00 จะเป็นเพราะมั่นใจว่ามีพวกยืนสนับสนุนอยู่ข้างหลังกันเต็มพรึดไปหมดก็เป็นได้ ทำให้เวลานี้พลพรรคเพื่อไทย รัฐบาล และคนเสื้อแดง เครือข่าย “หน้าเหลี่ยม” ทั้ง “นาย-บ่าว” ต่างเหิมเกริมก้าวร้าวกันเต็มพิกัด ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา นึกจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในสภาระหว่างการพิจารณาวาระแก้ไข รธน.เมื่อวันก่อนที่สังเกตได้ว่ามี ส.ส.และรมต.ของพรรคเพื่อไทยอยู่ในอาการ “กร่าง” เต็มพิกัด ไม่เห็นหัวใครทั้งสิ้น เพราะเห็นว่าฝ่ายของตัวเองคุมทุกอย่างเอาไว้ในมืออย่างเบ็ดเสร็จ
00 ข่าว “เหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สั่งทนายความแจ้งดำเนินคดีกับหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับอ้างลงข่าวว่า “เมาในสภา” ทำให้เสียหาย แต่ขอโทษสมัยนี้ชาวบ้านที่ฉลาดเขาสามารถพิสูจน์หลักฐานจากภาพและเสียง สามารถย้อนกลับมาดูซ้ำได้หลายรอบ และที่สำคัญอาการคนเมาเป็นอย่างไร คอเหล้าด้วยกันก็น่าจะรู้ดี แต่เออ ชอบใจคำพูดของเจ้า เทพไท เสนพงศ์ หนึ่งในสมาชิก “สายล่อฟ้า” ที่สะกิดให้คิดว่า “จะมีคนเมาที่ไหนจะยอมรับว่าตัวเองเมาละ มีแต่ผมไม่มาวว” ทั้งนั้นแหละ จริงวะ !!
00 อย่างที่บอกตั้งแรกแล้วว่าเมื่อทุกอย่างมั่นใจเต็มพิกัด วัดจากเสียงสนับสนุนจากทั้งรัฐสภาในวาระแรก 399 ต่อ 199 มันก็สามารถวัดได้ด้วย “ตัวเลข”แล้วว่าต่อไปนี้ทุกอย่างอยู่ในกำมือ เพราะเมื่อเข้าไปพิจารณาดูในรายละเอียดแล้วยังพบว่าแม้แต่พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคภูมิใจไทยก็ยังโหวตเอาด้วย และไม่ต้องพูดถึงวุฒิสภาอีกมากที่เอาด้วย เลือกข้างเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นกันอย่างตำตาแบบนี้เป็นใครก็ต้องควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ มันก็ต้องเมาฉลองกันบ้าง
00 เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ต้องเดินหน้า มั่นใจกันจนถึงขนาดนี้แล้ว มันก็ต้องเดินเกมรุกต่อทันที นั่นคือการเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง(นิรโทษฯ) ตามมาอีกไม่นานข้างหน้า ซึ่งคนที่อาสารับงานมันก็เป็นคนเดิม คือ ร.ต.อ.เฉลิม นี่แหละ เป้าหมายปลายทางหากพิจารณากันอย่างรู้ทันก็ไม่มีอะไรซับซ้อนก็เพื่อต้องการให้ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็น “เจ้านาย” ของคนพวกนี้พ้นผิดเท่านั้น รูปการก็ไม่ได้ต่างจากการเยียวยาเสื้อแดง ที่ทำทีเป็นช่วยเหลือทุกกลุ่ม ทุกสี บอกว่าได้กันทั้งหมด แต่ความหมายก็คือ ทักษิณ นั่นแหละได้คนเดียว ซึ่งก็ต้องรอลุ้นกันว่าคนไทยจะว่ากันอย่างไร จะนั่งดูอยู่เฉยๆได้อีกหรือเปล่า
00 ส่วนสาเหตุที่ต้องเสนอ พ.ร.บ.ปรองดองหรือ นิรโทษฯซ้อนเข้ามากับการรื้อ รธน.นั้นหากเข้าใจความรู้สึกของ ทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องบอกว่ามันจำเป็น เพราะการยกร่างแก้ไขรธน.ทั้งฉบับกว่าจะเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนมันก็ต้องใช้เวลานานหลายเดือน แต่ตอนนี้อกจะแตกตายอยู่แล้ว ลอยไปลอยมาแบบเจ้าไม่มีศาลมานาน 4-5 แล้ว และถึงแม้จะบงการชักใยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ได้ทุกเรื่อง แต่ถ้าตราบใดยังชนักเรื่องคดีอาญาปักหลักอยู่แบบนี้รับรองไม่สนุกแน่
00 อีกทั้งที่ต้องเร่งมือ เพราะไม่รู้ว่ารัฐบาล “ปูนิ่ม” ชุดนี้จะล้มคว่ำหัวคะมำเมื่อไหร่ ยิ่งเวลานี้แม้ว่าหากมองด้วยเสียงข้างมากในสภาแล้วจะท่วมท้น จะเสนอกฎหมายเรื่องใดก็ได้ แต่นั่นไม่ใช่หลักประกันเต็มร้อย เพราะยังมีเรื่องใหญ่ข้างนอกรุมเร้าเต็มไปหมด เช่น เรื่องข้าวของแพงกระฉูดไม่หยุด ราคาสินค้าเกษตรหลายรายการไม่ได้เป็นไปตามที่คุยโม้เอาไว้ เอาเข้าจริงมีปัญหาสารพัด โดยเฉพาะเรื่องค่าครองชีพนี่แหละใกล้ตัวที่สุด จะเสื่อมจนพังเอาได้ง่ายๆ หลังจากราคาน้ำมันที่เป็นต้นทุนหลัก มันไม่เป็นใจเอาเสียเลย !!
00 ข่าว “เหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สั่งทนายความแจ้งดำเนินคดีกับหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับอ้างลงข่าวว่า “เมาในสภา” ทำให้เสียหาย แต่ขอโทษสมัยนี้ชาวบ้านที่ฉลาดเขาสามารถพิสูจน์หลักฐานจากภาพและเสียง สามารถย้อนกลับมาดูซ้ำได้หลายรอบ และที่สำคัญอาการคนเมาเป็นอย่างไร คอเหล้าด้วยกันก็น่าจะรู้ดี แต่เออ ชอบใจคำพูดของเจ้า เทพไท เสนพงศ์ หนึ่งในสมาชิก “สายล่อฟ้า” ที่สะกิดให้คิดว่า “จะมีคนเมาที่ไหนจะยอมรับว่าตัวเองเมาละ มีแต่ผมไม่มาวว” ทั้งนั้นแหละ จริงวะ !!
00 อย่างที่บอกตั้งแรกแล้วว่าเมื่อทุกอย่างมั่นใจเต็มพิกัด วัดจากเสียงสนับสนุนจากทั้งรัฐสภาในวาระแรก 399 ต่อ 199 มันก็สามารถวัดได้ด้วย “ตัวเลข”แล้วว่าต่อไปนี้ทุกอย่างอยู่ในกำมือ เพราะเมื่อเข้าไปพิจารณาดูในรายละเอียดแล้วยังพบว่าแม้แต่พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคภูมิใจไทยก็ยังโหวตเอาด้วย และไม่ต้องพูดถึงวุฒิสภาอีกมากที่เอาด้วย เลือกข้างเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นกันอย่างตำตาแบบนี้เป็นใครก็ต้องควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ มันก็ต้องเมาฉลองกันบ้าง
00 เมื่อทุกอย่างพร้อมก็ต้องเดินหน้า มั่นใจกันจนถึงขนาดนี้แล้ว มันก็ต้องเดินเกมรุกต่อทันที นั่นคือการเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง(นิรโทษฯ) ตามมาอีกไม่นานข้างหน้า ซึ่งคนที่อาสารับงานมันก็เป็นคนเดิม คือ ร.ต.อ.เฉลิม นี่แหละ เป้าหมายปลายทางหากพิจารณากันอย่างรู้ทันก็ไม่มีอะไรซับซ้อนก็เพื่อต้องการให้ ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็น “เจ้านาย” ของคนพวกนี้พ้นผิดเท่านั้น รูปการก็ไม่ได้ต่างจากการเยียวยาเสื้อแดง ที่ทำทีเป็นช่วยเหลือทุกกลุ่ม ทุกสี บอกว่าได้กันทั้งหมด แต่ความหมายก็คือ ทักษิณ นั่นแหละได้คนเดียว ซึ่งก็ต้องรอลุ้นกันว่าคนไทยจะว่ากันอย่างไร จะนั่งดูอยู่เฉยๆได้อีกหรือเปล่า
00 ส่วนสาเหตุที่ต้องเสนอ พ.ร.บ.ปรองดองหรือ นิรโทษฯซ้อนเข้ามากับการรื้อ รธน.นั้นหากเข้าใจความรู้สึกของ ทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องบอกว่ามันจำเป็น เพราะการยกร่างแก้ไขรธน.ทั้งฉบับกว่าจะเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนมันก็ต้องใช้เวลานานหลายเดือน แต่ตอนนี้อกจะแตกตายอยู่แล้ว ลอยไปลอยมาแบบเจ้าไม่มีศาลมานาน 4-5 แล้ว และถึงแม้จะบงการชักใยรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ได้ทุกเรื่อง แต่ถ้าตราบใดยังชนักเรื่องคดีอาญาปักหลักอยู่แบบนี้รับรองไม่สนุกแน่
00 อีกทั้งที่ต้องเร่งมือ เพราะไม่รู้ว่ารัฐบาล “ปูนิ่ม” ชุดนี้จะล้มคว่ำหัวคะมำเมื่อไหร่ ยิ่งเวลานี้แม้ว่าหากมองด้วยเสียงข้างมากในสภาแล้วจะท่วมท้น จะเสนอกฎหมายเรื่องใดก็ได้ แต่นั่นไม่ใช่หลักประกันเต็มร้อย เพราะยังมีเรื่องใหญ่ข้างนอกรุมเร้าเต็มไปหมด เช่น เรื่องข้าวของแพงกระฉูดไม่หยุด ราคาสินค้าเกษตรหลายรายการไม่ได้เป็นไปตามที่คุยโม้เอาไว้ เอาเข้าจริงมีปัญหาสารพัด โดยเฉพาะเรื่องค่าครองชีพนี่แหละใกล้ตัวที่สุด จะเสื่อมจนพังเอาได้ง่ายๆ หลังจากราคาน้ำมันที่เป็นต้นทุนหลัก มันไม่เป็นใจเอาเสียเลย !!