ASTVผู้จัดการรายวัน - ศาลมีคำพิพากษาประหาร 2 หนุ่มใหญ่ค้ายาไอซ์ 3 กิโลฯ มูลค่าเกือบ 5 ล้าน ถูกตำรวจล่อซื้อคาลานจอดรถ รพ.รามาฯ คนส่งขับวอลโว่มาส่งยารับสารภาพลดโทษเหลือคุกตลอดชีวิต ส่วนอีกคนปากแข็งประหารสถานเดียว
วานนี้ (29 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 2 เป็นโจทก์ฟ้อง นายธนวรรธห์ หรือโต ภัทร์บุณยนันท์ อายุ 50 ปี อาชีพค้าขาย และนายสุริยะ หรือต้อม สมประยูร อายุ 46 ปี อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่าย
คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.53 เวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ บช.น. และสายลับ ได้ติดต่อล่อซื้อยาไอซ์ จากนายสุริยะ จำเลยที่ 2 จำนวน 3 กก. ราคา กก.ละ 1.65 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 4.95 ล้านบาท โดยมีการติดต่อขอดูเงินกันเรื่อยมา และนัดส่งยาเสพติดของกลางกันบริเวณอาคารจอดรถชั้น 3 บี รพ.รามาธิบดี เมื่อถึงเวลา นายธนวรรธห์ จำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์วอลโว่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ธน 3949 กรุงเทพมหานคร มาจอด สายลับและเจ้าหน้าที่ได้ขอดูยาไอซ์ซึ่งบรรจุในถุงใส่ใบชาห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ ซุกซ่อนในกระเป่าสีดำวางข้างคนขับ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุม ส่วนจำเลยที่ 2 ถูกจับกุมตัวได้ที่บริเวณชั้นล่างของอาคาร จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ อ้างว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า โจทก์มีเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเป็นประจักษ์พยาน เบิกความยืนยันไปตามขั้นตอนตั้งแต่การวางแผนล่อซื้อจับกุม ไม่มีเหตุที่จะปรักปรำใส่ร้ายให้จำเลยต้องรับโทษ ส่วนข้ออ้างจำเลยที่ 2 นั้นไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ เป็นข้ออ้างลอยๆ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดจริง ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ม.15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (2), 66 วรรคแรก และ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 7 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83 ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 1 รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ประหารชีวิตสถานเดียว ริบของกลาง
วานนี้ (29 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 2 เป็นโจทก์ฟ้อง นายธนวรรธห์ หรือโต ภัทร์บุณยนันท์ อายุ 50 ปี อาชีพค้าขาย และนายสุริยะ หรือต้อม สมประยูร อายุ 46 ปี อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่าย
คดีนี้โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.53 เวลาประมาณ 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบ บช.น. และสายลับ ได้ติดต่อล่อซื้อยาไอซ์ จากนายสุริยะ จำเลยที่ 2 จำนวน 3 กก. ราคา กก.ละ 1.65 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 4.95 ล้านบาท โดยมีการติดต่อขอดูเงินกันเรื่อยมา และนัดส่งยาเสพติดของกลางกันบริเวณอาคารจอดรถชั้น 3 บี รพ.รามาธิบดี เมื่อถึงเวลา นายธนวรรธห์ จำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์วอลโว่ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน ธน 3949 กรุงเทพมหานคร มาจอด สายลับและเจ้าหน้าที่ได้ขอดูยาไอซ์ซึ่งบรรจุในถุงใส่ใบชาห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ ซุกซ่อนในกระเป่าสีดำวางข้างคนขับ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวจับกุม ส่วนจำเลยที่ 2 ถูกจับกุมตัวได้ที่บริเวณชั้นล่างของอาคาร จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ อ้างว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานนำสืบทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า โจทก์มีเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเป็นประจักษ์พยาน เบิกความยืนยันไปตามขั้นตอนตั้งแต่การวางแผนล่อซื้อจับกุม ไม่มีเหตุที่จะปรักปรำใส่ร้ายให้จำเลยต้องรับโทษ ส่วนข้ออ้างจำเลยที่ 2 นั้นไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ เป็นข้ออ้างลอยๆ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดจริง ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ม.15 วรรคหนึ่ง วรรคสาม (2), 66 วรรคแรก และ พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 7 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83 ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง จำเลยที่ 1 รับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ตลอดชีวิต ส่วนจำเลยที่ 2 ให้ประหารชีวิตสถานเดียว ริบของกลาง
