นางปณิชา ศรีจันทร์ อายุ 33 ปี ข้าราชการครูวิทยาลัยชุมชนพิจิตรระดับซี 6 ได้เข้าร้องเรียนต่อ นางอรุณี ชำนาญยา ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะเป็น ประธานคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ และผู้พิการ สภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่า ตนได้เข้ารับราชการในวิทยาลัยดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย. 48 ซึ่งตลอดระยะเวลาที่รับราชการ ก็ได้โดนผู้บริหารระดับสูงของวิทยาลัย พยายามลวนลามด้วยการจับบริเวณสะโพกและบั้นท้ายอยู่ตลอด แต่ตนไม่ยินยอม จึงเกิดปัญหาในการทำงานมาตลอด และเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาได้เกิดกรณีการทุจริตขึ้นภายในวิทยาลัย ตนได้รับการแต่งตั้งให้เป็น คณะกรรมการในการตรวจสอบ โดยภายหลังจากนั้น ได้เกิดเหตุการณ์ที่ครูอัตราจ้างคนหนึ่งในวิทยาลัย บุกเข้ามาที่บ้านพักของตน พยายามจะข่มขืน แต่ตนดิ้นรนต่อสู้ จึงเอาตัวรอดมาได้
นางปณิชา กล่าวต่อว่า ภายหลังจากนั้นตน ได้เข้าแจ้งความเพื่อเอาผิดต่อครูอัตราจ้างผู้นี้ แต่คดีความถูกยื้อเอาไว้จากผู้บริหารของวิทยาลัยคนดังล่าว และได้มีการช่วยเหลือครูอัตราจ้าง ด้วยการประกันตัวออกไป ซึ่งตลอดระยะเวลาตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงขณะนี้ ตนได้รับการโทรศัพท์ข่มขู่หลายครั้ง โดยครั้งหนึ่งครูอัตราจ้างคนดังกล่าว ได้โทรศัพท์มาสารภาพกับตนว่า ผู้บริหารเป็นผู้ยุให้มาข่มขืนตน เนื่องจากได้รับข้อมูลว่า การที่ตนเป็นคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริต จะส่งผลกระทบกับแผนกของครูอัตราจ้างคนนี้ และก็มีการปล่อยข่าวเพื่อทำลายตนมาโดยตลอดด้วย ซึ่งในขณะนี้ตนได้พยายามที่จะขอย้ายกลับมารับราชการใน จ.นครสวรรค์ ที่เป็นบ้านเกิดของตนเอง เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะทำงานที่นี้แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ย้าย เนื่องจากจะต้องขอการย้ายจากต้นสังกัดเดิมก่อน
นางปณิชา ยังกล่าวต่อว่า ขณะนี้คดีความได้อยู่ในชั้นของศาลอุทธรณ์ ที่ตัดสินจำคุกครูอัตราจ้าง 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งตนอยากจะเรียกร้องให้ คณะกรรมาธิการช่วยเข้าตรวจสอบ และดำเนินการเรื่องนี้ให้เกิดความโปร่งใสด้วย เนื่องจากตนคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูงของวิทยาลัยด้วย
ด้านนางอรุณี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะที่ผ่านมาก็มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น แต่มีผู้หญิงจำนวนน้อยมาก ที่จะกล้าหาญออกมาเปิดเผยเช่นนี้ ตนจะขอเอาเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของกรรมาธิการอย่างเร่งด่วนที่สุด เพื่อตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใสต่อไป
นางปณิชา กล่าวต่อว่า ภายหลังจากนั้นตน ได้เข้าแจ้งความเพื่อเอาผิดต่อครูอัตราจ้างผู้นี้ แต่คดีความถูกยื้อเอาไว้จากผู้บริหารของวิทยาลัยคนดังล่าว และได้มีการช่วยเหลือครูอัตราจ้าง ด้วยการประกันตัวออกไป ซึ่งตลอดระยะเวลาตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงขณะนี้ ตนได้รับการโทรศัพท์ข่มขู่หลายครั้ง โดยครั้งหนึ่งครูอัตราจ้างคนดังกล่าว ได้โทรศัพท์มาสารภาพกับตนว่า ผู้บริหารเป็นผู้ยุให้มาข่มขืนตน เนื่องจากได้รับข้อมูลว่า การที่ตนเป็นคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริต จะส่งผลกระทบกับแผนกของครูอัตราจ้างคนนี้ และก็มีการปล่อยข่าวเพื่อทำลายตนมาโดยตลอดด้วย ซึ่งในขณะนี้ตนได้พยายามที่จะขอย้ายกลับมารับราชการใน จ.นครสวรรค์ ที่เป็นบ้านเกิดของตนเอง เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะทำงานที่นี้แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ย้าย เนื่องจากจะต้องขอการย้ายจากต้นสังกัดเดิมก่อน
นางปณิชา ยังกล่าวต่อว่า ขณะนี้คดีความได้อยู่ในชั้นของศาลอุทธรณ์ ที่ตัดสินจำคุกครูอัตราจ้าง 1 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งตนอยากจะเรียกร้องให้ คณะกรรมาธิการช่วยเข้าตรวจสอบ และดำเนินการเรื่องนี้ให้เกิดความโปร่งใสด้วย เนื่องจากตนคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับผู้บริหารระดับสูงของวิทยาลัยด้วย
ด้านนางอรุณี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะที่ผ่านมาก็มีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้น แต่มีผู้หญิงจำนวนน้อยมาก ที่จะกล้าหาญออกมาเปิดเผยเช่นนี้ ตนจะขอเอาเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของกรรมาธิการอย่างเร่งด่วนที่สุด เพื่อตรวจสอบให้เกิดความโปร่งใสต่อไป