ASTVผู้จัดการรายวัน-ถึงคิวล้างบาง “เด็กเนวิน” ลือ!“เสี่ยเต้น-อารี”เล็งย้าย “บิ๊กข้าราชการ”สมัยภูมิใจไทย เรืองอำนาจ ด้าน“โต้ง” ไม่คิดปลดปลัดคลัง พร้อมให้กำลังในการทำงาน ตำหนิคนให้ข่าวมั่ว
วานนี้ (8ก.พ.55) นายอุบล อยู่หว้า ผู้ประสานงานเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก เปิดเผยว่าเครือข่ายฯพร้อมด้วยสมาชิกกว่า 100 คน ได้ยื่นหนังสือต่อนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯในฐานะดูแลกรมวิชาการเกษตร ขอให้ระงับการขึ้นทะเบียนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชร้ายแรง 4 ชนิด จากที่ได้เคยหนังสือไว้แล้วตั้งแต่ 29 ส.ค. 54 เพื่อเรียกร้องให้มีการระงับการขึ้นทะเบียนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชร้ายแรง 4 ชนิดได้แก่ คาร์โบฟูราน เมโทมิล ไดโครฟอสและอีพีเอ็น จนขณะนี้เป็นเวลากว่า 5 เดือน กรมวิชาการเกษตรซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมวัตถุอันตรายทางการเกษตรรวมทั้งไม่มีการเปิดเผยข้อมูลการขึ้นทะเบียน ยังมีการดำเนินการที่เชื่อว่ากำลังจะอนุญาตให้มีการขึ้นทะเบียนสารเคมีเร็วๆนี้ทั้งๆที่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และมีเหตุผลว่าสารเคมีกลุ่มนี้จะมีผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อมของเกษตรกรและผู้บริโภคอาจจะกระทบต่อพืชผักผลไม้ที่ส่งไปต่างประเทศด้วย โดยสารเคมีเหล่านี้ได้ถูกสั่งห้ามผลิต จำหน่าย น้ำเข้าในประเทศสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จีน เรียกร้องให้สอบสวนการดำเนินการของกรมวิชาการเกษตรที่กำลังมีการแก้ไขกฎระเบียบให้เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเอกชนที่นำเข้าสารเคมีกลุ่มนี้
โดยนายณัฐวุฒิ ได้ให้นายอารี ไกรนรา เลขานุการ รมช.เชิญแกนนำเครือข่ายไปพบที่ห้องทำงานและรับหนังสือจากเครือข่ายฯพร้อมกับรับปากว่าจะดำเนินการทุกอย่างให้เกิดความโปร่งใส โดยจะตั้งกรรมการ 3 สามฝ่ายประกอบด้วยตัวแทนนักการเมือง เกษตรกรและฝ่ายวิชาการศึกษาและทำประชาพิจารณ์ภายใน 3 เดือนและภายในสัปดาห์หน้าจะให้กรมวิชาการเกษตรชี้แจงข้อมูลทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้เป็นที่น่าสังเกตว่ามีการเคลื่อนไหวกดดันผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดี ในสายของข้าราชการที่ใกล้ชิดกับนายเนวิน ชิดชอบ เช่น ว่านายจิรากร โกศัยเสวี อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นตัวหลักในการทำโครงการกล้ายาง 1 ล้านไร่จนสำเร็จและได้ปูนบำเหน็จได้ขึ้นอธิบดีกรมวิชาการเกษตร สมัยนายเนวิน เป็น รมช.เกษตรฯ อีกคนที่โดนกดดันคือนายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่ใกล้ชิดกับนายเนวินเช่นกัน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีกลุ่มเกษตรกรยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรีสอบสวนกรณีปล่อยให้มีการฉ้อโกงในสหกรณ์การเกษตร กรณีซื้อขาย ลอตเตอร์รี่
วันเดียวกัน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ รายการอินไซด์ไทยแลนด์ ทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ถึงกระแสข่าวเรื่องการเสนอปลดปลัดกระทรวงการคลัง ว่า เป็นข่าวเท็จโดยสิ้นเชิง ตนไม่เคยมีเรื่องเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ในลักษณะเช่นนั้น และได้บอกไปหลายครั้งว่าเมื่อเข้าทำงานไม่ได้มีความคิดไปย้ายใครโดยไม่ได้ทำงานร่วมกัน เรื่องนี้ไม่มีมูล และมั่นใจว่า รัฐมนตรีช่วยว่ากากรระทรวงการคลัง หรือ นายกรัฐมนตรีไม่มีแนวความคิดเรื่องนี้เลย
นายกิตติรัตน์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ไม่มีมูลความจริงใดๆ เพราะเนื่องจาก นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมทั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการ ไม่มีแนวคิดที่จะโยกย้าย นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งทุกคนจะทำงานร่วมกับข้าราชการกระทรวงการคลังอย่างเต็มที่ ก่อนจะพิจารณาว่า ข้าราชการคนนั้นเหมาะสมกับการทำหน้าที่เดิม หรือ หน้าที่ใหม่ จึงของให้ นายอารีพงศ์ ทำหน้าที่ต่อไปอย่างจริงจัง และขอตำหนิสื่อมวลชน ที่ไปฟังข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่มีมูลความจริง และไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเผยชื่อตัวเอง ซึ่งถือว่าไม่น่าเชื่อถือ และควรทบทวนว่าจะนำบุคคลนี้มาเป็นแหล่งข่าวอีกหรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้น มีกระแสข่าวอ้างว่า นายกิตติรัตน์ มีแนวคิดที่จะโยก นายอารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม ปลัดก.การคลังคนปัจจุบัน ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเห็นว่า ปลัดคลัง ขึ้นมาดำรงตำแหน่งได้ ในยุคที่อีกขั้วของพรรคเพื่อไทยตั้งขึ้นมา จึงเกรงว่า จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินการนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องใช้กระทรวงการคลังเป็นหัวใจหลักในการบริหารเศรษฐกิจ
รวมทั้งในทำเนียบรัฐบาล ยังมีกระแสข่าว ไม่พอใจแนวทางการทำงานของนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการครม. เช่นไม่ดูเเลข้าราชการในสังกัดสำนักเลขาธิกาคณะรัฐมนตรี (สลค.) โดยเฉพาะในกองทุนช่วยข้าราชการสลค.ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ 20 ล้านบาท แต่กลับช่วยรายละ 1 พันเท่านั้น
วานนี้ (8ก.พ.55) นายอุบล อยู่หว้า ผู้ประสานงานเครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก เปิดเผยว่าเครือข่ายฯพร้อมด้วยสมาชิกกว่า 100 คน ได้ยื่นหนังสือต่อนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯในฐานะดูแลกรมวิชาการเกษตร ขอให้ระงับการขึ้นทะเบียนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชร้ายแรง 4 ชนิด จากที่ได้เคยหนังสือไว้แล้วตั้งแต่ 29 ส.ค. 54 เพื่อเรียกร้องให้มีการระงับการขึ้นทะเบียนสารเคมีกำจัดศัตรูพืชร้ายแรง 4 ชนิดได้แก่ คาร์โบฟูราน เมโทมิล ไดโครฟอสและอีพีเอ็น จนขณะนี้เป็นเวลากว่า 5 เดือน กรมวิชาการเกษตรซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมวัตถุอันตรายทางการเกษตรรวมทั้งไม่มีการเปิดเผยข้อมูลการขึ้นทะเบียน ยังมีการดำเนินการที่เชื่อว่ากำลังจะอนุญาตให้มีการขึ้นทะเบียนสารเคมีเร็วๆนี้ทั้งๆที่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และมีเหตุผลว่าสารเคมีกลุ่มนี้จะมีผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อมของเกษตรกรและผู้บริโภคอาจจะกระทบต่อพืชผักผลไม้ที่ส่งไปต่างประเทศด้วย โดยสารเคมีเหล่านี้ได้ถูกสั่งห้ามผลิต จำหน่าย น้ำเข้าในประเทศสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป จีน เรียกร้องให้สอบสวนการดำเนินการของกรมวิชาการเกษตรที่กำลังมีการแก้ไขกฎระเบียบให้เอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเอกชนที่นำเข้าสารเคมีกลุ่มนี้
โดยนายณัฐวุฒิ ได้ให้นายอารี ไกรนรา เลขานุการ รมช.เชิญแกนนำเครือข่ายไปพบที่ห้องทำงานและรับหนังสือจากเครือข่ายฯพร้อมกับรับปากว่าจะดำเนินการทุกอย่างให้เกิดความโปร่งใส โดยจะตั้งกรรมการ 3 สามฝ่ายประกอบด้วยตัวแทนนักการเมือง เกษตรกรและฝ่ายวิชาการศึกษาและทำประชาพิจารณ์ภายใน 3 เดือนและภายในสัปดาห์หน้าจะให้กรมวิชาการเกษตรชี้แจงข้อมูลทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะนี้เป็นที่น่าสังเกตว่ามีการเคลื่อนไหวกดดันผู้ดำรงตำแหน่งอธิบดี ในสายของข้าราชการที่ใกล้ชิดกับนายเนวิน ชิดชอบ เช่น ว่านายจิรากร โกศัยเสวี อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ซึ่งเป็นตัวหลักในการทำโครงการกล้ายาง 1 ล้านไร่จนสำเร็จและได้ปูนบำเหน็จได้ขึ้นอธิบดีกรมวิชาการเกษตร สมัยนายเนวิน เป็น รมช.เกษตรฯ อีกคนที่โดนกดดันคือนายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่ใกล้ชิดกับนายเนวินเช่นกัน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีกลุ่มเกษตรกรยื่นหนังสือให้นายกรัฐมนตรีสอบสวนกรณีปล่อยให้มีการฉ้อโกงในสหกรณ์การเกษตร กรณีซื้อขาย ลอตเตอร์รี่
วันเดียวกัน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ รายการอินไซด์ไทยแลนด์ ทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ถึงกระแสข่าวเรื่องการเสนอปลดปลัดกระทรวงการคลัง ว่า เป็นข่าวเท็จโดยสิ้นเชิง ตนไม่เคยมีเรื่องเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ในลักษณะเช่นนั้น และได้บอกไปหลายครั้งว่าเมื่อเข้าทำงานไม่ได้มีความคิดไปย้ายใครโดยไม่ได้ทำงานร่วมกัน เรื่องนี้ไม่มีมูล และมั่นใจว่า รัฐมนตรีช่วยว่ากากรระทรวงการคลัง หรือ นายกรัฐมนตรีไม่มีแนวความคิดเรื่องนี้เลย
นายกิตติรัตน์ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ไม่มีมูลความจริงใดๆ เพราะเนื่องจาก นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมทั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการ ไม่มีแนวคิดที่จะโยกย้าย นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง ซึ่งทุกคนจะทำงานร่วมกับข้าราชการกระทรวงการคลังอย่างเต็มที่ ก่อนจะพิจารณาว่า ข้าราชการคนนั้นเหมาะสมกับการทำหน้าที่เดิม หรือ หน้าที่ใหม่ จึงของให้ นายอารีพงศ์ ทำหน้าที่ต่อไปอย่างจริงจัง และขอตำหนิสื่อมวลชน ที่ไปฟังข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่มีมูลความจริง และไม่กล้าแม้แต่จะเปิดเผยชื่อตัวเอง ซึ่งถือว่าไม่น่าเชื่อถือ และควรทบทวนว่าจะนำบุคคลนี้มาเป็นแหล่งข่าวอีกหรือไม่
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านั้น มีกระแสข่าวอ้างว่า นายกิตติรัตน์ มีแนวคิดที่จะโยก นายอารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม ปลัดก.การคลังคนปัจจุบัน ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากเห็นว่า ปลัดคลัง ขึ้นมาดำรงตำแหน่งได้ ในยุคที่อีกขั้วของพรรคเพื่อไทยตั้งขึ้นมา จึงเกรงว่า จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินการนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องใช้กระทรวงการคลังเป็นหัวใจหลักในการบริหารเศรษฐกิจ
รวมทั้งในทำเนียบรัฐบาล ยังมีกระแสข่าว ไม่พอใจแนวทางการทำงานของนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการครม. เช่นไม่ดูเเลข้าราชการในสังกัดสำนักเลขาธิกาคณะรัฐมนตรี (สลค.) โดยเฉพาะในกองทุนช่วยข้าราชการสลค.ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ 20 ล้านบาท แต่กลับช่วยรายละ 1 พันเท่านั้น
