคตว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน หรือ(AEC) ในปี2558 นี้นอกจากเป็นการเปิดพื้นที่เสรีทางการค้าในกลุ่มประเทศอาเซี่ยนแล้ว ยังรวมถึงข้อตกลงการเปิดเสรีทางวิชาชีพวิศวกรรม สถาปัตยกรรม และแรงงานฝีมือผนวกเข้าไปด้วย ซึ่งหากมีการเปิดเสรีทางวิชาชีพเกิดขึ้น ในขณะที่บุคคลากรคนรุ่นใหม่ของประเทศยังไม่รับทราบข้อมูลหรือไม่ตื่นตัวรับกับการเปิดเสรีวิชาชีพดังกล่าว จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการจ้างงานในอนาคต เนื่องจากในปัจจุบันการให้ความรู้และข้อมูลดังกล่าวในกลุ่มคนรุ่นใหม่ยังมีไม่มากพอ ขณะที่ศักยภาพในการทำงาน และการสู้งาน กลับอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่มีความต้องการหรือการเรียกร้องค่าตอบแทนสูงกว่า เมื่อเทียบกับแรงงานฝีมือ และบุคคลากรจากต่างประเทศ
สำหรับแนวโน้มบ้านหรือที่อยู่อาศัยในอนาคตนั้น รูปแบบบ้านที่ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญมากขึ้นคือ บ้านที่ปรับตัวเข้าหาธรรมชาติมากขึ้น หรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้มีการปรับเข้าหาทั้งในส่วนของการเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง การออกแบบให้มีส่วนช่วยในการดูแลครอบครัวและความปลอดภัยในทุกๆ ตามกระแสการตื่นตัวในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน
แต่อย่างไรก็ตามธุรกิจก่อสร้างในประเทศไทยยังไม่สามารถก้าวข้าม กระแสแห่งภาพลักษณ์ที่เรียกว่า รูปแบบหรือ สไตล์ คือการคำนึงถึงแบบบ้านเป็นปัจจัยหลักได้ และยังคงให้ความสำคัญในเรื่องของแบบบ้านโดยไม่ใส่ใจในเรื่องของการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่าที่ควร ขณะที่โลกก้าวเข้าสูการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมไปแล้ว
สำหรับแนวโน้มบ้านในทศวรรษหน้า บ้านจะมีพื้นที่เล็กลง แต่จะให้ความสำคัญกับใช้พื้นที่ให้คุ้มค่ามากที่สุดและบ้านในอนาคตยังต้องตอบโจทย์การดูแลผู้อยู่อาศัยและตรวจสอบตัวเองได้ เพราะจะมีการนำเทคโนโลยีเป็นส่วนประกอบในการก่อสร้างบ้าน ส่วนรูปแบบบ้านจะเปลี่ยนแปลงไปตามการใช้ชีวิตของผู้บริโภค และกลับเข้าสู่ธรรมชาติมากขึ้นเพื่อตอบรับกระแสการรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงต้องป้องกันอันตรายให้แก่ผู้อยู่อาศัยได้ทุกรูปแบบ
ด้านนายบัณฑิต จุลาสัย คณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงทิศทางธุรกิจรับสร้างบ้านปีมังกรว่า อนาคตธุรกิจรับสร้างบ้านจะเข้ามามีบทบาทในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากเกิดตัวแปรใหม่ในเรื่องของปัญหาน้ำท่วมและ การประกาศใช้ผังเมืองใหม่ของกทม. รวมถึงการปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้าง การปรับขึ้นค่าแรงงาน ส่งผลให้โอกาสการของบริษัทรับสร้างบ้านเปิดก้วางมากขึ้น
ขณะเดียวกันการประกาศใช้ผังเมืองใหม่จะส่งผลให้การก่อสร้างที่พักอาศัยและผู้ประกอบการ เช่น คอนโดมิเนียมทำยากขึ้นด้วยข้อกำหนดในเรื่องของขนาดถนนด้านหน้าโครงการต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 30 เมตร ทำให้ทำเลที่สามารถก่อสร้างโครงการมีจำกัดหรือลดน้อยลง ขณะที่โครงการแนวราบก็ไม่สามารถลงทุนได้เพราะต้นทุนที่ดินสูง ส่วนที่ดินในเมืองที่ไม่สามารถสร้างโครงการห้องชุดได้ก็ต้องปรับมาก่อสร้างเป็นบ้านหรืออาคารสูงหรือที่พักอาศัยหรือออฟฟิศที่สูงไม่เกินที่ผังเมืองกำหนด ซึ่งจะกลายเป็นโอกาสของบริษัทรับสร้างบ้านที่จะสามารถเข้ามารับงานได้
นอกจากนี้การขยายตัวของแหล่งงานและความเจริญรวมไปถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจในพื้นที่ต่างจังหวัด จะยิ่งส่งผลให้เกิดการขยายตัวของที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงของประชากรสูง ซึ่งจะกลายเป็นโอกาสของบริษัทรับสร้างบ้านที่จะสามารถขยายตลาดออกไปได้มากขึ้น
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคม ไทยรับสร้างบ้าน (THCA) กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจรับสร้างบ้านมีทิศทางที่ดีกว่าในอดีตที่ผ่านมา เนื่องจากมีทั้งการแข่งขันกันสร้างมาตรฐานและรวมตัวกันตั้งสมาคม การสร้างพันธมิตรทางการค้า และมีการพัฒนาความร่วมมือของผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม ในช่วงต่อไปของธุรกิจรับสร้างบ้านยังมีอุปสรรค เช่นต้องยอมรับว่าการแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งการแข่งขันทางด้านเงินทุนจากรายใหญ่ การขยายตลาดในต่างจังหวัดและต่อไปถึงตลาดต่างประเทศ ซึ่งในส่วนนี้ สมาคมฯเอง ได้พยายามเพิ่มขีดความสามารถของสมาชิกเพื่อให้เข้าสู่เวทีการแข่งขันได้ โดยได้กำหนดเป็น
ทั้งนี้ สมาคมฯ ได้กำหนดกรอบยุทธศาสตร์ในการบริหารงานของสมาคมฯ ซึ่งมี 5 ปัจจัยหลักด้วยก็คือ 1.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสมาชิก 2.พัฒนาทักษะและองค์ความรู้ของสมาชิกเพื่อแก้ปัญหาด้านการขาดแคลนแรงงาน 3.การส่งเสริมจริยธรรมวิชาชีพและความรับผิดชอบต่อสังคม 4.ส่งเสริมธุรกิจรับสร้างบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ5.การสร้างตลาดใหม่และการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อจะผลักดันให้ธุรกิจรับสร้างบ้านสามารถสร้างโอกาสทางการตลาดและยกระดับภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านให้เติบโตและขยายออกไปทั่วประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะเพื่อผู้ประกอบการและสมาชิกสามารถรับมือกับการแข่งขัน เมื่อประเทศไทยเปิดสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี
โดยเฉพาะในปัจจุบัน ที่ต้นทุนการก่อสร้างพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจัยเรื่องค่าแรงซึ่งมีผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างของผู้ประกอบการก็กำลังจะปรับขึ้น ประกอบกับต้นทุนวัสดุก่อสร้างก็ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มวัสดุก่อสร้างทดแทนวัสดุธรรมชาติ หรือที่เรียกว่าวัสดุก่อสร้างที่มิตรกับสิ่งแวดล้อมซึ่งอนาคตจะมีส่วนเข้ามาเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดต้นทุนการสร้างบ้านนั่นเอง
จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้น ทำให้ผู้ประกอบการทั้งในส่วนของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และผู้ประกอบการรับสร้างบ้านบนที่ดินของลูกค้า กำลังให้ความสำคัญและจับตามองรมไปถึงการปรับตัวเตรียมพร้อมรับมือกับกระแสการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือ ระบบการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่จะทวีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต
ล่าสุด สมาคมไทยรับสร้างบ้าน Thai Home Construction Association (THCA) ได้จัดงานสัมมานา ภายใต้หัวข้อ “ทิศทางธุรกิจรับสร้างบ้านปีมังกร” โดยนายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ กรรมการอำนวยการ บริษัท อินเตอร์แพ็ค จำกัด และสถาปนิกอาวุโสผู้เชี่ยวชาญในแวดวงสถาปนิกและก่อสร้าง ร่วมเป็นวิทยากรรับเชิญพิเศษ บรรยายในหัวข้อ “บ้านเพื่ออนาคต”
นายยอดเยี่ยม กล่าวถึงแนวโน้มบ้านในอนาคตว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน หรือ(AEC) ในปี2558 นี้นอกจากเป็นการเปิดพื้นที่เสรีทางการค้าในกลุ่มประเทศอาเซี่ยนแล้ว ยังรวมถึงข้อตกลงการเปิดเสรีทางวิชาชีพวิศวกรรม สถาปัตยกรรม และแรงงานฝีมือผนวกเข้าไปด้วย ซึ่งหากมีการเปิดเสรีทางวิชาชีพเกิดขึ้น ในขณะที่บุคคลากรคนรุ่นใหม่ของประเทศยังไม่รับทราบข้อมูลหรือไม่ตื่นตัวรับกับการเปิดเสรีวิชาชีพดังกล่าว จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการจ้างงานในอนาคต เนื่องจากในปัจจุบันการให้ความรู้และข้อมูลดังกล่าวในกลุ่มคนรุ่นใหม่ยังมีไม่มากพอ ขณะที่ศักยภาพในการทำงาน และการสู้งาน กลับอยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน แต่มีความต้องการหรือการเรียกร้องค่าตอบแทนสูงกว่า เมื่อเทียบกับแรงงานฝีมือ และบุคคลากรจากต่างประเทศ
สำหรับแนวโน้มบ้านหรือที่อยู่อาศัยในอนาคตนั้น รูปแบบบ้านที่ผู้บริโภคจะให้ความสำคัญมากขึ้นคือ บ้านที่ปรับตัวเข้าหาธรรมชาติมากขึ้น หรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้มีการปรับเข้าหาทั้งในส่วนของการเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง การออกแบบให้มีส่วนช่วยในการดูแลครอบครัวและความปลอดภัยในทุกๆ ตามกระแสการตื่นตัวในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน
แต่อย่างไรก็ตามธุรกิจก่อสร้างในประเทศไทยยังไม่สามารถก้าวข้าม กระแสแห่งภาพลักษณ์ที่เรียกว่า รูปแบบหรือ สไตล์ คือการคำนึงถึงแบบบ้านเป็นปัจจัยหลักได้ และยังคงให้ความสำคัญในเรื่องของแบบบ้านโดยไม่ใส่ใจในเรื่องของการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่าที่ควร ขณะที่โลกก้าวเข้าสูการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมไปแล้ว
สำหรับแนวโน้มบ้านในทศวรรษหน้า บ้านจะมีพื้นที่เล็กลง แต่จะให้ความสำคัญกับใช้พื้นที่ให้คุ้มค่ามากที่สุดและบ้านในอนาคตยังต้องตอบโจทย์การดูแลผู้อยู่อาศัยและตรวจสอบตัวเองได้ เพราะจะมีการนำเทคโนโลยีเป็นส่วนประกอบในการก่อสร้างบ้าน ส่วนรูปแบบบ้านจะเปลี่ยนแปลงไปตามการใช้ชีวิตของผู้บริโภค และกลับเข้าสู่ธรรมชาติมากขึ้นเพื่อตอบรับกระแสการรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงต้องป้องกันอันตรายให้แก่ผู้อยู่อาศัยได้ทุกรูปแบบ
ด้านนายบัณฑิต จุลาสัย คณบดี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงทิศทางธุรกิจรับสร้างบ้านปีมังกรว่า อนาคตธุรกิจรับสร้างบ้านจะเข้ามามีบทบาทในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้บริโภคมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากเกิดตัวแปรใหม่ในเรื่องของปัญหาน้ำท่วมและ การประกาศใช้ผังเมืองใหม่ของกทม. รวมถึงการปรับตัวของราคาวัสดุก่อสร้าง การปรับขึ้นค่าแรงงาน ส่งผลให้โอกาสการของบริษัทรับสร้างบ้านเปิดก้วางมากขึ้น
ขณะเดียวกันการประกาศใช้ผังเมืองใหม่จะส่งผลให้การก่อสร้างที่พักอาศัยและผู้ประกอบการ เช่น คอนโดมิเนียมทำยากขึ้นด้วยข้อกำหนดในเรื่องของขนาดถนนด้านหน้าโครงการต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 30 เมตร ทำให้ทำเลที่สามารถก่อสร้างโครงการมีจำกัดหรือลดน้อยลง ขณะที่โครงการแนวราบก็ไม่สามารถลงทุนได้เพราะต้นทุนที่ดินสูง ส่วนที่ดินในเมืองที่ไม่สามารถสร้างโครงการห้องชุดได้ก็ต้องปรับมาก่อสร้างเป็นบ้านหรืออาคารสูงหรือที่พักอาศัยหรือออฟฟิศที่สูงไม่เกินที่ผังเมืองกำหนด ซึ่งจะกลายเป็นโอกาสของบริษัทรับสร้างบ้านที่จะสามารถเข้ามารับงานได้
นอกจากนี้การขยายตัวของแหล่งงานและความเจริญรวมไปถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจในพื้นที่ต่างจังหวัด จะยิ่งส่งผลให้เกิดการขยายตัวของที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงของประชากรสูง ซึ่งจะกลายเป็นโอกาสของบริษัทรับสร้างบ้านที่จะสามารถขยายตลาดออกไปได้มากขึ้น
นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคม ไทยรับสร้างบ้าน (THCA) กล่าวว่า ปัจจุบันธุรกิจรับสร้างบ้านมีทิศทางที่ดีกว่าในอดีตที่ผ่านมา เนื่องจากมีทั้งการแข่งขันกันสร้างมาตรฐานและรวมตัวกันตั้งสมาคม การสร้างพันธมิตรทางการค้า และมีการพัฒนาความร่วมมือของผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม ในช่วงต่อไปของธุรกิจรับสร้างบ้านยังมีอุปสรรค เช่นต้องยอมรับว่าการแข่งขันที่สูงขึ้น ทั้งการแข่งขันทางด้านเงินทุนจากรายใหญ่ การขยายตลาดในต่างจังหวัดและต่อไปถึงตลาดต่างประเทศ ซึ่งในส่วนนี้ สมาคมฯเอง ได้พยายามเพิ่มขีดความสามารถของสมาชิกเพื่อให้เข้าสู่เวทีการแข่งขันได้ โดยได้กำหนดเป็น
ทั้งนี้ สมาคมฯ ได้กำหนดกรอบยุทธศาสตร์ในการบริหารงานของสมาคมฯ ซึ่งมี 5 ปัจจัยหลักด้วยก็คือ 1.เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสมาชิก 2.พัฒนาทักษะและองค์ความรู้ของสมาชิกเพื่อแก้ปัญหาด้านการขาดแคลนแรงงาน 3.การส่งเสริมจริยธรรมวิชาชีพและความรับผิดชอบต่อสังคม 4.ส่งเสริมธุรกิจรับสร้างบ้านที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ5.การสร้างตลาดใหม่และการแข่งขันอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งทั้งหมดนี้เพื่อจะผลักดันให้ธุรกิจรับสร้างบ้านสามารถสร้างโอกาสทางการตลาดและยกระดับภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านให้เติบโตและขยายออกไปทั่วประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะเพื่อผู้ประกอบการและสมาชิกสามารถรับมือกับการแข่งขัน เมื่อประเทศไทยเปิดสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี